4 Min

เพราะอากาศภายในอาคารคือลมหายใจกว่า 90% ของชีวิต รวมวิธีที่จะทำให้คุณสูดอากาศในบ้านได้อย่างเต็มปอด

4 Min
437 Views
20 Jan 2023

หลายคนอาจจะเคยรู้สึกเป็นกังวลเมื่อต้องออกไปในสถานที่กลางแจ้ง ด้วยความกลัวว่าจะต้องพบเจอกับอากาศที่เต็มไปด้วยมลภาวะภายนอก

แต่รู้หรือไม่?
อันที่จริงแล้ว อากาศที่เราใช้หายใจกว่า 90% ของชีวิต ล้วนเป็นอากาศที่อยู่ภายในอาคารบ้านเรือน เพราะชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ของเราทุกคนล้วนอาศัยอยู่ในอาคาร ไม่ว่าจะเป็น บ้าน สถานที่ทำงาน โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านอาหาร เป็นต้น (ข้อมูลจากสถาบันโรคหอบหืดและปอดแห่งประเทศอังกฤษ)

ดังนั้น อากาศที่เราหายใจแทบทั้งชีวิตจึงเป็นอากาศที่หมุนเวียนอยู่ภายในอาคาร เราจึงควรให้ความใส่ใจกับคุณภาพอากาศภายในมากยิ่งขึ้น

โพสต์นี้เราจึงอยากชวนอ่านคำแนะนำของ Harvard Health Publishing ที่จะมาแนะนำว่ามีวิธีอะไรบ้างที่จะทำให้คุณภาพอากาศภายในอาคารบ้านเรือนของเราดีขึ้น เพื่อให้เราทุกคนมีสุขภาพที่ดีขึ้น สามารถสูดหายใจแบบมั่นใจได้อย่างเต็มปอด

 

Harvard Medical School ได้เผยแพร่บทความทาง Harvard Health Publishing เพื่อแนะนำเกี่ยวกับวิธีที่จะทำให้คุณภาพอากาศในบ้านดีขึ้น เพื่อให้เราหายใจได้สะดวกขึ้น ดังนี้

1) รักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

บ้านที่สะอาดคือบ้านที่ดีต่อสุขภาพ เพราะสุขอนามัยที่ดีในบ้านสามารถลดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ลงได้อย่างมาก ไม่ว่าจะด้วยการดูดฝุ่นพรมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ด้วยเครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA หรือแม้กระทั่งการทำความสะอาดเครื่องนอน ผ้าม่าน และสิ่งของอื่นๆ ที่มักจะเป็นแหล่งรวมเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากถ้าหากมีสัตว์เลี้ยงแล้วล่ะก็ ทาง American Academy of Allergy, Asthma & Immunology แนะนำให้ซักสิ่งเหล่านั้นในน้ำที่มีอุณหภูมิอย่างน้อย 130° F อีกด้วย

 

2) ปลูกพืชนอกบ้าน

แม้การปลูกต้นไม้ในบ้านอาจจะเพิ่มความสวยงามและความร่มรื่นให้บ้านของเรา แต่มันก็สามารถสะสมและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อราได้เช่นกัน และแม้ว่าพืชบางชนิดจะสามารถช่วยฟอกอากาศภายในอาคารได้ แต่พืชเหล่านี้อาจเป็นตัวกระตุ้นการเกิดภูมิแพ้ให้กับอีกหลายๆ คน ได้เช่นกัน

3) เปลี่ยนไส้กรองอากาศ

ไม่ว่าจะใช้เครื่องปรับอากาศแบบไหน สิ่งที่ควรทำเป็นประจำคือการดูแลไส้กรอง เพราะสิ่งต่างๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น เชื้อโรค หรือสารก่อภูมิแพ้ ก็จะต้องหมุนเวียนไปทั่วบ้านของเราด้วยระบบของเครื่องปรับอากาศเหล่านั้น การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอและหมั่นเปลี่ยนไส้กรอง จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่จะทำให้อากาศภายในบ้านดีขึ้นได้

 

4) ใช้ตัวช่วยอย่างเครื่องฟอกอากาศ

หากคุณแพ้สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในร่มและไม่สามารถควบคุมสาเหตุของปัญหาได้ เช่น การแพ้ที่มีสาเหตุเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง การลงทุนในเครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกหนึ่งในตัวช่วยที่จะสามารถดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศได้ แม้เครื่องฟอกอากาศอาจจะไม่สามารถกำจัดสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลดปริมาณลง ซึ่งอาจจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้

5) ลดความชื้นในบริเวณบ้าน

ลดความชื้นในพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่บริเวณบ้าน เพื่อช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา อย่างห้องน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งเชื้อราอีกแหล่งหนึ่งเช่นกัน และหมั่นกำจัดเชื้อราที่มองเห็นได้ซึ่งสะสมอยู่ในห้องอาบน้ำ หรือบริเวณผนัง เป็นประจำ

 

