5 Min

เปลือยประท้วงไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายประเทศใช้วิธีนี้แสดงออกอย่างสันติ แล้วตำรวจที่อื่นรับมือกันยังไง?

5 Min
371 Views
18 Oct 2021

【อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่นี้พอ】

การเปลือยกายในที่สาธารณะ (public nudity) อาจจะยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายในหลายๆ ประเทศ แต่การ ‘เปลือยประท้วง’ (naked protest) เพื่อเรียกร้องประเด็นทางสังคมและการเมืองอาจเป็นข้อยกเว้น เพราะองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนหลายแห่งระบุว่านี่คือการแสดงออกอย่างสันติวิธี และตำรวจในบางพื้นที่ก็ยอมปล่อยผ่าน

แต่ก็มีแนวโน้มเหมือนกันว่าประเทศที่ปกครองแบบอำนาจนิยม จารีตนิยม รวมถึงเผด็จการ จะเลือกใช้บทลงโทษรุนแรงเพื่อสกัดผู้ชุมนุมด้วยวิธีนี้ ซึ่งอาจรวมถึงการถูกจับกุมคุมขัง และปรับเงิน

ตำรวจ, เปลือย, ประท้วง, ป้าเป้า, เสื้อแดง

เปลือยประท้วง | en.wikipedia.org

ก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมและการล่าอาณานิคมของจักรวรรดิตะวันตก ‘การเปลือยอก’ หรือการนุ่งน้อยห่มน้อยในดินแดนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร และมีหลักฐานซึ่งถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร (รวมถึงภาพวาดและภาพถ่าย) ว่าผู้หญิงสยามในอดีตไม่ได้แต่งกายมิดชิดเหมือนปัจจุบัน

ค่านิยมที่บอกว่าผู้หญิงและผู้ชายต้องสวมเสื้อผ้าปกปิดเรือนร่างท่อนบนและท่อนล่างอย่างรัดกุม เพิ่งจะเริ่มอย่างจริงจังช่วงสยามมีปฏิสัมพันธ์กับโลกตะวันตกยุคต้นรัตนโกสินทร์ ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา การเปิดเผยเรือนร่างในที่สาธารณะก็กลายเป็นเรื่องต้องห้ามและผิดกฎหมาย

เมื่อการเปิดเผยเรือนร่างถูกนำมาใช้ในการประท้วงหรือแสดงออกทางการเมืองในไทย ทำให้ข้อถกเถียงเรื่องความเหมาะควร รวมถึงเสียงประณามว่าเป็นทัศนะอุจาดก็ดังขึ้นให้ได้ยิน แต่การทำความเข้าใจสิ่งที่สะท้อนผ่านการเปลือยเรือนร่างในที่สาธารณะ อาจช่วยให้คนในสังคมมองเห็นความหมายอีกแง่มุมหนึ่งของผู้เลือกใช้วิธีดังกล่าว

ตำรวจ, เปลือย, ประท้วง, ป้าเป้า, เสื้อแดง

เปลือยประท้วง | twitter.com

【เรือนร่างเปลือยคือพื้นที่แห่งการแสดงออก】

หลายคนอาจจะอยากเบือนหน้าหนี หรือรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เมื่อเห็นการเปลือยหรือเปิดเผยเรือนร่างของผู้ประท้วงที่ไม่ได้ปรุงแต่งให้สวยงามตามค่ามาตรฐานของสังคม และถ้าหากผู้ประท้วงมีแนวคิดต่อสังคมหรือการเมืองแตกต่างจากผู้พบเห็น ก็อาจจะนำไปสู่การล้อเลียนหรือใช้ถ้อยคำดูหมิ่นซึ่งลดทอนศักดิ์ศรีของฝั่งที่เห็นต่าง

แต่สำหรับนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนแนวทางสันติวิธี ยืนยันว่าการเปลือยประท้วงเป็นการสื่อสารที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง และบางครั้งก็เป็นการแสดงออกซึ่งความสิ้นหวังและการไร้ซึ่งอำนาจต่อรองใดๆ จึงมีผู้ที่เลือกใช้วิธีนี้ต่อต้านการใช้กำลังอาวุธหรือการใช้ความรุนแรงของผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือ

ตัวอย่างที่ชัดเจนและเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ในระหว่างการชุมนุม Black Lives Matter ที่ต่อต้านการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุและการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหรัฐอเมริกาต่อคนผิวดำ โดยผู้ร่วมชุมนุมไม่ได้เจาะจงแค่ผู้มีเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน แต่รวมถึงชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ

