อาถรรพ์หนังสือปกแดง
บ่ายวันอาทิตย์ หลังเมฆดำเคลื่อนผ่าน แดดเริ่มกลับมาทำงาน ผิวถนนมีน้ำขังเป็นบางจุด ที่ตลาดนัดแห่งหนึ่งใจกลางเมือง บุหงากำลังเลือกดูหนังสือ อันที่จริงเธอมีร้านประจำอยู่ย่านอื่น แต่วันนี้เธอนึกสนุกอยากลองดูร้านอื่นๆ บ้าง
งานอดิเรกของบุหงาคือการสะสมหนังสือมือสอง เธอถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์บางอย่างของหนังสือที่ผ่านการมีเจ้าของมาแล้ว เธอเลี่ยงคน เดินลึกเข้าไปด้านในสุด ฝุ่นจับหนาบนหลอดนีออน แสงพร่าจนต้องเพ่งสายตา แต่ก็สว่างและสงบพอให้ได้สำรวจอย่างเพลิดเพลิน
เธอไล่ดูแต่ละชั้นอย่างเชื่องช้า จากบนสุดลงล่าง พลันสายตาสะดุดเข้ากับmสันหนังสือสีแดงก่ำ ไร้ข้อความ มันซุกตัวนิ่ง ทว่าโด่นเด่นออกมาจากชั้นวาง ที่ระดับสายตาราวกับจับวาง บุหงาคว้ามันออกมา หน้าปกสีเดียวกันกับสัน มีรอยสกรีนจางๆ “สาวชุดแดงในคืนฝนตก” บุหงาตาวาวตื่นเต้นราวกับพบสมบัติล้ำค่า เธอพลิกด้านใน
ที่หน้าบรรณุกรม “พิมพ์ครั้งแรก” – ชื่อผู้แต่ง “กรกฏ” “กรกฏ” คือนักเขียนแนวฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนที่เธอชื่นชอบ เธอพยายามตามสะสมหนังสือของเขาเกือบทุกเล่ม และ “สาวชุดแดงในคืนฝนตก” ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ก็เป็นเล่มที่หาได้ยากที่สุด ในบรรดาซีรีย์ทั้งหมด เธอตรวจดูหนังสือคร่าวๆ มุมปกล่างขวา มีรอยพับยับเล็กน้อย เนื้อกระดาษสีเข้มตามกาลเวลา ไม่มีรอยขาด ใช้ได้ เธอคิด
บุหงากลับถึงบ้านด้วยความลิงโลด ที่ตู้หนังสือ ในห้องนั่งเล่นของเธอ มี “สาวชุดแดงในคืนฝนตก” เรียงอยู่บนชั้นแล้วสองเล่ม เธอเปิดบานกระจก นำหนังสือปกแดงที่อยู่ในมือเสียบเข้าไป “สาวชุดแดงในคืนฝนตก” สามเล่มเรียงกัน เธอขยับแว่นตา กอดอกมอง มุมปากด้านหนึ่งยกขึ้นเล็กน้อย เสียงฟ้าคำรามโครมคราม ลมแรงจนม่านบังแสงพริ้วกระเพือม แสงแว่บไหวจากฟ้าผ่า ไม่น่านสายฝนก็โปรยปราย บุหงาเดินไปที่หน้าต่าง พลันกิ่งไม้กระแทกเข้าหน้าเธอ โชคดี ที่เธอปิดหน้าต่างเสร็จสะก่อน เมื่อเธอหันกลับมา โคมไฟที่ตั้งอยู่ข้างเก้าอี้ริมหน้าต่าง ก็เกิดติดๆ ดับๆ เธอปิดสวิชตัดรำคาญ แต่เมื่อปิดแล้ว ไฟทั้งห้อง กลับดับตามไปด้วย
เพียงเสี้ยวนาที ฟ้าผ่าลงมาอีก แสงแว๊บรอดเข้ามา บุหงาเห็นอะไรบางอย่าง เคลื่อนที่วูบไหวบริเวณหน้าตู้หน้งสือ บุหงาควานคว้าสวิชโคมไฟตั้งพื้นนั่นเปิด พรึ่บ!! ไฟกลับมาติดสว่างทั่วห้อง
ที่ตู้หนังสือบานประตู้เปิดอ้า เธอค่อยๆ เดินไปดู หนังสือตกที่พื้นเปิดอ้าออก ที่ย่อหน้านั่น ข้อความว่า “และในคืนฝนตกหนักคืนหนึ่ง หญิงสาวในชุดแดงก็กลับมา…” บุหงารีบเก็บหนังสือ สำหรับเธอแล้วความสมบูรณ์ของหนังสือคือสิ่งที่เธอหวงมากกว่าอะไร
เมื่อพลิกดูมันคือหนังสือเล่มล่าสุดที่เพิ่งเก็บเข้าขั้นไปนี่เอง บุหงาสงสัย ว่าบานประตู ที่เป็นแม่เหล็กจะเปิดได้อย่างไร แต่คืนนี้ก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะหาคำตอบ เธออยากผักผ่อนเต็มที่แล้ว เธอเก็บหนังสือเข้าชั้น ปิดบานตู้ ดูจนแน่ใจว่าแน่นสนิทดี แล้วบุหงาก็ขึ้นชั้นสองของบ้านไป ที่ห้องนอน บุหงาเอื้อมมือปลดซิปจากหลังคอ รูดลงถึงกลางหลัง ปล่อยเดรสสีแดงลายดอกไม้ สีขาวเล็กๆ หลุดจากด้านบนกองลงพื้น เธอเอาเท้าเกี่ยวตวัดชุดใส่ลงตระกร้า ได้เวลาชำระร่างกาย ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง อากาศเย็นลง กลิ่นดินชุ่มน้ำอบอ่วน เสียงอึ่งอ่าง ร้องรับฟ้าแล่บระงม หน้าฝนคงยังไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ
บุหงาในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น เสียงฝีเท้าไล่ขึ้นมาตามบันไดอย่างเชื่องช้า แล้วหยุดลงที่หน้าประตูห้องนอน ลูกบิดหมุนขยับ มันถูกเขย่า เตียงของบุหงาสั่นไหว ลูกบิดถูกเขย่าแรงขึ้น เตียงบุหงาก็ยิ่งสั่นแรงขึ้น แรงขึ้น ทันใด นั้นประตูเปิดออก มือแห้ง ผิวหนังเหี่ยวย่นจับหมับเข้าที่หัวไหล่บุหงา บุหงาสะดุ้งขึ้นมาสุดตัว ใจเต้นระรัว เธอเหงื่อแตกพลั่ก ป้าน้อย!!
ป้าแม่บ้านที่ทำงานมาตั้งแต่ตอนที่แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ ปกติป้าน้อยจะไม่ขึ้นมาทำความสะอาดด้านบน หากเธอยังไม่ตื่นลงไปข้างล่าง ป้าน้อยว่า แกได้ยินเสียงคนเดินวนไปวนมาในห้องอยู่พักใหญ่ เลยขึ้นมาดู แต่เรียกเท่าไหร่ บุหงาก็ไม่ตอบจึงไขประตูเข้ามา บุหงาที่เพิ่งตื่นขึ้นมาก็งุนงง เธอหลับอยู่ จะมีใครเดินได้ยังไง ป้าน้อยคงหูแว่ว เธอว่า แล้วบุหงา ก็ลุกขึ่นทำกิจวัตรประจำวันปกติ
บุหงากินมื้อสาย แล้วหลบเข้าสตูดิโอที่ต่อเติมขึ้นใหม่ด้านหลังบ้าน อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การเขียนรูป เธอจิบกาแฟดำแล้ววางลงที่โต๊ะข้างเฟรมผ้าใบ ที่ขอบแก้ว รอยลิปสติกสีแดงประทับอยู่ บุหงา ซึ่งไม่เคยแต่งหน้าเวลาอยู่บ้าน ที่สำคัญ มันเป็นแก้วที่ล้างสะอาดดีแล้ว บุหงายกขึ้นมาดูใหม่ให้แน่ใจ แต่รอยลิปสติกนั่นก็หายไปแล้ว บุหงาคิดว่า ตัวเองคงตาฝาดไป เธอเลยนั่งทำงานต่อ ไม่ได้สนใจอะไร แดดคล้อยอ่อนแรง เวลาเย็นย่ำใกล้เข้ามา บุหงานั่งทำงานจนเธอเริ่มเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว จึงตัดสินใจว่า วันนี้พอเท่านี้ก่อน เธอเดินผ่านสวนด้านข้างกลับเข้าบ้าน บอกป้าน้อยแม่บ้านของเธอ ให้มาอีกทีอาทิตย์หน้า เพราะเธออยากเขียนรูปเสร็จให้ทันงานแสดง จึงไม่อยากให้ใครมากวน
