5 Min

ทำไมถึงเรียกคนเท่ว่าคน Cool และ Mitsubishi Heavy Duty ทำให้ทุกคน Cooler ได้อย่างไร

5 Min
291 Views
31 Mar 2023

อะไรก็ตามที่ยังคงอยู่ในปัจจุบันล้วนมีที่มาจากอดีตที่ค่อยๆ สร้างรากฐานอย่างแข็งแรงทั้งนั้น ตั้งแต่ตัวตน สังคม ไปจนถึงเรื่องทั่วไป ของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือแม้กระทั่งคำหนึ่งคำที่คนใช้กัน อย่างคำว่า ‘cool’

เคยสงสัยไหมว่าทำไมคำว่า cool ถ้าแปลความหมายตรงตัวหมายถึงความเย็น ถึงถูกใช้ในการนิยามคนคนหนึ่งในเชิงบวก ทำไมความเย็นถึงเชื่อมกับความสุขใจได้

บทความนี้เราจะพาไปหาคำตอบ ทั้งในเรื่องของความ cool ในฐานะคน และความเย็นที่มนุษย์สุขใจเมื่อได้สัมผัส

 

ทำไมคนเท่ถึงกลายเป็นคูล

ตามที่นักมานุษยวิทยาภาษาศาสตร์ โรเบิร์ต มัวร์ (Robert Moore) ได้อ้างอิงไว้ คำว่า cool ได้ถูกต่อขยายความหมายจากความเย็นกลายเป็นคำที่ไว้ใช้ขยายตัวตนครั้งแรกในช่วงปี 1930 โดยเริ่มปรากฏในฐานะสำนวนหรือคำสแลงที่คนใช้ในบริบทที่ไม่เป็นทางการ เพื่อสื่อความหมายว่า ‘ดีมาก’ และยังทำให้ตัวผู้พูด ดูแตกต่างจากวัฒนธรรมกระแสหลักด้วย

เมื่อความนิยมเพิ่มขึ้น ขอบเขตของคำว่า cool ก็ยิ่งถูกต่อขยายมากเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะยุค 50s ถึง 60s ที่คำว่า cool เริ่มถูกใช้ในการนิยาม ‘ความเท่’ มากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มแทรกซึมเข้ามากลายเป็น ‘คำกลาง’ ที่คนทั่วไปใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว

ถ้าถามถึงผู้ที่มีส่วนสำคัญในการทำให้คำว่า ‘cool’ ได้รับความนิยม ประวัติศาสตร์ชี้ไปที่ชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่ในเวลานั้นไม่ว่าจะดนตรี ตัวตน ไปจนถึงผลงาน คำว่า cool ถูกใช้กันอย่างเฟื่องฟูมาก เพื่อชื่นชมว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งดีและเท่ ดังนั้นเมื่อมันเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลาย บวกกับการส่งออกทางวัฒนธรรมของสหรัฐอเมริกา คำดังกล่าวจึงเดินทางไปทั่วโลกในที่สุด

แต่ถ้ามาขบคิดกันจริงๆ โรเบิร์ต มัวร์ ก็ได้อธิบายไว้เพิ่มด้วยว่า ในจุดแรกเริ่มช่วงปี 1930 ที่มนุษย์รู้สึกชื่นชม ‘ความเย็น’ มากกว่าความร้อน นั่นก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่คำว่า cool กลายเป็นคำเชิงบวกเช่นกัน

หรือพูดง่ายๆ ว่า ความเย็นเป็นเรื่องเท่ที่มาก่อนกาลตั้งนานแล้ว

 

ทำไมความคูลของ Mitsubishi Heavy Duty จึงเกิดขึ้นในไทย

ถ้าว่ากันถึงความเย็น ในฐานะผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองร้อน เชื่อเหลือเกินว่าทุกคนน่าจะพูดถึงเครื่องปรับอากาศ และถ้าพูดถึงเครื่องปรับอากาศ เชื่อได้เลยว่าบริษัท Mitsubishi Heavy Industries คือชื่อแรกๆ ที่ปรากฏขึ้นมาในใจหลายคนเป็นแน่