‘เจน’ ผู้หญิงผิวขาววัยราว 30 ปีคนหนึ่งกลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วสหรัฐฯ ช่วงเดือนกรกฎาคม 2020 จากการเปลือยกายเผชิญหน้ากับตำรวจปราบปรามจลาจลที่มีอาวุธครบมือในการชุมนุม Black Lives Matter ที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่เห็นเหตุการณ์ได้ทวีตภาพของเธอขณะเปลือยตลอดร่าง มีเพียงหมวกไหมพรมและหน้ากากปกปิดใบหน้าขณะนั่งในท่าโยคะต่อหน้าตำรวจที่มีอาวุธในมือ แม้จะถูกยิงกระสุนยางที่เท้า เธอก็ไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใด

การเผชิญหน้ากันเวลานานหลายนาทีในช่วงค่ำ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น และก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น มีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งถูกตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและใช้กระบองวิ่งไล่จับกุม เนื่องจากมีผู้ก่อเหตุรุนแรงยั่วยุเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่วิธีปราบปรามของเจ้าหน้าที่คือการใช้กำลังกับผู้ชุมนุมที่เดินขบวนทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ทำให้ ‘เจน’ ตัดสินใจเปลื้องผ้าไปนั่งนิ่งๆ ขวางทาง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ยอมถอนกำลังออกไปในที่สุด และไม่ได้จับกุมหรือตั้งข้อหาเธอแต่อย่างใด

แม้แต่นิตยสารผู้หญิงอย่าง Elle ก็ยังรายงานเรื่องของ ‘เจน’ อ้างอิงพอดแคสต์ที่เธอเผยแพร่ออกมาเพื่ออธิบายเหตุผลในการทำอย่างนั้น โดยย้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการเตรียมการใดๆ ล่วงหน้า แต่เธอตัดสินใจแบบปุบปับ เพราะรู้สึกโกรธที่ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม และเธอย้ำว่าร่างกายของเธอคือการแสดงออกให้เห็นว่า ถ้าจะยิงก็ยิง เพราะเธอไม่มีอะไรเลย

【ลามก อนาจาร คำหยาบ อารมณ์ขัน – ก็เป็นหนึ่งในแนวทางสันติวิธี】

ก่อนจะมีเรื่องของ ‘เจน’ ก็มีกลุ่มรณรงค์ทางการเมืองในหลายประเทศที่ใช้วิธีเปลือยเรือนร่างเพื่อดึงดูดความสนใจจากสื่อมวลชน โดยองค์กรระหว่างประเทศที่ใช้วิธีนี้หลายครั้งรวมถึง Greenpeace ที่เป็นหัวหอกในการรณรงค์ให้คนหันมาสนใจและหาทางแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

ตำรวจ, เปลือย, ประท้วง, ป้าเป้า, เสื้อแดง

เปลือยปั่นจักรยานประท้วง | en.wikipedia.org

กรีนพีซจัดกิจกรรมเปลือยปั่นจักรยานในหลายเมืองของประเทศฝั่งตะวันตก เพื่อเรียกร้องให้คนตระหนักว่าการขี่จักรยานช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ แต่บนท้องถนนในหลายประเทศกลับไม่มีพื้นที่ให้คนขี่จักรยาน จนคนกลุ่มนี้เสี่ยงภัยอุบัติเหตุ และการชุมนุมแบบนี้ส่วนใหญ่จะมีการขออนุญาตล่วงหน้า จึงไม่มีการจับกุมหรือตั้งข้อหาใดๆ

ส่วนองค์กรสิทธิสัตว์ PETA ใช้วิธีเปลือยร่างนักกิจกรรมและแปะบาร์โค้ดเพื่อแสดงให้เห็นว่าสัตว์อื่นๆ ในอุตสาหกรรมอาหารก็มีชีวิตจิตใจไม่ต่างจากมนุษย์ และเคยมีกรณีนักกิจกรรมของ PETA รวมตัวกันหน้าร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องสเต๊กในเมืองควิเบกของแคนาดาเมื่อปี 2014 ทางร้านจึงแจ้งตำรวจว่าถูกก่อกวน ทำให้ตำรวจเชิญตัวนักกิจกรรมไปคุยกันบนรถตำรวจครู่ใหญ่ๆ ก่อนจะปล่อยตัวโดยที่ไม่ได้ตั้งข้อหา ส่วนสมาชิก PETA ก็จัดกิจกรรมต่อ แต่ยอมออกห่างจากหน้าร้านที่เป็นคู่กรณี