หลังกินมื้อค่ำเสร็จ บุหงาย้ายตัวเองมาห้องนั่งเล่น เธอนั่งพักที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง สายตาเหม่อไกลไปด้านนอก มองเมฆ ทมึนที่ลอยต่ำ ฝนคงตกอีกเป็นแน่ เธอคิด ระหว่างนั้นบุหงารู้สึกถึงอะไรบางอย่างเคลื่อนที่ที่หางตา บุหงาวางเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ ลุกไปดู ที่ตู้หนังสือบานประตูอ้าออก เธอขมวดคิ้ว เพราะจำได้ว่าเมื่อคืนเธอปิดสนิทดีแล้ว แต่คงเพราะอายุการใช้งาน ก็อาจเป็นไปได้ว่าตัวล๊อคแม่เหล็กคงหลวม
บุหงาจึงหยิบหนังสือปกสีแดง ที่เพิ่งได้มาเมื่อวานออกมา ตั้งแต่ได้มา เธอยังไม่ได้เช็คอย่างละเอียดเลย บุหงาสวมแว่นไล่เปิดดูทีละหน้าอย่างระมัดระวัง กลิ่นเก่ากระดาษจางๆ ลอยปะปนขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นดินชื้นๆ ฝนเริ่มโปรยปราย บุหงาพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าหนึ่ง ที่ภาพประกอบหนังสือ มันเป็นภาพผู้หญิงในชุดเดรสยาวกอมพิ้น นิ้วเท้าแลบออกมาจากชายกระโปรง ผมยาวรุงรังปรกจนไม่เห็นใบหน้า
จากลักษณะของภาพ นักวาดอย่างเธอ มองปราดเดียวก็รู้ว่า นี่ไม่ใช่ภาพเขียน และไม่ใช่ภาพที่อยู่ในฉบับที่ตีพิมพ์อื่นแน่ๆ ท่าทางของผู้หญิงในภาพ เมื่อสังเกตุให้ดีๆ จะพบว่า ชุดที่ใส่นั้น ถูกรั้งจากด้านหลัง ช่วงบ่าตั้งตรง เหมือนกับชุดที่แขวนบนไม้แขวน แต่มีคนใส่ทั้งอย่างนั้น
มันเป็นภาพประกอบที่ประหลาดและสมจริง จนเธอขนลุกเลยทีเดียว ทว่าถัดจากหน้านั้น ไม่ว่าบุหงาจะพลิกไปหน้าไหน ก็มีแต่ภาพผู้หญิงอยู่ในท่าทางนั้น ต่างกันที่ลายละเอียดของชุด บางภาพ เป็นผู้หญิงในชุดเดรสสั้น ไม่มีลายบ้าง ยาวบ้าง มีลายบ้าง รูปร่างทรงผมดูแตกต่าง เหมือนไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวกัน บุหงาพลิกไปเรื่อยๆ หนังสือเกือบทั้งเล่มนั่น มีแต่ภาพประกอบลักษณะนั้น
ด้านนอกเวลานี้ ฝนเริ่มตกแรงขึ้น ผ้าม่านโบกสบัด ลมพัดเอาเศษใบไม้ปลิวเข้าบ้าน บุหงาวางหนังสือลง เผยให้เห็นหน้าที่เว้นว่างของหนังสือ เธอพยายามปิดหน้าต่าง เงาดำวูบไหวที่หางตากลับมาอีกครั้ง บุหงาหันขวับ ไม่เจออะไร! พลันเสียงฝีเท้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วผ่านบันไดขึ้นชั้นสองของตัวบ้านไป บุหงาผวามองตามเสียง เธอไม่รอช้า รีบตามขึ้นไป เสียงวิ่งตึงตังนั่นหยุดหายไปในห้องนอนของเธอ บุหงากลั่นใจเปิดประตูห้องนอน มือควานกดสวิชไฟบริเวณขอบประตูเปิด ห้องสว่างพรึ่บ! ไม่เจออะไร! เธอหันไปเปิดประตูห้องน้ำ ก็ไม่พบอะไรแปลกปลอม ม่านหน้าต่างปิดอยู่ เธอไม่ชอบเปิดมัน
