2 Min

ชวนรู้จัก ‘No Wash Movement’ ขบวนการไม่ซักผ้าที่มองว่าเราไม่ต้องซักผ้ากันบ่อยๆ ก็ได้

2 Min
670 Views
27 Jun 2023

คุณซักกางเกงที่ใส่บ่อยขนาดไหน? คุณใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ โดยไม่ซักบ้างหรือเปล่า? ถ้าใช่ เป็นไปได้ว่าคุณอาจเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ขบวนการไม่ซักผ้า’ อยู่ก็ได้!

วันนี้เราอยากจะพาไปทำความรู้จักกับ ‘No Wash Movement’ ซึ่งเป็นกระแสที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในสังคมตะวันตกตอนนี้ แต่ก่อนจะมาถึงขบวนการไม่ซักผ้าในปัจจุบัน จริงๆ แล้วขบวนการไม่ซักนั้นเริ่มต้นจากการ ‘ไม่สระผม’ ก่อน เพียงแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า ห้ามหนังศีรษะโดนน้ำเลย แต่มันหมายถึงการงดเว้นจากการใช้ ‘แชมพู’ ซึ่งถูกมองว่าเป็นอันตรายกับสิ่งแวดล้อมต่างหาก เช่น บรรดาสารเคมีต่างๆ ที่อยู่ในแชมพูซึ่งมักจะปนเปื้อนไปกับน้ำ

อย่างไรก็ดี ในวงการเสื้อผ้านั้น การไม่ซักก็อาจไม่ถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่นัก เพราะอย่างกางเกงยีนส์ก็เป็นที่รู้กันว่า การซักบ่อยๆ จะส่งผลให้ยีนส์เสื่อมสภาพไวขึ้น เช่นเดียวกับที่บางคนซึ่งอยากจะปั้นลวดลายของยีนส์ให้สวยงาม ก็มักจะหลีกเลี่ยงการซักเพื่อให้รอยเฟดของยีนส์เป็นไปตามสีที่ต้องการ อย่างไรก็ดี การไม่ซักยีนส์ก็ยังไม่ถูกนับรวมว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการไม่ซักผ้าที่ชัดเจนนัก

กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่วิกฤตโลกร้อนได้กลายมาเป็นบทสนทนาในวงการซักผ้ามากขึ้น โดยเฉพาะกับผลกระทบที่เกิดจากการซักผ้าโดยตรง เช่น เรื่องของการใช้ผงซักฟอกที่มีเมล็ดพลาสติกปนเปื้อน หรือการใช้น้ำบ่อยๆ อย่างสิ้นเปลือง หนึ่งในผู้อ่านของ The Guardian ที่ตระหนักถึงประเด็นนี้และเริ่มจะซักเสื้อผ้าของตัวเองน้อยลงเล่าว่า “ทุกวันนี้ฉันซักเสื้อผ้าน้อยลง โดยเฉพาะในฤดูหนาว เพราะตระหนักว่าไม่เพียงแค่มันจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบให้กับสภาพแวดล้อมด้วย ซึ่งฉันก็พบว่า จริงๆ แล้วเราอาจไม่จำเป็นต้องซักเสื้อผ้าบ่อยขนาดนั้นก็ได้ เพราะสิ่งที่จำเป็นคือการทำให้เสื้อผ้าหอมต่างหาก” โดยนักอ่านคนนี้ก็เล่าว่า เธอใช้สเปรย์ในการช่วยให้เสื้อผ้าหอมขึ้นนั่นเอง

สเตลลา แมคคาร์ทนีย์ (Stella McCartney) ดีไซเนอร์จากแบรนด์ชื่อดังก็เป็นอีกคนที่ออกมาเปิดเผยว่า เธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ซักเสื้อผ้าน้อยครั้งมากๆ โดยแมคคาร์ทนีย์เล่าว่า

“ฉันคิดว่า อะไรที่มันไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดจริงๆ ก็ไม่ต้องไปทำความสะอาดมันหรอก บางครั้งฉันก็ใส่บราซ้ำๆ แล้วฉันก็ไม่ได้จะโยนทุกอย่างลงไปในเครื่องสักผ้าแค่เพราะฉันแค่ใส่มันไป ฉันเป็นคนที่มีสุขลักษณะมากนะ แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับการซักผ้าเป็นประจำจริงๆ”

และความตระหนักต่อประเด็นสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้นนี้ ทำให้ผู้คนจึงเริ่มหันมาตั้งคำถามกับพฤติกรรมที่เราทำกันอย่างคุ้นชิน เช่น การซักเสื้อผ้าว่าถึงที่สุดแล้ว การที่เราโยนผ้าลงในเครื่องซักผ้าทุกครั้งที่ใส่จะยิ่งส่งผลเสียต่อธรรมชาติมากกว่าเดิมไหม ขบวนการไม่ซักผ้าจึงได้เกินขึ้น ซึ่งจริงๆ มันก็หมายถึงกลุ่มคนที่มองหาวิธีการอื่นๆ ในการทำความสะอาดเสื้อผ้าที่เป็นมิตรกับโลกมากกว่าการซักผ้านั่นเอง

เช่น การใช้น้ำหอมหรือสเปรย์ในการดับกลิ่นของเสื้อผ้า การงดใช้ผงซักฟอกในการซักผ้า การลดความถี่ในการซักผ้าลง ไปจนถึงการหันมาใช้มือซักแทนการใช้เครื่องซักผ้า เพราะจะควบคุมการใช้น้ำได้อย่างแน่นอนกว่า ซึ่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ สังคมตะวันตกก็เริ่มมีการพูดถึงประเด็นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการพยายามชี้ให้เห็นผลเสียของการซักผ้าอย่างไม่ยั้งคิด ซึ่งเป็นความเคยชินของสังคมไปแล้ว

ซึ่งหากถามเรา ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน มันคงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงยากที่จะไม่ซักผ้าบ่อยๆ แต่อย่างไรก็ดี เราก็คิดว่าประเด็นที่กระบวนการบางอย่างในการซักผ้าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ชวนให้ขบคิดอยู่เหมือนกัน

อ้างอิง