2 Min

5 สถานีแห่งความเศร้า เศร้าให้เป็น เป็นแล้วไม่เศร้า

2 Min
675 Views
07 Oct 2021

Select Paragraph To Read

  • 1.ปฏิเสธ (DENIAL)
  • 2.โกรธ (ANGER)
  • 3.ต่อรอง (BARGAINING)
  • 4.เศร้าเสียใจ (DEPRESSING)
  • 5.ยอมรับความเป็นจริงแบบจริงจริง (ACCEPTANCE)

เชื่อว่าความเศร้านับว่าเป็นอารมณ์สุดแสนจะพื้นฐานที่หลายคนเคยประสบกันมาตลอดทั้งชีวิต
อาจจะเศร้าเพราะสูญเสียคนที่รักไปก่อนวัยอันควร หรือเศร้าที่คู่รักต้องมาจากลากันไปด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง

ซึ่งความเศร้ามักทำให้เราแปรปรวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรามักโกรธการจากไป ไม่ยอมรับว่าเขาจากไป หรือแม้กระทั่งดำดิ่งลงไปกับราวกับว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเพิ่งเกิดขึ้นเพียงเมื่อวาน

วันนี้เราจะพาทุกท่านมาสำรวจความเศร้าและเข้าใกล้มันอีกสักนิด มาดูกันดีกว่าว่านักจิตวิทยาได้มองความเศร้าและตีความมันไว้เป็นอย่างไรบ้าง

ขอบอกก่อนว่าแนวคิดนี้เป็นแนวคิดของ Elisabeth Kubler Ross นักจิตวิทยาสายเลือดสวิส-อเมริกัน ที่ได้ศึกษาและเรียบเรียงมันออกมาเป็น 5 ลำดับขั้นแห่งความเศร้าจากหนังสือ On Death and Dying หรือพูดง่าย ๆ ว่าไม่ได้ทุกคนจะเป็นแบบนี้เสมอไป แล้วไม่ใช่ทุกคนจะมีลำดับขั้นตอนใกล้เคียงกันแบบอื่น ๆ เอาเป็นว่าศึกษาไว้เพื่อที่จะได้เข้าใจมันมากขึ้นก็พอนะครับ อย่าไปยึดติดอะไรกับมันมาก

1.ปฏิเสธ (DENIAL)

การปฏิเสธหรือไม่ยอมรับความจริงนับว่าเป็นเหมือนปฐมบทแห่งความโศกเศร้า

ในความคิดนี้อาจจะมีประโยคอย่าง ไม่จริงใช่ไหม? โกหกกันทำไม? แกล้งกันเล่นหรือเปล่า? ออกมาเป็นทางคำพูดหรือทางความคิด อาจจะฟังดูเป็นบทละครไปบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าความรู้สึกและคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นจริง

แน่นอนว่าคนที่เจอเรื่องราวแบบนี้ เข้าไปในจังหวะแรกสัญชาตญาณแรกของมนุษย์มักจะเป็นการปฏิเสธเอาไว้ก่อน

การปฏิเสธเป็นเหมือนแผ่นกันกระแทกของความเจ็บปวด เพื่อไม่ให้เรารับความรุนแรงเข้าไปอย่างเต็มรัก ความรู้สึกของเราก็มักที่จะเลือกปฏิเสธมันไว้ก่อนป้องกันตัวเองจากการบาดเจ็บทางจิตใจอย่างรุนแรง หรือป้องกันตัวเองไม่ให้ช็อคอย่างเกินควร

2.โกรธ (ANGER)

อีกหนึ่งความรู้สึกที่มักมาพร้อมความสูญเสียก็คือความ ‘โกรธ’ เรามักเลือกเป้าหมายหรือประเด็นอะไรบางอย่างแล้วแสดงความโกรธออกมา อาจจะเป็นใครบางคน ตัวเราเอง สรรพสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ลามไปถึงโชคชะตาต่าง ๆ นานา

ในกรณีของการเลิกกัน ฝ่ายที่ถูกทอดทิ้งมักจะต่อว่า ก่นด่าหรือแม้กระทั่งทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย เพียงเพราะไม่เข้าใจ เหตุการณ์ หรือรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับตัวเอง ถึงแม้จะฟังดูเป็นอารมณ์ลบ แต่ก็มีการระบุว่า ความรู้สึกโกรธเป็นความรู้สึกสำคัญที่ช่วยให้เราเยียวยาหัวใจตัวเองได้ดีขึ้นเช่นกัน

3.ต่อรอง (BARGAINING)

พอพายุแห่งความคลุ้มคลั่งและความโกรธได้พัดผ่านไปแล้ว ณ จุดหนึ่งของความรู้สึก พวกเราจะเริ่มอ่อนลง เริ่มต่อรอง เริ่มเข้าหาด้วยวิธีการต่าง ๆ แน่นอนว่าเพื่อที่จะต้องการให้เรื่องราวต่าง ๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิม พยายามขอคืนดี พยายามง้อ เพื่อเรียกคืนอำนาจที่สูญเสียไปกลับมาให้จงได้

4.เศร้าเสียใจ (DEPRESSING)

เมื่อความโกรธ ความรุนแรง การต่อรอง หรือการยินยอมไม่ได้ผล ความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จะถาโถมเข้าสู่อารมณ์เราอย่างหนักหน่วง เป็นช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าเสียจริง ลองนึกภาพเป็นภาพยนตร์ก็ได้ครับ นั่งเศร้าน้ำตาริน ยืนทบทวนเรื่องราวใต้ฝักบัว เหม่อมองบนฟ้าไกล จิตใจหลุดลอย หดหู่ ไร้เรี่ยวแรง เหน็ดเหนื่อยกับจากไป ราวกับชีวิตจะไม่มีวันข้างหน้าอีกต่อไปแล้ว (แต่เป็นคนละอาการกับโรคซึมเศร้านะครับ ซึ่งภาวะนี้ที่รุนแรงอาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่เป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าในอนาคตก็ย่อมได้)

5.ยอมรับความเป็นจริงแบบจริงจริง (ACCEPTANCE)

ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่เมล็ดพันธุ์แห่งความเศร้าผลิดอกออกผลมาอย่างงดงาม เมื่อความเศร้าทำให้เราก้าวเดินต่อไป

‘เดี๋ยวมันก็ผ่านไป’ ประโยคนี้ดูเหมาะกับขั้นตอนนี้เสียจริง เพราะไม่ว่าคุณจะโศกเศร้าดำดิ่งมาสักแค่ไหน วันนึงเดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้วเราก็จะยอมรับมันได้เสมอ ๆ

การตาย การเลิกรา นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ หากเราเริ่มตระหนักได้ว่าความเป็นจริงคือะไร มันอาจจะเศร้าแต่ถ้าหัวใจเราเข้าใจ เก็บความรักไว้ในใจ แล้วก็ก้าวเดินต่อไปน่าจะดีกว่า เราอาจจะเริ่มดูแลตัวเอง เริ่มพัฒนาตัวเอง เริ่มแต่งสวย อะไรต่าง ๆ นานา เป็นช่วงเวลาแห่งการยอมรับและการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ข้อย้ำอีกครั้ง ไม่ใช่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนี้ ความเป็นจริงอาจจะเป็นขั้นตอนที่ผันผวนทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาพจิตใจของแต่ละบุคคลด้วย

อ้างอิง: