3 Min

NSL เบื้องหลังของอร่อยใน 7-11 กับการเสนอขาย IPO ก้าวสู่ผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

3 Min
1135 Views
14 May 2021

นักลงทุน หรือประชาชนทั่วไปที่ตามข่าวกันมาบ้าง น่าจะพอทราบดีว่า ปีนี้นับว่าเป็นอีกปีสำคัญของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพราะนอกจากจะเจอความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 แล้ว แต่ในฝั่งการลงทุน ก็มีหลายองค์กรที่น่าสนใจเข้ามาเสนอขาย IPO เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วได้มีส่วนร่วมในการเติบโตของบริษัทเหล่านี้ 

โดย 1 ในหุ้น IPO ที่น่าจับตามองมากตัวหนึ่งก็คือ NSL หุ้นจาก NSL FOODS ที่พร้อมเสิร์ฟทั้งผลิตภัณฑ์รสชาติดี และโอกาสเติบโตในแง่ของการลงทุน 

NSL FOODS คือใคร? โดดเด่นในเรื่องไหน? มีอนาคตเป็นอย่างไร วันนี้ BrandThink จะมาอธิบายกันทีละประเด็น

1 – พอพูดถึง NSL FOODS หลายท่านจะยังไม่คุ้นชินนัก แต่ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์อย่าง แซนด์วิชแฮมชีส แซนด์วิชเค้กไส้กรอกชีส แซนด์วิชหมูหยองน้ำสลัด หรือแม้กระทั่งเอแคลร์และเค้กช็อกโกแลตที่มีขายอยู่ใน 7-11 ล่ะ เชื่อว่าหลายท่านน่าจะเคยรับประทาน หรืออาจจะเป็นแฟนคลับที่ทานประจำกันอยู่แล้วด้วย (หรือเราจะเรียกว่าอาหารแช่เย็นรองท้องใน 7-11 ก็ได้นะ)

หากจะอธิบายอย่างเป็นทางการ NSL FOODS เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป (เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว) รวมถึงการดำเนินธุรกิจในกลุ่มนำเข้าและจำหน่ายอาหารทะเล เนื้อสัตว์และผักแช่แข็ง

โดยผลิตภัณฑ์แซนด์วิชอบร้อนมียอดขายสูงถึง 2.5-3.5 แสนชิ้นต่อวัน เพราะฉะนั้นจะพูดว่า NSL FOODS  คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความอร่อยที่หลากหลายที่เราคุ้นชินกันก็นับว่าถูกต้อง

2 – นอกเหนือจากแซนด์วิชอบร้อนและเบเกอรี่แช่เย็นในกลุ่ม OEM ที่ผลิตให้กับทาง 7-11 แล้ว ในปีที่ผ่านมาก็ได้เริ่มขยับขยายไปสู่ Food Service คอยซัพพลายให้กับทางฝั่ง ร้านอาหาร โรงแรม หรือซูเปอร์มาเก็ตแห่งต่าง ๆ ผ่านผลิตภัณฑ์อย่าง ปลาแซลมอน ปลาหิมะ เนื้อออสเตรเลีย หรือหอยเชล รวมถึงการมีแบรนด์สินค้าสแน็กของตัวเอง

ในปีนี้ จะเป็นอีกปีสำคัญ ที่พวกเขาจะก้าวไปอีกขั้นกับการเตรียมเสนอขาย IPO เดินหน้าเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ช่วงเดือนพฤษภาคม พ.. 2564 เป็นจำนวน 75 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัท มีเป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจอาหารกึ่งสำเร็จรูป ชูจุดเด่นขยายพอร์ตธุรกิจใหม่ มุ่งสู่การเป็นผู้นำพัฒนานวัตกรรมด้านอาหารที่ยั่งยืน ซึ่งมีทางฝั่ง เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงิน

โดยการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เป็นการระดมทุนเพื่อนำเงินทุนมาใช้ในการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรม อมตะ ซิตี้ ชลบุรี โดยมีการระบุว่า พื้นที่โรงงานในส่วนนี้จะเน้นผลิตสินค้าประเภท Ready to eat สินค้าแช่แข็ง สินค้าแช่เย็น สินค้ากึ่งสำเร็จรูป รวมถึงอาหารอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มเบเกอรี่ เพื่อตอกย้ำเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจอาหารกึ่งสำเร็จรูป และเตรียมตัวให้พร้อมกับการเติบโตของทางฝั่งสินค้าแช่แข็งนั่นเอง (*ทางบริษัทคาดว่าจะเริ่มสร้างในปี 2565 แล้วเสร็จปี 2566)

3 – ความน่าสนใจของ NSL FOODS และหุ้นตัวนี้ก็มีหลากหลายส่วน ส่วนแรกที่เราอยากพูดถึง การทำงานและการวางกลยุทธ์ร่วมกับทางฝั่ง 7-11 เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ 7-11 มีการเติบโตและพัฒนาอยู่ตลอด และการทำ MOU กับทาง CP-ALL ถึงปี 2569 ทำให้เรามั่นใจได้ว่าในช่วงระยะเวลานี้ NSL FOODS จะมั่นคงและเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน เพราะในปัจจุบันทางบริษัทมีสัดส่วนรายได้มากถึง 90% จากสินค้าที่ผลิตให้ 7-11

4 – ส่วนถัดมาก็คือ วิสัยทัศน์ของทางบริษัทกับกลยุทธ์ที่พวกเขาวางไว้ โดยกลยุทธ์ Nutrition Sustainable for Life ที่เกิดขึ้น เป็นการเน้นย้ำถึงเติบโตแบบยั่งยืนผ่านนวัตกรรมการผลิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้แค่จะช่วยให้บริษัทเดินหน้า แต่เป็นเหมือนการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมไปในเวลาเดียวกัน 

5 – อีกประเด็นที่สำคัญก็คือความตั้งใจในการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ด้านอาหารเพราะแวดวงของอุตสาหกรรมอาหาร ผู้ผลิตเองก็ต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอด ต้องใส่ใจในเรื่องของการควบคุมคุณภาพสินค้า และดูแลการผลิตให้มีประสิทธิภาพทางฝั่ง NSL FOODS มีทีมคอยคิดค้นและพัฒนาอาหารรูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการศึกษาตลาด สำหรับการวางแผนการทำงานและบริหารในสถานการณ์ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็ว

ตัวอย่างที่น่าเป็นกรณีศึกษาก็คือ ในวันที่เกือบทุกวงการต้องเผชิญกับรายได้ที่ลดลง แต่ปี 2563 กับรายได้ที่ลงลดไป 13% พวกเขาสามารถสร้างอัตรากำไรสุทธิของบริษัทให้เพิ่มเป็น 5.2% ซึ่งนับว่าสูงปีก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ และตัวเลขเหล่านี้ก็พิสูจน์ว่า การบริหาร และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานองค์กรเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้หุ้น NSL เป็นหุ้น IPO ที่โดดเด่นขึ้นมา 

6 – และสิ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยก็คือ อนาคตของวงการอาหารโลก ในปัจจุบัน กลุ่มอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นวีแกน โปรตีนจากแมลง หรือสินค้าจากวัตถุดิบชุมชน ซึ่งทาง NSL FOODS เองก็มีการเตรียมตัวสำหรับตลาดนี้แล้ว พร้อมเดินหน้าและขยายกลุ่มสินค้า พร้อมสู้ตลาดนอกและไทยแน่นอน 

ทางบริษัทตั้งเป้าว่าภายในปี 2568 จะต้องมีรายได้รวมประมาณ 6,000 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ที่มาจากช่องทางเซเว่นอีเลฟเว่นและที่ไม่ใช่เซเว่นอีเลฟเว่นต้องสมดุลมากขึ้น (70:30) โดยปี 2563 นี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 16% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม ประมาณ 3,000 ล้านบาท

หากใครสนใจ ก็สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : เว็บไซต์ nslfoods.com หรือ Fanpage NSL Foods Public Company Limited 

หรือสามารถศึกษาข้อมูลจากหนังสือชื้ชวนได้ที่: https://bit.ly/3e61rdG