รู้ไหม? ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ของ ‘น้องอุ้ม’ นอกจากจะกินได้ไม่ผิดกฎหมาย ยังราคาตัวละหลายแสนบาทด้วย
แม้ว่าโซเชียลมีเดียจีนจะเป็นระบบที่ค่อนข้างปิดที่อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนน้อยคนจะดังออกมานอกประเทศ แต่ล่าสุดมีอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนที่โด่งดังมากจนเป็นขวัญใจ ‘ชาวเน็ต’ ไทย เธอคือสาวจีนในลุคญี่ปุ่นที่เป็น ‘อินฟลูเอนเซอร์สายกิน’ ชาวไทยเรียกชื่อเธอกันเล่นๆ ว่า ‘น้องอุ้ม’ เพราะวิดีโอทั้งหมดเป็นภาษาจีน และส่วนใหญ่คนก็จะดูจากที่แชร์ต่อกันมา โดยคาดเดากันว่า ‘ต้นทาง’ น่าจะมาจากโซเชียลมีเดียของจีน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ดูกันแต่ภาพ ฟังและอ่านอะไรไม่รู้เรื่องนั่นเอง
ที่ไม่ต้องฟังรู้เรื่องแต่ก็ดูรู้เรื่องเพราะทุกๆ คลิปวิดีโอจะเป็นการที่ ‘น้องอุ้ม’ ไปตลาดเพื่อซื้อสัตว์ตัวใหญ่ๆ มาอุ้มเล่น ก่อนที่เธอจะนำมันไปชำแหละ และเอาลงหม้อไฟหม่าล่าตอนท้ายคลิป นี่ก็เลยเป็นชื่อฉายาที่คนไทยเรียกกันว่า ‘น้องอุ้ม’ เพราะอะไรที่เธออุ้ม มันจะกลายเป็นอาหารของเธอ
จริงๆ ‘น้องอุ้ม’ ที่คนไทยเรียกนั้นมี ‘ชื่อในวงการ’ คือ ‘ถีจื่อ’ (提子/Tizi) โดยเธอมีเพจเฟซบุ๊คด้วย แต่ชื่อเพจเป็นภาษาจีน คนก็เลยหาไม่เจอกัน (ไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/TZtizi )
แต่ในที่นี้ เราจะไม่ได้พูดถึงตัว ‘น้องอุ้ม’ เอง แต่จะพูดถึงสัตว์ในคลิปที่สร้างชื่อให้เธอระดับตราตรึงใจชาวโลกมากๆ ซึ่งก็คือ ‘ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน’
ที่ตราตรึงก็เพราะ ไม่ว่าจะเป็น หอยยักษ์ ปูยักษ์ กุ้งยักษ์ หรือกระทั่ง จระเข้ และตะพาบน้ำ ที่ ‘น้องอุ้ม’ ทำการอุ้มก่อนจับลงหม้อนั้น แม้ว่าจะตัวใหญ่แค่ไหน แต่ก็ล้วนเป็นสัตว์ที่คนจินตนาการได้ว่ามันเป็นอาหาร เพราะก็เคยกินกันหรืออย่างน้อยก็เคยเห็นคนกิน แต่ซาลาแมนเดอร์ยักษ์น่ะเหรอ? เอาจริงๆ หลายคนเข้าใจว่ามันน่าจะเป็นสัตว์ป่า สัตว์อนุรักษ์ ทุกคนก็เลยงงว่ามันเอามากินได้ด้วย?
