4 Min

MG HS เอสยูวีที่ให้มากกว่าความคุ้มค่า มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำมาตรฐานยุโรป!

4 Min
668 Views
27 Oct 2021

สิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางคืออะไร?

อาจไม่ใช่แค่การพาคุณไปสู่จุดหมาย แต่ต้องเป็นการไปถึงปลายทางโดยสวัสดิภาพด้วยความปลอดภัยอย่างแท้จริง

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งมีอุบัติเหตุบนท้องถนนติดอันดับต้นของโลก โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา กรมอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก สูงที่สุดในอาเซียนและเอเชีย

บนท้องถนนที่อะไรๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้ สิ่งที่เราต้องการคือความปลอดภัยสูงสุดในทุกๆ ด้าน ทั้งพฤติกรรมการขับ ความไม่ประมาท รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมความปลอดภัยสูงสุด

ดังนั้น รถยนต์ที่ติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยครบครัน จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจแล้ว ยังช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ด้วย

MG HS จากค่าย MG เป็นรถยนต์ที่ดีไซน์มาอย่างพรีเมียม หรูหราในทุกๆ ด้าน มีสมรรถนะทรงพลัง และเน้นความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด ด้วยการใส่เทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปมากถึง 25 ระบบในรถยนต์คันเดียวประกอบด้วย

Synchronized Protection System

ระบบความปลอดภัยที่ช่วยในเรื่องระบบการเบรกและช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับทั้งหมด 14 ระบบ เช่น ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบลดความเสี่ยงที่จะทำให้รถพลิกคว่ำ ARP (Anti Rolling Program) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) เป็นต้น

Advanced Driver Assistance System (ADAS)

หากเราพูดถึงระบบความปลอดภัยในการขับขี่ เรามักนึกถึงนวัตกรรมที่ช่วยควบคุมการขับแบบอัตโนมัติที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ และ MG HS นั้นถูกจัดให้เป็นรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับ Partial Automation เป็นระดับที่รถยนต์สามารถควบคุมความเร็วหรือการหมุนพวงมาลัยได้แบบอัตโนมัติ แต่ผู้ขับขี่ยังทำหน้าที่หลักในการประเมินสถานการณ์บนท้องถนนอยู่ โดยระบบ ADAS ใน MG HS มีมากถึง 11 ระบบ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา RDA (Rear Drive Assist)

มุมอับสายตาเป็นปัญหาในการขับขี่โดยตลอด MG HS จึงติดตั้งเซนเซอร์ด้านหลังของรถยนต์ช่วยตรวจจับภาพการจราจรทั้งด้านข้างและด้านหลัง ครอบคลุมมุมอับในทุกจุด เพื่อส่งสัญญาณเตือนอย่างทันท่วงที ในกลุ่มนี้มี 4 ระบบคือ

  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)

2. กลุ่มระบบเตือนและควบคุมให้รถอยู่ในเลน LAS (Lane Assist System)

ระบบช่วยควบคุมรถยนต์ให้ขับเคลื่อนอยู่ในเส้นทางจราจรที่ถูกต้อง ทำงานผ่านกล้องหน้าที่คอยตรวจจับเส้นจราจร เมื่อระบบตรวจพบว่ารถกำลังออกนอกเลน จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยแบบอัตโนมัติ เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ พร้อมความปลอดภัยยิ่งขึ้น ผ่าน 3 ระบบ ซึ่งจะทำงานเมื่อรถมีความเร็วมากกว่า 60 กม./ชม.

  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)

