ถ้าสมมติว่าโลกนี้มีความคิด 3 แบบ
- มองโลกในแง่ดี
- มองโลกในแง่ร้าย
- มองโลกตามความเป็นจริง
คุณเป็นคนมองโลกแบบไหน?
เชื่อหรือไม่ว่า การมองโลกตามความเป็นจริง อาจมีผลดีต่อความเป็นอยู่ในระยะยาวมากกว่าที่คุณคิด งานวิจัยจาก University of Bath and London School of Economics and Political Science (LSE) ทำการศึกษาความคาดหวังทางการเงินของชีวิต และสุขภาพความเป็นอยู่ที่ดี ในระยะเวลาประมาณ 18 ปี
อธิบายง่ายๆ งานวิจัยนี้ตั้งคำถามกับความคิดครับ โดยแบ่งคนเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- มองโลกในแง่ดี (Optimistic)
- มองโลกในแง่ร้าย (Pessimist)
- และมองโลกตามความเป็นจริง (Realistic)
แล้วศึกษาว่าคนกลุ่มใดมีความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด ผ่านการสำรวจและวิเคราะห์รายได้ของคนกว่า 1,600 คน ตลอดระยะเวลา 18 ปี พร้อมรายงานผลในเชิงสุขภาพจิตและปัญหาทางจิต รวมถึงความคาดหวังทางการเงินของแต่ละคนอีกด้วย
ผลปรากฎว่า การวางแผนที่ไม่เชื่อมโยงกับความเป็นจริง จะทำให้เกิดการตัดสินใจแย่ลง และให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีนัก นั่นคือสภาพความเป็นอยู่ที่แย่กว่า ไม่ว่าจะเป็นการมองโลกในแง่บวกหรือลบก็ตาม
ผู้ร่วมวิจัยระบุว่า คุณไม่จำเป็นต้องใช้เวลาไปกับการคิดบวก เพราะการมองโลกตามความเป็นจริงและตัดสินใจต่างๆ ผ่านข้อมูลและหลักฐานที่คุณมี จะต่อยอดถึงการเป็นอยู่ที่ดี และจะไม่หลงระเริงไปกับความคิดบวกที่ฟุ้งซ่านเกินไปนั่นเอง
ขณะที่กลุ่มมองโลกในแง่บวก อาจเกิดความรู้สึกผิดหวัง เมื่อโลกไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันไว้ หรือคนที่มองโลกในแง่ร้าย ความรู้สึกลบก็จะครอบงำมากเกินไป ถึงแม้ว่าตนเองจะทำได้ดีกว่าที่คาดหวัง
ถ้าเราลองมองในบริบทของสถานการณ์โควิด-19 คนทั้งสองกลุ่มนี้มักจะตัดสินใจผ่าน ‘อคติ’ ซึ่งจะส่งผลลัพธ์ในแง่ร้าย คนที่มองบวกก็อาจจะระวังตัว คนที่มองลบอาจจะป้องกันตัวเองแบบสุดโต่ง จนใช้ชีวิตไม่ได้อีกเช่นกัน
แต่ถ้าเป็นคนที่มองโลกตามความเป็นจริง เขาจะมีวิถีชีวิตที่ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเหตุและผล และความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น
แล้วคุณล่ะครับ เห็นด้วยกับชุดข้อมูลนี้หรือไม่ หรือเชื่อว่าการมองโลกในแง่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรขนาดนั้น มาร่วมแชร์กันดีกว่า!
อ้างอิง:
- Psychcentral. Study: For Long-Term Well-Being, Turn to Power of Realistic Thinking. https://bit.ly/3h1LOCG