MG ส่ง NEW MG MAXUS 9 รถยนต์ MPV ไฟฟ้า 100% แบบ 7 ที่นั่ง ยกระดับรถอีวีเมืองไทยสู่ตลาดพรีเมียม พร้อมประกาศตั้งไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

3 Min
2725 Views
19 May 2023

จากเทรนด์เรื่องสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนจากภาครัฐ และราคารถยนต์ไฟฟ้าที่จับต้องได้ จึงไม่แปลกที่ตลาดและความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และการที่แบรนด์รถยนต์ต่างๆ เริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น มีการเปิดโรงงาน ที่มีเม็ดเงินลงมามหาศาล หลายฝ่ายจึงคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ประเทศไทยน่าจะก้าวเข้ามาเป็น EV HUB เบอร์ต้นๆ ของภูมิภาคอาเซียนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะแค่ตอนนี้ ประเทศไทยก็มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV เป็นเบอร์ 1 ในอาเซียนแล้ว

และแน่นอนว่า นอกเหนือจากเทรนด์และการสนับสนุนจากภาครัฐ การเติบโตของเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในครั้งนี้ เราก็อาจจะต้องให้เครดิตไปที่แบรนด์เอกชนเจ้าตลาดในปัจจุบันอย่าง MG ด้วย

เพราะถ้าใครได้ตามข่าวกันมาบ้าง ก็อาจจะพอทราบว่า MG ไม่ได้เน้นย้ำแค่การขาย แต่ MG เข้าใจข้อจำกัดในโลกรถยนต์ไฟฟ้า ระบบนิเวศที่แข็งแรงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากให้พูดตามตรง ถึงเราจะมีรถยนต์ไฟฟ้าที่สมรรถนะสูงหรือฟังก์ชันจัดเต็มสักแค่ไหน แต่ถ้าหากระบบนิเวศขั้นพื้นฐานง่ายๆ อย่างสถานีชาร์จไฟฟ้าไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้จริง ยังมีไม่ครอบคลุม ยังใช้งานได้ไม่สะดวก พฤติกรรมการเลือกซื้อหรือใช้งานรถยนต์ของคนไทยก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง

เพราะฉะนั้นการสร้างระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้าให้เข้มแข็งก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ทางแบรนด์ต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้คนไทยเชื่อมั่น และเชื่อใจ ในการเปลี่ยนแปลงจากรถยนต์สันดาปมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น

โดยผลงานที่จับต้องได้ก็คือการพัฒนาโชว์รูมทั่วประเทศให้มี MG SUPER CHARGE STATION และตั้งใจเดินหน้าขยาย MG SUPER CHARGE STATION กับพันธมิตรอย่าง ‘บางจาก’ ยังรวมถึงพันธมิตรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การไฟฟ้านครหลวง (MEA), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ในการร่วมกันขยายจุดชาร์จไฟฟ้าเพื่อรองรับปริมาณยานยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ เพราะจุดชาร์จไฟฟ้าไม่ควรจะพร้อมแค่ในกรุงเทพฯ แต่ต้องกระจายออกไปในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และประเด็นนี้ก็นับว่าเป็นอีกข้อได้เปรียบสำคัญของลูกค้าในกลุ่ม MG เพราะมีสถานี MG SUPER CHARGE เป็นของตัวเอง และปัจจุบันพร้อมให้บริการแล้ว 130 แห่งทั่วประเทศ และทาง MG ก็เน้นย้ำว่ามีแผนการขยายจุดชาร์จไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องแน่นอน