ขณะที่กลุ่ม FEMEN ซึ่งเคลื่อนไหวครั้งแรกในยูเครน แต่ต่อมามีสมาชิกและแนวร่วมเป็นกลุ่มเฟมินิสต์ในหลายประเทศแถบยุโรป ก็สร้างการจดจำในฐานะองค์กรรณรงค์ต่อต้านค่านิยมชายเป็นใหญ่ หรือปิตาธิปไตย โดยใช้วิธีเปลือยอกเพนต์ข้อความเรียกร้องสิทธิสตรี รวมไปถึงประเด็นทางสังคมและกฎหมายต่างๆ แม้แต่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการพูดจาเหยียดเพศ ก็เคยถูกกลุ่มฟีเมนเปลือยอกชูป้ายไล่ขณะเยือนฝรั่งเศสเมื่อปี 2018 มาแล้ว

แม้การกระทำเหล่านี้จะถูกผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยมประณาม แต่ Rebecca Tapscott นักวิชาการด้านสันติวิธีของสถาบัน Albert Hirschman Centre on Democracy ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งศึกษาข้อมูลเรื่องการเปลือยประท้วงในประเทศแถบแอฟริกาช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ย้ำว่าการเปลือยประท้วงไม่อาจทำร้ายใครได้ และผู้ประท้วงด้วยวิธีนี้อาจตกเป็นเป้าความรุนแรงหรือการใช้บทลงโทษทางกฎหมายที่เข้มงวดเกินกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ เพราะผู้ประท้วงมักต้องการแสดงจุดยืนต่อต้านการใช้อำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม และประเทศที่ปกครองในระบอบอำนาจนิยม จารีตนิยม และเผด็จการ มักลงโทษผู้ประท้วงวิธีนี้โดยใช้กฎหมายที่รุนแรงไม่ได้สัดส่วนกับการกระทำความผิด

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ The Conversation ยกตัวอย่างการเปลือยประท้วงในยูกันดา เอธิโอเปีย มาลาวี ไนจีเรีย เซเนกัล และแอฟริกาใต้ โดยระบุว่าเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเพื่อต่อต้านกฎหมายที่ดินซึ่งเปิดให้เจ้าหน้าที่รัฐยึดที่ดินทำกินเก่าแก่ของประชาชนในพื้นที่ชนบท รวมถึงการจับกุมผู้ประท้วงเรียกร้องการปฏิรูประบอบประชาธิปไตย

เหล่านักวิชาการย้ำว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ในแอฟริกาไม่ใช่การนำแนวคิดมาจากฝั่งตะวันตก แต่เป็นการอ้างอิงความเชื่อดั้งเดิมของกลุ่มชนพื้นเมือง ซึ่งมองว่าการเปลือยเป็นได้ทั้งการเชื่อมโยงจิตวิญญาณกับธรรมชาติและการสาปแช่งผู้ที่กระทำเรื่องชั่วร้าย เช่นเดียวกับการก่นด่า การทำกิริยาหยาบคาย หรือการล้อเลียนผู้มีอำนาจ ซึ่งอาจทำให้ผู้เคร่งครัดในจารีตประเพณีรู้สึกว่า “รับไม่ได้”

การประท้วงด้วยวิธีนี้จึงถือเป็นแนวทางสันติวิธีในทัศนะของผู้รณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก โดยเฉพาะการท้าทายผู้มีอำนาจหรือมีสถานะทางสังคมเหนือกว่า เพราะถือว่าไม่ได้ทำร้ายใครด้วยกำลังและตัวผู้ประท้วงก็ต้องเปิดเปลือยตัวเองต่อสาธารณะ ซึ่งถือเป็นสภาวะที่อ่อนแอ และไม่มีทางตอบโต้เหลืออยู่มากนัก แต่ก็เป็นคนละกรณีกับการใช้วิธีการเหล่านี้โจมตีบุคคลทั่วไป ซึ่งอาจจะเข้าข่ายหมิ่นประมาท แต่ก็ต้องพิจารณากันไปเป็นรายกรณี

อ้างอิง:

  • Five reasons to get naked (in protest). https://bit.ly/3vpzqox
  • Naked protest: how ordinary citizens reveal truth to repressive regimes.
    https://bit.ly/3FKq5fF
  • The Power and Limits of Naked Protest in Militarised Authoritarian Regimes.
    https://bit.ly/2YRB4mI
  • Meet Femen, the ‘naked shock troops of feminism’ who greeted Trump with a topless protest in Paris. https://wapo.st/3BKF4Ul
  • Naked PETA Activists’ Pro-Vegan Demonstration Interrupted by Police. https://bit.ly/3p2efrb
  • Portland Protester ‘Naked Athena’ On Why She Stripped Down. https://bit.ly/3p2CmpN
  • ปูมหลัง ป้าเป้า! สาวแก่ฉีกขาโชว์ สาวกเสื้อแดง วีรกรรมถ่อยขวัญใจ 3 นิ้ว. https://bit.ly/3j2lYlk