เพราะตั้งแต่ก้าวแรกของบริษัท Mitsubishi ที่เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1884 พวกเขาได้ดำเนินธุรกิจโดยมี ‘เครื่องจักร’ และ ‘กลไก’ เป็นผลิตภัณฑ์หลักเสมอ เกิดเป็นหลายเทคโนโลยีตั้งแต่ภาพใหญ่อย่างการทำงานในเรื่องของอวกาศ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันอย่างเครื่องปรับอากาศนั่นเอง

หากจะยึดเอารอยทางในประวัติศาสตร์ที่ Mitsubishi Heavy Industries เข้ามาในประเทศไทย หลักฐานจะชี้ไปที่ปี พ.ศ. 2531 ปีแรกที่ บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์-มหาจักร แอร์ คอนดิชั่นเนอร์ส จำกัด หรือ (MACO) เกิดขึ้นมา โดยเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น ผู้นำด้านวิศวกรรมระดับโลก กับกลุ่มบริษัท มหาจักร กลุ่มบริษัทชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจที่หลากหลายของประเทศไทย

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 35 ปีที่ MACO ในฐานะผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศชั้นนำ สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพได้แล้วกว่า 40,000,000 เครื่อง ภายใต้ชื่อ ‘MITSUBISHI HEAVY INDUSTRIES CO., LTD.’ โดยได้รับความเชื่อถือ และไว้วางใจจากลูกค้าในด้านคุณภาพ มาตรฐาน การส่งมอบที่ตรงเวลา ราคาที่เหมาะสม และการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ

จนในปัจจุบัน พวกเขาได้ถอดประสบการณ์ทั้งหมดจนเหลือเพียง 3 แกนหลักในการส่งต่อความเย็นให้กับลูกค้าทุกคน นั่นคือ ‘เย็นเร็ว ทนทาน ได้สุขภาพ’

 

คูลได้ คูลดี แต่เย็นมีกี่แบบ

เคยสงสัยกันไหมว่าเครื่องปรับอากาศหรือที่เราเรียกติดปากว่า ‘แอร์’ นั้นแท้จริงแล้วมีกี่แบบ

ถ้ายึดตามผลิตภัณฑ์ที่ Mitsubishi Heavy Duty ผลิตเครื่องปรับอากาศนั้นจะมีทั้งหมด 4 แบบ แบ่งตามการใช้งานเพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการของผู้ใช้งานนั่นเอง

หนึ่งคือ Residential Air Conditioners หรือเครื่องปรับอากาศแบบติดผนังที่มุ่งส่งเสริมความสบายเชิงอุณหภูมิให้กับที่อยู่อาศัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้คนที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในที่บริเวณนั้นๆ

สองคือ Package Air Conditioners หรือเครื่องปรับอากาศสำหรับใช้ในอาคารขนาดเล็ก ซึ่งมีให้เลือกสรรใช้งานตามลักษณะของห้องอีก 4 แบบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปรับอากาศแบบสี่ทิศทางที่เหมาะกับห้องที่ต้องการความหรูหรา เป็นระเบียบ สวยงาม, แบบแขวนใต้ฝ้าเหมาะกับห้องที่มีลักษณะเป็นแนวยาว, แบบท่อลมที่ต้องการกระจายอากาศไปยังชั้นหรือโซนอื่นๆ หรือแม้แต่แบบตู้ตั้งพื้นที่เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่

สามคือ Commercial Air Conditioners หรือระบบปรับอากาศขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ หรือที่เราเรียกกันว่าระบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) โดยเป็นระบบปรับอากาศขนาดใหญ่สำหรับอาคารหรือสำนักงาน มีลักษณะการต่อแบบ Indoor Unit หลายตัวต่อ Outdoor Unit 1 ตัว สามารถเลือกรูปแบบเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับห้องต่างๆ ได้ เช่น ห้องนอนใช้แบบ Wall type , ห้องนั่งเล่นใช้แบบสี่ทิศทาง และห้องโถงใช้แบบตู้ตั้งพื้น โดยระบบปรับอากาศแบบ VRF จะมีเทคโนโลยีที่ช่วยคำนวณปริมาณน้ำยาให้ตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ที่มีสภาวะความร้อนที่แตกต่างกันไป

และสี่คือ Home Appliances เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวกนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบัน ในยุคที่มีความหนาแน่นของฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ต่างๆ แบรนด์เครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty ก็มีผลิตภัณฑ์อย่างเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณสมบัติกรองฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กได้มากถึง 99% วางจำหน่ายอีกด้วย