นอกเหนือจากวิธีต่างๆ จาก Harvard Medical School ที่กล่าวไปก่อนหน้า การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์รอบตัว เช่น กาว และสารเคลือบเฟอร์นิเจอร์ไม้ ไม้อัด และไม้แปรรูป หรือแม้กระทั่งสีทาบ้าน ควรไร้สารระเหย ไร้สารฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) หนึ่งในสาร VOCs หรือ Volatile Organic Compounds ซึ่งถือเป็นสารที่พิษต่อระบบทางเดินหายใจและสุขภาพ สามารถระเหยเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางผิวผนัง ทางปาก และการสูดดม ไอระเหยของสารฟอร์มัลดีไฮด์จะแฝงตัวอยู่ภายในบ้าน ซึ่งพบได้มากในผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์เหล่านี้

การเลือกใช้สีทาภายในบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการหายใจ เพราะสีที่ทาอยู่บนผนังก็เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ในบ้านที่อากาศจะหมุนเวียนไปถึง สีทาภายในจึงควรปลอดภัยต่อลมหายใจของเราเช่นกัน

ซึ่ง UL หรือ Underwriters Laboratories Inc. สถาบันระดับนานาชาติจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบและการรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ได้มอบตรามาตรฐานระดับโลก GREENGUARD GOLD CERTIFICATION ให้กับผลิตภัณฑ์สีเกรดอัลตร้าพรีเมียมในบ้านเราอย่าง Nippon Paint AirCare สีที่แคร์คุณทุกลมหายใจ

โดย GREENGUARD CERTIFICATION คือ มาตรฐานการตรวจสอบค่าของสารระเหยที่สามารถระเหยจากวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง สู่บรรยากาศภายในอาคาร เพื่อเสริมสร้างคุณภาพอากาศสะอาดและส่งเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นของผู้พักอาศัย

มาตรฐานดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ลำดับ ได้แก่ GREENGUARD ขั้นมาตรฐาน และ GREENGUARD GOLD ขั้นสูง ซึ่งทั้งสองลำดับจะสอดรับกับปริมาณการปล่อยสารระเหยในวัสดุ โดยที่ GREENGUARD ขั้นมาตรฐาน มีค่าการระเหยตํ่ากว่า 0.00050 กรัม ต่อลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ GREENGUARD GOLD ขั้นสูงมีค่าการระเหยตํ่ากว่าเพียง 0.00022 กรัมต่อลูกบาศก์เมตรเท่านั้น

ฉะนั้นการมองหาตรามาตรฐานระดับโลก GREENGUARD GOLD CERTIFICATION ที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์ สี Nippon Paint AirCare จึงเป็นเสมือนตราการันตีถึงคุณภาพอากาศสะอาดภายในบ้าน ส่งเสริมสุขภาพที่ดีของสมาชิกครอบครัว เพราะไม่มีกลิ่นใด ๆ รบกวนการหายใจ เรียกได้ว่า หายใจได้อย่างเต็มปอดเลยทีเดียว

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของสินค้าได้ที่ http://bit.ly/3IZ2lIx , Shopee : https://bit.ly/3XlvMcj , LAZADA : https://bit.ly/3WoAmFn

 

นอกจากจะได้รับการการันตีจากสถาบันระดับนานาชาติแล้ว สี Nippon Paint AirCare ยังมาพร้อม 3 นวัตกรรมสุดล้ำ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น

1. Air Fresh ฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ด้วยเทคโนโลยีแอคทีฟ คาร์บอน (Active Carbon) ดูดซับสารระเหยสำคัญอย่างสารฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการระคายเคืองตา ผิวหนัง ภูมิแพ้ หากได้รับอย่างต่อเนื่องจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ และยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยในตัวเอง ไร้สารระเหยอันตรายต่อร่างกาย (Zero VOCs) ไร้กลิ่นฉุน ทาเสร็จแล้วสามารถเข้าอยู่ได้ทันที

2. Air Anti ยับยั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียบนผนัง ด้วยเทคโนโลยี Silver-Ion
กำจัดเชื้อ Human Coronavirus 229E ได้ 99% เพียง 10 นาที
กำจัดเชื้อไวรัสโคโรนา ได้ 99.96 % เพียง 15 นาที
กำจัดเชื้อไวรัสไข้วัดใหญ่ H1N1 ได้ 99.99 % ในเวลา 1 ชั่วโมง

3. Air Wash เช็ดล้างดีเยี่ยมด้วยเทคโนโลยี Anti-Stain เพิ่มฟิล์มสีที่แน่นและแข็งแรง สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้มากกว่า 200,000 ครั้ง* โดยสีไม่หลุดหรือลอกล่อน

จึงมั่นใจได้ว่า สี Nippon Paint AirCare เป็นสีที่แคร์คุณทุกลมหายใจ ได้มาตรฐานอากาศสะอาด ช่วยให้เราหายใจได้อย่างเต็มปอด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของสินค้าได้ที่ http://bit.ly/3IZ2lIx , Shopee : https://bit.ly/3XlvMcj , LAZADA : https://bit.ly/3WoAmFn