‘กลิ่นคนแก่’ มีจริงๆ แม้อาบน้ำสะอาดแค่ไหนก็ไม่หาย เพราะร่างกายผลิตกลิ่นนี้ออกมาเรื่อยๆ หากอยากลดกลิ่นให้ ‘กินเห็ด’
เวลาเราพูดถึง ‘กลิ่นเฉพาะ’ ของคนบางกลุ่มในสังคม มันมีความสุ่มเสี่ยงมากที่จะโดนข้อหาที่ชาวไทยนิยมเรียกว่า ‘บูลลี่’ ซึ่งในทางเทคนิคมันคือการ ‘เหยียด’ หรือการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งโดยทั่วไปกลิ่นที่ว่านี้ก็อาจไม่มีฐานทางวิทยาศาสตร์ว่ามันมีจริง แต่อย่างไรก็ดี สำหรับผู้สูงอายุ ‘กลิ่นคนแก่’ เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง มีงานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน
ในทางการวิจัย กลิ่นคนแก่คือสารเคมีที่เรียกว่า ‘2-nonenal’ อธิบายง่ายๆ มันคือสารที่ไขมันจากผิวหนัง (sebum) ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ จนมีกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ แบบที่ถ้าพูดถึงกลิ่นคนแก่หลายๆ คนอาจร้องอ๋อทันที
ที่จริงแล้วร่างกายมนุษย์ทุกวัยผลิตกลิ่น 2-nonenal ด้วยกันทั้งนั้น แต่ในคนอายุน้อย ร่างกายจะมีระบบในการจัดการพวกไขมันบนผิวหนังให้ไม่คั่งค้าง หรือมีการผลิตสารที่ต้านการที่ไขมันบนผิวหนังทำปฏิกิริยากับอากาศ กลิ่นเลยน้อย แต่กระบวนการนี้มันลดลงเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น มันเลยทำให้กลิ่น 2-nonenal ชัดขึ้นตามอายุ และกลายมาเป็น ‘กลิ่นคนแก่’
ความน่าสนใจคือ กลิ่นคนแก่นี้มันไม่สามารถจัดการด้วยการทำความสะอาดร่างกายได้ หรือต่อให้อาบน้ำทำความสะอาดมากๆ ด้วยสารใดๆ สักพักกลิ่นมันก็จะกลับมา เพราะต้นกำเนิดมันไม่ได้มาจากความสกปรก แต่เกิดจากกระบวนการทางเคมีของร่างกายที่เปลี่ยนไปตามวัย ซึ่งคนแก่บางคนไม่ชอบกลิ่นนี้ พอใส่น้ำหอมเข้าไป กลิ่นที่ออกมาก็เป็นกลิ่นที่ผสมกันระหว่างน้ำหอมกับกลิ่นคนแก่อยู่ดี
ในสังคมผู้สูงอายุ ก็มีความเป็นไปได้ในอนาคตที่จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นของคนแก่โดยเฉพาะ แต่ในตอนนี้ถ้าอยากจัดการกับกลิ่นคนแก่ ทาง Vice ก็ได้ไปถามผู้เชี่ยวชาญ และผู้เชี่ยวชาญก็ตอบว่าจริงๆ มันมีแนวทางหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้ คือการ ‘กินเห็ด’ เยอะๆ เพราะในทางเคมี เห็ดเต็มไปด้วยสารที่จะไปเพิ่มกระบวนการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารที่จะมาดับกลิ่นคนแก่ และเห็ดที่น่าจะมีสรรพคุณนี้เป็นพิเศษคือ ‘เห็ดหอม’ และ ‘เห็ดนางรม’
และจริงๆ แล้ว ก็ค่อนข้างจะเชื่อกันอย่างแพร่หลายแต่โบราณว่า เห็ดมีสรรพคุณช่วยชะลอความแก่ ซึ่งหลังๆ ในทางวิทยาศาสตร์ก็เริ่มมีคำอธิบายทางชีวเคมีมากขึ้นว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่อีกด้านก็คือ เห็ดก็อาจไม่ใช่ ‘กระสุนเงิน’ ที่ใช้ชะลอความแก่ มิเช่นนั้น คนกินเห็ดเยอะๆ ก็คงแทบจะใกล้เป็นอมตะกันหมดแล้ว โดยสรรพคุณแต่ละอย่างของเห็ดก็อาจต้องการการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มากกว่าการหาความเชื่อมโยงของสารในเห็ด กับกระบวนการทางเคมีในร่างกายมนุษย์ลอยๆ
เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ซับซ้อนกว่านั้นก็คือ ในบรรดา ‘อาหารมหัศจรรย์’ หรือ Superfood ทั้งหลาย โดยทั่วไปมักจะเกิดจากการเชื่อมโยงกันระหว่างของที่กลุ่มคนที่อายุยืนกลุ่มหนึ่งกินเป็นประจำ กับคุณลักษณะทางเคมีของสิ่งนั้นๆ แต่สิ่งที่คนมักจะลืมคือ จริงๆ แล้วอะไรพวกนี้มันแยกไม่ออกจากระบบอาหารทั้งหมด กิจกรรมในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงภูมิประเทศและภูมิอากาศของพื้นที่นั้นๆ ที่อาจทำให้การแยกอาหารบางอย่างลอยๆ เอามากินอย่างบ้าคลั่งในดินแดนอื่น ก็อาจไม่ส่งผลต่อร่างกายแบบเดียวกันกับดินแดนที่อาหารเหล่านี้ได้สร้างความมหัศจรรย์
ถ้าจะพูดจริงจังก็คือ ในปัจจุบันเราอาจต้องยอมรับว่ากลิ่นคนแก่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถกำจัดได้ และอาจต้องไม่ลืมว่ามนุษย์ก็อยู่กับสิ่งเหล่านี้มาได้ยาวนานโดยไม่มีปัญหาอะไร และสุดท้ายการคิดว่า ‘ภาวะแก่ชรา’ เป็นโรคแบบหนึ่งที่ต้องรักษานั้น ก็อาจเป็นกรอบความคิดที่ธุรกิจยืดอายุหรือชะลอวัยทั้งหลายต้องการให้มีอยู่ เพื่อขายสินค้าและบริการมากกว่าสิ่งอื่นใด
อ้างอิง:
- Vice. ‘Old People Smell’ Is Real. Here’s How to Get Rid of It. https://shorter.me/0yiys