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าไม่ว่าผู้คนจะต้องการความเย็นในรูปแบบไหน สถานที่ใด Mitsubishi Heavy Duty ก็มีผลิตภัณฑ์พร้อมสำหรับทุกคนทั้งนั้น

 

อนาคตของความคูล

จากที่ผ่านมาและปัจจุบันที่ Mitsubishi Heavy Duty มีนี่เอง ที่ทำให้ในตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้วในการตอบรับความต้องการของผู้คนในแง่ของเครื่องปรับอากาศ ไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีทุกองค์ประกอบของความเย็นสบาย อีกทั้งยังประหยัดไฟและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ยิ่งสำหรับตอนนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของยุคสมัยโดย Mitsubishi Heavy Duty ก็มีออกมาให้เลือกมากมาย แถมยังหลายซีรีส์อีกด้วย

เช่นเครื่องปรับอากาศ Hoshi Series รุ่นใหม่เอี่ยม ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Inverter แท้ทั้งระบบ ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า เพราะมีแผงวงจร PAM ที่มีหน้าที่คอยควบคุมคอมเพรสเซอร์ มอเตอร์และอัตราการไหลของสารทำความเย็นให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ, ฟังก์ชั่นไล่ความชื้นในคอยล์เย็นอัตโนมัติป้องกันกลิ่นอับและการเติบโตของเชื้อรา แผ่นกรอง PM2.5 ในตัว เหมาะสมกับวิถีชีวิตของยุคสมัยใหม่ในทุกด้าน รวมไปถึงเทคโนโลยี Jet Flow ที่ช่วยส่งลมไกล 15 เมตรและ Hi Power ทำให้ห้องเย็นเร็วภายใน 15 นาที

เครื่องปรับอากาศ FDT Series ในรูปแบบ Package Air Conditioners ที่เปิดตัวมาด้วยรุ่น Inverter มีให้เลือกสรรถึง 7 ขนาด Btu/h ครอบคลุมตั้งแต่ห้องขนาดเล็กๆ เพียงแค่ 8 ตร.ม.จนถึงห้องขนาดใหญ่สุดถึง 80 ตร.ม. แต่ถึงแม้ห้องจะใหญ่แค่ไหน มั่นใจได้เลยว่า FDT Inverter Series นี้ก็ประหยัดไฟอย่างแน่นอน เพราะมาพร้อมกับระบบ Inverter แท้ทั้งระบบเช่นเดียวกัน ที่สำคัญยังมีฟังก์ชั่น Draft Prevention Panel ที่ช่วยกระจายลมไม่ให้ปะทะตัวโดยตรง ทำให้ไม่เป็นหวัดง่าย อาหารที่ตั้งอยู่ในห้องไม่เย็นชืดเร็วจนเกินไปอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นอย่าง Auto Grill Elevator ที่ผู้ใช้งานอย่างเราสามารถกดให้เครื่องหย่อนสลิงถอด Panel ของเครื่องปรับอากาศลงมาได้สูงสุดถึง 4 เมตรช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ให้สามารถเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศได้ด้วยตนเองอย่างง่ายๆ ได้อีกด้วย

และสุดท้ายกับ Mori Series เครื่องกรองอากาศที่นอกจากจะทำให้อากาศสะอาดชุ่มปอด ด้วยคุณสมบัติกรองฝุ่น PM2.5 ได้มากถึง 99% แล้ว ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้นที่มีอายุการใช้งานยาวนานสูงสุดถึง 2,400 ชั่วโมง เรียกได้ว่าใช้งานกันยาวๆ และยังมีฟังก์ชั่นช่วยปล่อยประจุลบในอากาศ (IONIZER) สร้างอากาศบริสุทธิ์ตลอดการใช้งานอีกด้วย

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า Mitsubishi Heavy Duty มีทุกอย่างที่เอื้อให้ทุกคนเย็นกาย เย็นใจและสุขภาพดีได้แบบองค์รวม เรียกได้ว่าเป็นคูลในรูปแบบความเย็นที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนอย่างแท้จริง

สนใจข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม : https://www.mahajak.com/mitsuheavythai

#MitsubishiHeavyDuty
#หนักแน่นด้วยข้อดีที่คุณไม่หนักใจ