อธิบายง่ายๆ ก็ต้องเริ่มจากข้อเท็จจริงว่า ข้อตกลงนานาชาติว่าด้วยการคุ้มครองสัตว์ป่าในโลกนี้ที่สำคัญที่สุดคือ ‘อนุสัญญาไซเตส’ ที่ชาวโลกเริ่มลงนามกันและบังคับใช้เมื่อราวๆ 50 ปีที่แล้ว ข้อตกลงนี้ออกมาเพื่อแบนและควบคุมการซื้อขาย ‘สัตว์ป่า’ ระดับระหว่างประเทศอย่างจริงจังก่อนที่พวกมันจะสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ หรือพูดง่ายๆ ก็คือมันเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่พยายามจะตัดวงจรการล่าสัตว์ป่าจากธรรมชาติและเอาสัตว์ป่าและชิ้นส่วนของพวกมันมาขายทอดตลาดนั่นเอง การคุ้มครองก็แบ่งเป็นหลายระดับ มีการลงชื่อสัตว์ในบัญชีรายชื่อสัตว์ย่อยๆ ที่เขาเรียกว่าบัญชีไซเตสอันดับ 1, 2 และ 3 ตามลำดับการคุ้มครองจากมากไปน้อย
ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน คือสัตว์ในบัญชีอันดับ 1 ของไซเตส คือคุ้มครองเข้มงวดที่สุด ห้ามทำการซื้อขายโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะทำไปเพื่อ ‘การศึกษา วิจัย หรือเพาะพันธุ์’
เราจะเห็นว่าสัตว์ในบัญชีอันดับ 1 มันเอาไป ‘เพาะพันธุ์’ หรือสามารถเอามาขยายพันธุ์ในฟาร์มได้ ซึ่งสถานะของรุ่นลูกที่ออกมาในฟาร์ม จะถือว่าเป็นสัตว์ในบัญชีอันดับ 2 หรือเป็นสัตว์ที่คนจะขายแบบทั่วไปก็ได้ แต่ต้องมีใบอนุญาตเท่านั้น
และนี่ล่ะ ‘ที่มา’ ของซาลาแมนเดอร์ยักษ์’ ที่ ‘น้องอุ้ม’ เอามาทำอาหาร มันน่าจะมาจากฟาร์มในจีนสักแห่งที่มี ‘ใบอนุญาต’
ถามว่าทำฟาร์มกันทำไม? คำตอบเร็วๆ คือคนจีนก็กินซาลาแมนเดอร์ยักษ์เช่นเดียวกับที่เขามักพูดกันว่า ‘คนจีนกินทุกอย่างที่มี 4 ขา ยกเว้นเก้าอี้’ น่ะแหละ เพราะมีความเชื่อว่ามันมีสรรพคุณทางยาอยู่
ดังนั้น ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จึงเป็นสัตว์ที่คนจีนกินแน่นอน และฟาร์มก็เร่งผลผลิตสุดๆ เพราะเนื้อซาลาแมนเดอร์ยักษ์นี่ ถ้าขายกันตามภัตตาคาร ราคาของมันกิโลกรัมละเป็นหมื่นบาทเลย และถ้าขายกันเป็นตัวๆ แบบที่น้องอุ้มเอามาอุ้มก่อนนำไปกิน ราคาก็ว่ากันที่หลักแสนบาทแน่นอน (เข้าใจว่าน่าจะประมาณตัวละ 200,000-400,000 บาท)
ถ้าราคามันดีขนาดนี้ก็ไม่แปลกที่จะมีฟาร์มโผล่มาเต็ม ซึ่งในจีน ฟาร์มของซาลาแมนเดอร์ยักษ์อยู่ในบริเวณภูเขาของมณฑลส่านซีในใจกลางแผ่นดินจีนเลย และในปี 2011 ข้อมูลทางการจีนก็ระบุว่า มีซาลาแมนเดอร์ยักษ์ในฟาร์มอย่างต่ำๆ คือ 2 ล้านตัว
ดังนั้นในแง่นี้ มันเลยไม่ใช่สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์แน่ๆ และเรียกได้ว่ามันเป็น ‘สัตว์เศรษฐกิจ’ ของมณฑลส่านซีเลยด้วยซ้ำ
แต่ทั้งนี้ เห็นมันไม่ใกล้สูญพันธุ์ ถ้าไปเจอตามธรรมชาติก็อย่าไปจับกินนะ เพราะในธรรมชาติ ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ลดจำนวนลงต่อเนื่องมานานแล้ว ซึ่งส่งผลต่อระบบนิเวศแน่ๆ มันเลยเข้าไปอยู่ในบัญชีไซเตสลำดับที่ 1 ในท้ายที่สุด แค่พวกมัน ‘โชคดี’ ที่พอจะสามารถเอามาเพาะพันธุ์ได้ แถมยังมี ‘ราคาแพง’ ในตลาดอาหาร พวกฟาร์มก็เลยเพาะเลี้ยงกันสนุกสนานเลย จนทำให้สัตว์ที่ต้องควบคุมการล่าตามธรรมชาติ ดันกลายเป็น ‘สัตว์เศรษฐกิจ’ ไปด้วยพร้อมกันแบบงงๆ
อ้างอิง
- Smithsonian Magazine. The Adorable Chinese Giant Salamander Is Slithering Toward Extinction. https://bit.ly/3Lx4k4E
- Wikipedia. Chinese Giant Salamander. https://bit.ly/3wMfBZg