ห้องนอนของบุหงาอยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมือนเมื่อเช้า ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีใคร แล้วเสียงมาจากไหน บุหงาสงสัย ไม่ทันที่บุหงาจะครุ่นคิดอะไรต่อ เสียงกุกกักก็ดังขึ้นจากด้านหลัง บุหงาหันกลับไปมองหาต้นเสียง เสียงกุกกักดังขึ้นอีก พร้อมกับที่ตู้เสื้อผ้า ที่ตั้งอยู่ฝั่งเดียวกับประตูทางเข้าห้องนอนของเธอ เปิดปิดอย่างรวดเร็ว บุหงาสะดุงโหย่ง ถอยกรูดไปติดหน้าต่าง ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา ไฟเพดานกระพริบสองสามครั้ง บุหงาเบิกตาโพลง เล็บจิกลงฝ่ามือที่กำแน่น เป็นไงเป็นกันเธอคิด
บุหงาค่อยๆ เดินไปหยุดหน้าตู้ จับมือจับแน่นนับในใจ หนึ่ง สอง สาม เปิดตู้เสื้อผ้าผลั่ว! ชุดเดรสแดงกล่ำ แขวนอยู่ฝั่งเดียวกับบานประตู บุหงาตกใจปล่อยมือ ขยับถอยหลังออกมา เธอหายใจแรงแล้วกลับค่อยคุมลมหายใจได้ ตั้งสติ พอมองดูดีๆ มันเป็น เดรสสีแดง ลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ มันคือชุดที่เธอเปลื้องลงตระกร้าไปเมื่อคืน เธอถอนหายใจเฮือก ป้าน้อยคงซักแล้วเอามาเก็บ เธอคิด ด้านนอกฝนเบาลงบ้างแล้ว บุหงาค่อยหายใจได้เต็มปอดหน่อย เธอปิดตู้เสื้อผ้า คงเป็นเพราะ เสียงฟ้าร้อง บวกกับ บ้านไม้เก่า เลยมีเสียงลั่นเป็นธรรมดา บุหงาใจชื้นขึ้นมา
กลางดึกคืนนั้นบุหงากระสับกระส่าย พลิกตัวไปมา เธอหลับไม่ลง บุหงายังคงสงสัยว่าทำไมหนังสือถึงมีแต่ภาพประกอบอยู่เกือบค่อนเล่ม บุหงาคว้าโทรศัพท์ที่โต๊ะข้างหัวเตียง เธอตั้งกระทู้ถามในเวปบอร์ดหนึ่ง
“ของผมมีเล่มพิมพ์ครั้งแรกเหมือนกันครับ แต่ภาพแบบนั้น มีแค่บทแนะนำตัวละครครับ”
“เราเคยมีของนักเขียนคนนี้นะ แต่ไม่มีเรื่องนี้ล่ะ” “ปักครับ อยากรู้ด้วย” มีคนตอบเธอประปราย แทบไม่ได้ช่วยอะไร เธอเสิรช์หาข้อมูลต่อ ไม่ทันได้สังเกตุ ว่าชายกระโปรงเดรสสีแดงนั่น มันลอดออกมาจากใต้ประตูตู้เสื้อผ้า บุหงาเริ่มง่วง ในเวปบอร์ดไม่มีใครรู้คำตอบ เธอผล่อยหลับไปในที่สุด
เสียงนาฬิกาปลุกดัง บุหงางัวเงียตื่น หาวหวอด ตายังปิด เธอเลิกผ้าห่มออกหย่อนขาลงข้างเตียง เดินโงนเงนเข้าห้องน้ำ บุหงาเปิดก๊อก เอาน้ำลูบหน้า หวังจะตื่นเต็มตา เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา บุหงากรี๊ดลั่น เธอตกใจสุดขีด เพราะที่หน้ากระจก เธอเห็นตัวเองอยู่ในชุด
เดรสสีแดงลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ นั่น บุหงาใจเต้นแรงด้วยความกลัว เธอรีบถอดชุดนั่นออก เปลี่ยนเป็นชุดใหม่ เธอลงไปที่ตู้หนังสือเพื่อหาหนังสือปกแดงเล่มนั้น ที่ชั้นหนังสือมีแค่สองเล่ม ซึ่งเป็นเล่มที่เธอมีอยู่ก่อนแล้ว เธอไปดูที่โต๊ะริมหน้าต่าง ครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นคือเมื่อคืน เธอนั่งเช็คหนังสือ แล้ววางทิ้งไว้ที่โต๊ะข้างเก้าอี้ริมหน้าต่าง เธอหาทั่วทั้งสตูดิโอ ทั้งห้องครัว ห้องนั่งเล่นซ้ำอีกครั้ง มันจะไปอยู่ไหนได้ ก็เมื่อคืน เธอวางมันไว้ตรงนี้ เธอนิ่งหยุดคิด… บุหงามองขึ้นบนเพดาน เหลือชั้นบน
