ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้มีกระแสเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง ที่โด่งดังมากในแพลตฟอร์ม TikTok ทำเอาหลายคนที่ดูอยากซื้อเพื่อมาชิมตาม ซึ่งชื่อเสียงของมันต้องยกให้เรื่องของ ‘กลิ่น’ ที่มีความเฉพาะตัว ใครที่ชอบก็จะชอบไปเลย แต่ใครที่ไม่ชอบก็จะไม่ซื้อกินอีกต่อไป
อาหารดังกล่าวมีชื่อว่า ‘นัตโตะ’ (Natto) หรือ ‘ถั่วเน่าญี่ปุ่น’ เป็นอาหารหลักในอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมมานานหลายศตวรรษ ในขณะที่องค์ประกอบหลายอย่างของอาหารญี่ปุ่นทั่วไป (วาโชกุ) เช่น ซุปมิโซะ ซูชิ เทมปุระ ราเมน หรือสาเก ได้กลายเป็นที่รู้จักกันดีในวัฒนธรรมตะวันตก
คนญี่ปุ่นจำนวนมากนิยมกินนัตโตะเป็นประจำทุกวัน หรือในร้านขายของชำทั่วไปในญี่ปุ่น อาจพบนัตโตะหลากหลายยี่ห้อบนชั้นวาง หลายคนอาจเปรียบเทียบว่านัตโตะเป็น ‘โยเกิร์ต’ ซึ่งเป็นอาหารหมักดองที่มีโปรตีน และสารอาหารหนาแน่นโดยทั่วไป
แม้คนไทยจะขนานนามเจ้านัตโตะว่าเป็นถั่วเน่า แต่คุณประโยชน์ และเรื่องราวของมันก็น่าสนใจไม่น้อย
เรื่องราวของถั่วเน่าญี่ปุ่น
หนึ่งในเรื่องเล่าอันเป็นที่พูดถึง ต้องย้อนไปในปี ค.ศ. 1080 ช่วงระหว่างสงครามโกซันเนน (Gosannen War) เมื่อซามูไรผู้ยิ่งใหญ่นาม มินาโมโตะ โนะ โยชิเอะ (Minamoto no Yoshīe) และกองทัพของเขากำลังเดินทางไปพิชิตดินแดนทางตอนเหนือของญี่ปุ่น อยู่มาคืนหนึ่ง นักรบลี้ภัยที่ฟาร์มในชนบทได้พักกินอาหารเย็นง่ายๆ ประกอบด้วยข้าว และถั่วเหลืองต้ม ขณะที่กินก็มีข่าวว่าศัตรูเข้ามาใกล้ พวกเขาจึงตัดสินใจถอยทัพ โดยห่ออาหารด้วยฟางข้าวอย่างรวดเร็ว ซึ่งฟางเป็นแหล่งธรรมชาติของแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลีส (Bacillus subtilis)
เมื่อห่อเรียบร้อยก็นำอาหารทั้งหมดขึ้นไปไว้บนหลังม้า อาหารเหล่านั้นจึงได้รับความอบอุ่น และความชื้นของเหงื่อม้า หลังเหตุการณ์สงบ หรือ 2 วันต่อมา พวกเขาเปิดห่อ และค้นพบถั่วเหลืองที่ถูกหมักมีรสชาติอร่อย แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
แต่ละปี ญี่ปุ่นผลิตและบริโภคนัตโตะประมาณครึ่งล้านตัน ในอดีตภูมิภาคมิโตะ (Mito) ถือเป็นศูนย์กลางของการผลิตนัตโตะ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นแหล่งปลูกถั่วเหลืองขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งเหมาะสำหรับการทำนัตโตะที่สุด ทุกวันนี้เมืองมิโตะถูกระบุว่าเป็นแหล่งกำเนิดของนัตโตะ และยังคงเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมนัตโตะในญี่ปุ่น
ประโยชน์ของนัตโตะ
การกินนัตโตะนั้น สัมพันธ์กับสุขภาพหัวใจ และอายุขัยที่ดีขึ้น จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Clinical Nutrition ได้สนับสนุนแนวโน้มข้อสังเกตนี้ โดยสรุปว่า การบริโภคนัตโตะเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ (Cardiovascular disease: CVD) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ดร.อี้กวงหลิน (Dr. Yiguang Lin) เภสัชวิทยา และวิทยากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ (University of Technology Sydney) มีส่วนร่วมในการค้นพบเอนไซม์นัตโตคิเนส (Nattokinase) ในนัตโตะ ซึ่งผลิตขึ้นระหว่างกระบวนการหมักถั่วเหลือง และตีพิมพ์ในวารสาร Biomarker Insights ทำให้สาธารณชนทั่วไปเข้าถึงประโยชน์ด้านสุขภาพของนัตโตะ ได้ง่ายขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ส่งเสริมระดับคอเลสเตอรอลที่ดี
ลดความดันโลหิต ช่วยให้หลอดเลือดแดงอยู่ในสภาพที่ดี เรื่องสุขภาพทางเดินหายใจ และช่วยปกป้องสมอง
อย่างไรก็ตามเอนไซม์นัตโตคิเนส สามารถรับได้จากการรับประทานนัตโตะโดยตรง หรือสกัดออกมา เพื่อให้สามารถรับประทานในรูปแบบอาหารเสริมได้ ใครอยากลิ้มลองรสชาติของนัตโตะก็สามารถไปลองกันได้ ชอบหรือไม่ชอบยังไงคอมเมนต์พูดคุยกันได้นะ
อ้างอิง
- NYrture. Natto: Japanese History of a Modern-Day Superfood. https://bit.ly/37DPgUV
- The Healthy. Nattokinase Benefits: 6 Reasons To Try This Asian Superfood (Plus, a Chef’s Tips). https://bit.ly/3MsxfYi