และจากแนวคิดการตั้งเป้ายานยนต์ไทยต้องเทียบชั้นยานยนต์โลก การที่ MG เตรียมพัฒนาพื้นที่ภายในโรงงานกว่า 75 ไร่ ให้กลายเป็นพื้นที่พัฒนาชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ร่วมกับพาร์ตเนอร์ และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยงบลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาท และนับว่าเป็นพื้นที่สำคัญในการพัฒนาและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ สู่ประเทศต่างๆ อีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งการเคลื่อนไหวที่ช่วยเน้นย้ำว่า MG เล็งเห็นในศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในเชิงการผลิต รวมถึงความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการระยะแรกตั้งเป้าแล้วเสร็จพร้อมใช้งานภายในเดือนตุลาคม 2566 และพวกเขามีความตั้งใจให้บ้านเราเป็น EV HUB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หาก MG สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยได้ ความพร้อมของอะไหล่จะมากขึ้น การซ่อมบำรุงจะรวดเร็วตามไปด้วย ผลประโยชน์ดูจะตกไปอยู่กับผู้บริโภคคนไทย เมื่อถึงวันนั้น ยนตรกรรมไฟฟ้าก็จะใกล้ตัวคนไทย เข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ รถยนต์ไฟฟ้า MG เริ่มตั้งแต่ NEW MG ZS EV, NEW MG EP, NEW MG4 ELECTRIC และ NEW MG ES เสนอราคาจำหน่ายหลังหักส่วนลดจากมาตรการภาครัฐอยู่ที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท แต่สำหรับการเปิดตัว NEW MG MAXUS 9 รถยนต์ไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ ในรูปแบบ 7 ที่นั่ง (e-MPV) ซึ่งเป็นโมเดลเดียวในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าไปสู่ตลาดพรีเมียมแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับพรีเมียม เราจึงยังมองเห็นถึงความเป็นผู้บุกเบิกตลาดของ MG

สำหรับ NEW MG MAXUS 9 ความหรูหรามีให้เห็นในทุกมิติ กระจังหน้า Grille Less Design ไร้ช่องระบายอากาศบ่งบอกความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ประตูทั้ง 2 ฝั่ง จะเป็นแบบสไลด์ด้วยไฟฟ้า รวมถึงฝากระโปรงท้ายด้วย ภายในห้องโดยสารทั้งพรีเมียม และล้ำสมัยด้วยฟังก์ชันต่างๆ โปร่งโล่งด้วย Dual Panoramic Sunroof พร้อมกับมี Ambient Light ที่ปรับได้ 64 เฉดสี ที่นั่งแถวที่สองมีการออกแบบที่นั่งเป็นแบบ VIP Captain Seat ปรับด้วยไฟฟ้าได้ 12 ทิศทาง ที่พิงศีรษะปรับด้วยไฟฟ้า มีเบาะพักน่อง สามารถปรับตั้งค่าผ่านหน้าจอทัชสกรีนส่วนตัว มีระบบนวด 8 โปรแกรม ปรับอุณหภูมิและมีโต๊ะพับเก็บได้ พร้อมจอกลางแบบทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อ Apple CarPlay และมือถือ Android ได้ กำลังไฟฟ้าสูงสุด 245 แรงม้า 90 kWh วิ่งไกลสุด 540 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC นับว่าเป็นตลาดใหม่ๆ ที่หลายฝ่ายกำลังจับตามอง ​​และเปิดโอกาสให้คนไทยสัมผัสประสบการณ์รถยนต์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่อีกด้วย เป็นเหมือนขยายตลาดให้กว้าง และเพิ่มทางเลือกให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากกว่าเดิม นับเป็นการยกระดับรถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทยขึ้นในอีกระดับ

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และอาจจะเข้ามาแทนรถยนต์ประเภทสันดาปในอนาคต แต่สิ่งสำคัญที่หลายคนต้องให้ความสำคัญก็คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การใช้งานจริง ซึ่งเราก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า นอกจากการพัฒนาจุดชาร์จไฟให้ครอบคลุม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาโรงงานแล้ว ทางแบรนด์ MG ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะมีแนวคิดหรือนโยบายอะไรออกมาเพื่อสนับสนุนให้ระบบนิเวศไทยแข็งแรงและเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ ได้อีกบ้าง

#MG #EV #รถยนต์ไฟฟ้า #NewMGMaxus9 #EVhub #SUPERCHARGE #EVEcosystem #BrandThink #พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า #CreateaBetterTomorrow #BrandedContent