เธอเดินขึ้นบันไดไปด้วยใจตุ่มๆ ต่อมๆ ใจนึง ก็หวังให้เจอหนังสือ อีกใจก็หวังว่าจะไม่เจอ เธอหยุดหน้าห้องตัวเอง เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มหน้า มือชื้นแฉะ เธอหวังว่าจะไม่เจอมันบนนี้ บุหงาค่อยๆ เปิดประตูห้อง สายตาสอดส่องเข้าไปก่อน ที่เตียงผ้าห่มยังไม่ได้เก็บ ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าเปิดอ้า เดรสสีแดงนั่นนอนนิ่งอยู่หน้าตู้ เธอต้องเดินเข้าไป เพราะบานประตูตู้เสื้อผ้า ขวางสายตาระหว่างเธอกับโต๊ะหัวเตียงอยู่
บุหงา สาวเท้าเข้าไป หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว… บานประตูตู้พ้นสายตา บุหงากลั่นหายใจ ไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา ที่โต๊ะหัวเตียง หนังสือเปิดอ้าออก เป็นหน้าวางเปล่าทั้งซ้ายขวา บุหงากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทำใจดีสู้เสือ ก้าวเท้าเข้าใกล้ ตัดสินใจพลิกหน้าทางซ้ายดู มันเป็นรูปผู้หญิงในชุดเดรสยาวกอมพิ้น นิ้วเท้าแลบออกมาจากชายกระโปรง ผมยาวรุงรัง ปรกจนไม่เห็นใบหน้า ในท่าทางที่ชุดนั่น ถูกแขวนไว้และคนก็ใส่มันทั้งที่แขวนอย่างนั้น!!!
บุหงาปิดหนังสือ วิ่งลงชั้นล่าง คว้ากุญแจรีบบึ่งรถออกไป เธอกลับไปยังร้านที่ขายหนังสือเล่มนั้นให้เธอ เธอเชื่อว่า คนขายจะต้องรู้อะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นแน่ มันต้องเป็นเพราะหนังสือเล่มนั้นแน่นอน
บุหงาถือหนังสือพรวดพลาดเข้าไปในร้าน หวังจะคลายความสงสัยทั้งหมดลง บางทีเจ้าของร้าน อาจช่วยให้เธอผ่านพ้นเรื่องประหลาดๆ นี่ไปได้ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด คุณลุงเจ้าของร้านส่ายหน้า เขามีทีท่าแปลกใจ ลุงเจ้าของร้านบอกว่า เขาเป็นคนคัดหนังสือเข้าร้านเองกับมือทุกเล่ม และเล่มที่อยู่ในมือบุหงานี้ มันไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ยิ่งถ้า หน้าปกสีแดงขนาดนี้แล้ว เขาคงไม่มีทางจะจำไม่ได้ เขายืนยันกับบุหงา ว่านี่คือครั้งแรกที่เขาเห็นมัน
บุหงาจึงถามหาพนักงานในร้านอีกคน เธอจำได้ว่าวันนั้น เธอจ่ายเงินกับพนักงานหญิงคนหนึ่ง คุณลุงเจ้าของร้านได้ยินดังนั้นก็ตกใจ เขาบอกว่า เขาเปิดร้านนี้มาเป็นสิบปีแล้ว และเขาไม่เคยจ้างคนอื่นมาดูร้านเลย แม้แต่ตอนที่เขาไปโกดัง เพื่อคัดหนังสือใหม่เข้าร้าน เขาก็เลือกจะปิดร้านเสมอ ซึ่งเขาทำแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เจ้าของร้านเองก็ข้องใจ เขาจึงเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดให้เธอดู บุหงาเห็นตัวเอง ในชุดเดรสสีแดงลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ เดินตรงเข้าไปด้านในสุดของร้าน ภาพหายจากหน้าจอไปสักพักนึง เธอก็เดินออกมา พร้อมกับกอดหนังสือไว้ที่อก ที่น่าแปลกใจคือ ลักษณะตอนเดินออกจากร้านของเธอ มันเหมือนกับเธอกำลังละเมอ เธอกอดอกนิ่ง เดินผ่านลูกค้าในร้าน ผ่านเจ้าของร้านที่กำลังสาละวนกับลูกค้าอีกกลุ่มออกไป
