3 Min

รู้ไหม? ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ของ ‘น้องอุ้ม’ นอกจากจะกินได้ไม่ผิดกฎหมาย ยังราคาตัวละหลายแสนบาทด้วย

3 Min
4587 Views
01 Jun 2022

แม้ว่าโซเชียลมีเดียจีนจะเป็นระบบที่ค่อนข้างปิดที่อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนน้อยคนจะดังออกมานอกประเทศ แต่ล่าสุดมีอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนที่โด่งดังมากจนเป็นขวัญใจชาวเน็ตไทย เธอคือสาวจีนในลุคญี่ปุ่นที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์สายกินชาวไทยเรียกชื่อเธอกันเล่นๆ ว่าน้องอุ้มเพราะวิดีโอทั้งหมดเป็นภาษาจีน และส่วนใหญ่คนก็จะดูจากที่แชร์ต่อกันมา โดยคาดเดากันว่าต้นทางน่าจะมาจากโซเชียลมีเดียของจีน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ดูกันแต่ภาพ ฟังและอ่านอะไรไม่รู้เรื่องนั่นเอง

ที่ไม่ต้องฟังรู้เรื่องแต่ก็ดูรู้เรื่องเพราะทุกๆ คลิปวิดีโอจะเป็นการที่น้องอุ้มไปตลาดเพื่อซื้อสัตว์ตัวใหญ่ๆ มาอุ้มเล่น ก่อนที่เธอจะนำมันไปชำแหละ และเอาลงหม้อไฟหม่าล่าตอนท้ายคลิป นี่ก็เลยเป็นชื่อฉายาที่คนไทยเรียกกันว่าน้องอุ้มเพราะอะไรที่เธออุ้ม มันจะกลายเป็นอาหารของเธอ

จริงๆน้องอุ้มที่คนไทยเรียกนั้นมีชื่อในวงการคือถีจื่อ’ (提子/Tizi) โดยเธอมีเพจเฟซบุ๊คด้วย แต่ชื่อเพจเป็นภาษาจีน คนก็เลยหาไม่เจอกัน (ไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/TZtizi )

แต่ในที่นี้ เราจะไม่ได้พูดถึงตัวน้องอุ้มเอง แต่จะพูดถึงสัตว์ในคลิปที่สร้างชื่อให้เธอระดับตราตรึงใจชาวโลกมากๆ ซึ่งก็คือซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน

ที่ตราตรึงก็เพราะ ไม่ว่าจะเป็น หอยยักษ์ ปูยักษ์ กุ้งยักษ์ หรือกระทั่ง จระเข้ และตะพาบน้ำ ที่น้องอุ้มทำการอุ้มก่อนจับลงหม้อนั้น แม้ว่าจะตัวใหญ่แค่ไหน แต่ก็ล้วนเป็นสัตว์ที่คนจินตนาการได้ว่ามันเป็นอาหาร เพราะก็เคยกินกันหรืออย่างน้อยก็เคยเห็นคนกิน แต่ซาลาแมนเดอร์ยักษ์น่ะเหรอ? เอาจริงๆ หลายคนเข้าใจว่ามันน่าจะเป็นสัตว์ป่า สัตว์อนุรักษ์ ทุกคนก็เลยงงว่ามันเอามากินได้ด้วย?

อธิบายง่ายๆ ก็ต้องเริ่มจากข้อเท็จจริงว่า ข้อตกลงนานาชาติว่าด้วยการคุ้มครองสัตว์ป่าในโลกนี้ที่สำคัญที่สุดคืออนุสัญญาไซเตสที่ชาวโลกเริ่มลงนามกันและบังคับใช้เมื่อราวๆ 50 ปีที่แล้ว ข้อตกลงนี้ออกมาเพื่อแบนและควบคุมการซื้อขายสัตว์ป่าระดับระหว่างประเทศอย่างจริงจังก่อนที่พวกมันจะสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ หรือพูดง่ายๆ ก็คือมันเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่พยายามจะตัดวงจรการล่าสัตว์ป่าจากธรรมชาติและเอาสัตว์ป่าและชิ้นส่วนของพวกมันมาขายทอดตลาดนั่นเอง การคุ้มครองก็แบ่งเป็นหลายระดับ มีการลงชื่อสัตว์ในบัญชีรายชื่อสัตว์ย่อยๆ ที่เขาเรียกว่าบัญชีไซเตสอันดับ 1, 2 และ 3 ตามลำดับการคุ้มครองจากมากไปน้อย

ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน คือสัตว์ในบัญชีอันดับ 1 ของไซเตส คือคุ้มครองเข้มงวดที่สุด ห้ามทำการซื้อขายโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะทำไปเพื่อการศึกษา วิจัย หรือเพาะพันธุ์

เราจะเห็นว่าสัตว์ในบัญชีอันดับ 1 มันเอาไปเพาะพันธุ์หรือสามารถเอามาขยายพันธุ์ในฟาร์มได้ ซึ่งสถานะของรุ่นลูกที่ออกมาในฟาร์ม จะถือว่าเป็นสัตว์ในบัญชีอันดับ 2 หรือเป็นสัตว์ที่คนจะขายแบบทั่วไปก็ได้ แต่ต้องมีใบอนุญาตเท่านั้น

และนี่ล่ะที่มาของซาลาแมนเดอร์ยักษ์ที่น้องอุ้มเอามาทำอาหาร มันน่าจะมาจากฟาร์มในจีนสักแห่งที่มีใบอนุญาต

ถามว่าทำฟาร์มกันทำไม? คำตอบเร็วๆ คือคนจีนก็กินซาลาแมนเดอร์ยักษ์เช่นเดียวกับที่เขามักพูดกันว่าคนจีนกินทุกอย่างที่มี 4 ขา ยกเว้นเก้าอี้น่ะแหละ เพราะมีความเชื่อว่ามันมีสรรพคุณทางยาอยู่

ดังนั้น ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จึงเป็นสัตว์ที่คนจีนกินแน่นอน และฟาร์มก็เร่งผลผลิตสุดๆ เพราะเนื้อซาลาแมนเดอร์ยักษ์นี่ ถ้าขายกันตามภัตตาคาร ราคาของมันกิโลกรัมละเป็นหมื่นบาทเลย และถ้าขายกันเป็นตัวๆ แบบที่น้องอุ้มเอามาอุ้มก่อนนำไปกิน ราคาก็ว่ากันที่หลักแสนบาทแน่นอน (เข้าใจว่าน่าจะประมาณตัวละ 200,000-400,000 บาท)

ถ้าราคามันดีขนาดนี้ก็ไม่แปลกที่จะมีฟาร์มโผล่มาเต็ม ซึ่งในจีน ฟาร์มของซาลาแมนเดอร์ยักษ์อยู่ในบริเวณภูเขาของมณฑลส่านซีในใจกลางแผ่นดินจีนเลย และในปี 2011 ข้อมูลทางการจีนก็ระบุว่า มีซาลาแมนเดอร์ยักษ์ในฟาร์มอย่างต่ำๆ คือ 2 ล้านตัว

ดังนั้นในแง่นี้ มันเลยไม่ใช่สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์แน่ๆ และเรียกได้ว่ามันเป็นสัตว์เศรษฐกิจของมณฑลส่านซีเลยด้วยซ้ำ

แต่ทั้งนี้ เห็นมันไม่ใกล้สูญพันธุ์ ถ้าไปเจอตามธรรมชาติก็อย่าไปจับกินนะ เพราะในธรรมชาติ ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ลดจำนวนลงต่อเนื่องมานานแล้ว ซึ่งส่งผลต่อระบบนิเวศแน่ๆ มันเลยเข้าไปอยู่ในบัญชีไซเตสลำดับที่ 1 ในท้ายที่สุด แค่พวกมันโชคดีที่พอจะสามารถเอามาเพาะพันธุ์ได้ แถมยังมีราคาแพงในตลาดอาหาร พวกฟาร์มก็เลยเพาะเลี้ยงกันสนุกสนานเลย จนทำให้สัตว์ที่ต้องควบคุมการล่าตามธรรมชาติ ดันกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจไปด้วยพร้อมกันแบบงงๆ

อ้างอิง