2 Min

10 ก.ค. ‘วันลูกแมวแห่งชาติ’ ของสหรัฐฯ ต่างกันอย่างไรกับ ‘วันแมวแห่งชาติ’

2 Min
652 Views
10 Jul 2023

หลายประเทศมีการจัดตั้ง ‘วันแมวแห่งชาติ’ – National Cat Day ขึ้นมา โดยเหตุผลหนึ่งก็เพราะตระหนักถึงการเติบโตของกลุ่ม ‘ทาสแมว’ และความต้องการรณรงค์เพื่อให้คนในสังคมเข้าใจเรื่องแมวๆ ทั้งหลาย แต่กรณีของสหรัฐอเมริกา ‘วันที่ 10 กรกฎาคมของทุกปี’ คือหนึ่งวันสำคัญที่เกี่ยวกับ ‘ลูกแมว’ โดยเฉพาะ หรือ ‘วันลูกแมวแห่งชาติ’ National Kitten Day ซึ่งแยกออกจากวันที่ 29 ตุลาคม อันถือเป็น ‘วันแมวแห่งชาติ’ ที่พูดถึงแมวแบบรวมๆ

เหตุผลที่สหรัฐฯ แยก ‘วันลูกแมว’ กับ ‘วันแมว’ เกิดจากการผลักดันของ ‘คอลลีน เพจ’ (Colleen Paige) นักเขียน-นักสังเกตพฤติกรรมสัตว์ชาวอเมริกัน ซึ่งในปี 2012 เธอประสบความสำเร็จในการเรียกร้องให้วันที่ 10 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันลูกแมว เพื่อให้สังคมอเมริกันตระหนักถึงปัญหา ‘ลูกแมวจร’ ที่ถูกทอดทิ้งและกลายเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข 

เพราะเพจเป็นหนึ่งใน ‘ทาสแมว’ ที่รู้ว่าลูกแมวตาแป๋วๆ ทั้งหลายจะทำให้คนรักสัตว์ใจละลายได้ง่ายๆ แต่ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนในสังคมอเมริกันคือ ‘ลูกแมวจรไร้บ้าน’ นั้นมีจำนวน ‘มหาศาล’ การรับเลี้ยงลูกแมวจึงเหมือนกับการช่วยเหลือเด็กทารกลูกของมนุษย์ที่ถูกทอดทิ้งให้ได้รับการดูแลอย่างที่ควรจะเป็น และกิจกรรมหลักๆ ในวันลูกแมวแห่งชาติจึงเป็นการรณรงค์ให้คนที่อยากเลี้ยงแมว ‘รับเลี้ยงแมวจร’ และก็มักจะมีการจัดกิจกรรมระดมทุนในวันนี้เพื่อช่วยเหลือองค์กรที่ดูแลและให้ที่พักพิงแมวจร 

ยิ่งถ้าอ้างอิงตามข้อมูลของ PETA องค์กรระหว่างประเทศด้านสิทธิสัตว์ มีการประเมินคร่าวๆ ในปี 2017 ว่าแมวจรไร้บ้านในสหรัฐฯ น่าจะมีอยู่ประมาณ 60-100 ล้านตัว ซึ่งลูกแมวที่ดูน่ารักทั้งหลายอาจจะกลายเป็น ‘แมวดุร้าย’ ได้ง่ายๆ เพราะแมวที่ไม่ได้ถูกรับเลี้ยงจะพัฒนาสัญชาตญาณ ‘นักล่า’ ของตัวเองเพื่อให้อยู่รอดบนท้องถนน และปัญหาแมวล่า ‘นก’ หรือสัตว์เล็กอื่นๆ ก็มีผลกระทบเป็นทอดๆ ต่อระบบนิเวศตามธรรมชาติในสหรัฐฯ

การรณรงค์เรื่องวันลูกแมวจึงต่างจาก ‘วันแมว’ หรือ ‘วันกอดแมว’ เพราะคนก่อตั้งเชื่อว่าการรับเลี้ยงหรือดูแลลูกแมวจรให้แข็งแรงทางกายด้วยการฉีดวัคซีนควบคุมโรค จะช่วยให้แมวเด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ และทางใจก็จะช่วยให้ลูกแมวได้รับความรัก ไม่กลายเป็นแมวไร้บ้านจนเกิดเป็นปัญหาอื่นๆ ตามมา เพราะแน่นอนว่าการรับเลี้ยงลูกแมวจรจะช่วยเรื่องการควบคุมประชากรแมวบนท้องถนน และยังช่วยป้องกันหรือควบคุมความเสี่ยงที่จะเกิด ‘โรคระบาดในสัตว์’ อีกแรงหนึ่งด้วย

นอกจากความรักและเอ็นดูแล้ว ‘ลูกแมว’ ก็ต้องการ ‘บ้าน’ และคนคุ้มครองดูแลเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในสังคมอเมริกันที่คนจำนวนมากเลือกจะไม่มีลูกแล้วหันไปเลี้ยงสัตว์ต่างๆ แทน

อ้างอิง