เมื่อดูจบ บุหงาหน้าซีดเผือด ขนลุกซู่ ไม่มีพนักงานหญิง มีเพียงเธอ ที่เดินถือหนังสือออกไปเอง บุหงาตัดสินใจตรงดิ่งกลับบ้าน เธอต้องทำอะไรสักอย่าง
ท้องฟ้า เมฆทึบเคลื่อนต่ำ ฝนตั้งเค้ามาอีกแล้ว ทันทีที่ถึงบ้าน บุหงานำหนังสือกับเดรสสีเแดงลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ ของเธอ โยนลงถังสังกะสี แล้วจุดไฟเผา ไม่มีหนังสือ ไม่มีเดรสนั่น เรื่องคงจะจบสักที เธอคิด บุหงานิ่งมองอยู่นาน จนแน่ใจว่า ทุกอย่างจะมอดเหลือแค่ฝุ่นผง เธอถอดหายใจคลายความเครียดลงเล็กน้อย แต่ความอ่อนล้ายังทาบทับ บนไหล่ทั้งสองข้าง
บุหงาเข้าบ้าน ขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอน เธอเปิดประตูห้องน้ำ ที่หน้ากระจกสะท้อนภาพบุหงา ใต้ตาคล้ำ ใบหน้าอิดโรย ผมเซิงยาว เธออาบน้ำชำระความความเหนื่อยล้าทิ้งไป ที่ด้านนอกฝนตกหนักไม่ต่างกับฟ้าถล่ม ลมพัดบานหน้าต่างกระแทกเข้ากับตัวบ้าน ตึงตัง หลังอาบน้ำบุหงาซุกตัวในผ้าห่ม เธอเพลีย และวันนี้ก็ไม่มีสมาธิที่จะเขียนรูป
บุหงาพักสายตาลงไม่นาน เธอได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างหล่น ตุบ ที่ด้านล่าง เธอเดินลงมาชั่นล่างของบ้าน ตู้หนังสือเปิดค้าง ภาพที่เธอเห็นคือหนังสือในชั้นหล่นที่ละเล่ม ที่ละเล่ม บุหงามองรอบ มันไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น คราวนี้หนังสือหล่นกระจายจากชั้นเหมือนมีคนกวาดมือ เล่มที่กางอยู่บนสุดนั่น ซ้ายขาวเป็นหน้าเปล่า บุหงาตัวแข็งทื่อ เธอกลัวจนน้ำตาไหล หน้าต่างถูกเขย่าตึงตัง จนเปิดออก ผู้หญิงในชุดเดรสสีแดง ยาวกอมพื้น ผมเพ้ารุงรังยาวปรกหน้า ยืนอยู่ตรงนั้น!! บุหงากลั่นหายใจเท้าซ้ายก้าวถอยหลัง แต่ชั่วพริบตา ผู้หญิงในชุดเดรสสีแดงยาวกอมพื้นนั่น ก็ประชิดถึงเธอแล้ว บุหงากรี๊ดลั่น…
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป บ้านบุหงาปิดเงียบเชียบ ป้าน้อยไขประตูเข้าไป ที่ชั้นล่างป้าน้อยเปิดหน้าต่างห้องนั่งเล่นให้อากาศถ่ายเท ที่พื้น หนังสือเล่มหนึ่ง กางอยู่ปนกับกองหนงสือ
หน้าฝั่งขวาว่างเปล่า หน้าฝั่งซ้ายปรากฏภาพ ผู้หญิงในชุดเดรสสีแดง ลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ ผมยาวปรกหน้า ที่เมื่อเพ่งดูดีๆ จะพบว่า ชุดที่ใส่นั้น ถูกรั้งจากด้านหลัง ช่วงบ่าตั้งตรง เหมือนกับชุดที่แขวนบนไม้แขวน แต่มีคนใส่ทั้งอย่างนั้น . / (จบ)