3. กลุ่มระบบที่ช่วยในการขับขี่ FDA (Front Drive Assist) ประกอบด้วย

ระบบที่ช่วยแจ้งเตือนและควบคุมความเร็วของรถอัตโนมัติเมื่อประเมินจากสถานการณ์ภายนอกซึ่งทำงานผ่านกล้องหน้าและเรดาร์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วและปรับความเร็วอัตโนมัติให้สอดคล้องกับรถคันหน้า และทิ้งระยะห่างให้อยู่ในระยะปลอดภัย
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) ในช่วงที่การจราจรชะลอตัวขับตามกันไปเรื่อย ๆ ระบบนี้จะช่วยควบคุมรถให้เคลื่อนที่ตามรถยนต์คันหน้าโดยอัตโนมัติ ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ ลดความเมื่อยล้า เพิ่มความปลอดภัย
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) หากระบบพบว่าระยะห่างกับรถยนต์คันหน้าใกล้เกินไปและเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือน เพื่อให้ผู้ขับขี่ชะลอความเร็วลงหรือแตะเบรกได้ทัน
  • ระบบเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control) ระบบจะตรวจจับความเข้มของแสงจากสภาพแวดล้อม หากไม่มีแสงสว่างระบบจะเปิดไฟสูงอัตโนมัติ และหากตรวจจับแสงสว่างจากรถยนต์ด้านหน้าได้ระบบจะทำการปิดไฟสูงให้ทันที ป้องกันการรบกวนสายตาของผู้ร่วมทาง.

นอกจากนี้ยังมีกล้องมองรอบทิศทางแบบ 3 มิติ เพื่อให้มุมมองที่ชัดเจนมากขึ้นในการเดินทาง ถุงลมนิรภัยมาให้ถึง 6 จุด และอุปกรณ์อื่นๆ อีกหลายรายการ MG HS ช่วยยกระดับความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ขับขี่ แต่ไม่ได้มีแค่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้นที่โดดเด่น เพราะอย่างที่เรากล่าวไปแล้วในข้างต้นนี่คือรถยนต์ที่ถูกดีไซน์มาอย่างพิถีพิถันในทุกๆ ด้าน

ในด้านสมรรถนะ MG HS มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร 162 แรงม้า และในรุ่น X ยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 4 โหมดคือ Normal, Eco, Sport และ Custom เพื่อตอบโจทย์ในทุกรูปแบบการขับขี่ รวมถึงมี ปุ่ม Super Sport บนพวงมาลัยที่ช่วยเร่งพลังการขับขี่ให้แรงขึ้นด้วย

ปัจจุบันนี้หลายคนหันมาให้ความสนใจกับปัญหาเรื่องพลังงานมากขึ้น ใน MG HS ยังมี MG HS PHEV ซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in hybrid ให้เลือกโดยสามารถใช้รูปแบบการขับขี่แบบพลังงานไฟฟ้า 100% ไปได้ไกลสูงสุด 67 กม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตอบโจทย์คนรักษ์โลกที่เริ่มหันมาให้ความสนใจกับการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นในปัจจุบัน

ส่วนเรื่องงานดีไซน์เรียกได้ว่าเป็นชื่อ MG แล้วไว้ใจได้เสมอ ในรุ่น MG HS ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “ELEGANCE” ผสมผสานระหว่างความหรูหรากับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์แบบ ‘Stella Magnetic Field หรือ เส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line ที่เน้นเรื่องความโค้งมน ก็ถูกดีไซน์มาได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับภายในห้องโดยสารที่ดีไซน์พรีเมียมและนั่งสบายเหมาะกับสรีระ

นอกจากเทคโนโลยีเรื่องความปลอดภัยแล้ว ในรถคันนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อ อย่างระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถพูดคุยสั่งการผ่านเสียงภาษาไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการระบบเครื่องเสียง ระบบแอร์ หรือเปิดปิด Sunroof เป็นต้น รวมถึงสามารถควบคุม สั่งการ ตรวจเช็ก และค้นหารถยนต์ได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

รถยนต์ MG HS เป็นรถที่ดีไซน์มาเพื่อตอบความต้องการในทุกๆ ด้านทั้งสมรรถนะ เทคโนโลยี ดีไซน์ และที่โดดเด่นเหมาะกับท้องถนนบ้านเราอย่างยิ่งคือเรื่องความปลอดภัย ที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการเดินทางก็มีมาให้แบบจัดเต็ม ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหลไปถึงจุดหมายได้แบบไร้กังวล

MG HS มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย คือ รุ่น C ราคา 919,000, รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท และรุ่น x ราคา 1,119,000 บาท โดยมีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ แดง ขาว ดำ และเงิน สามารถไปทดลองขับกันได้ที่โชว์รูมรถยนต์เอ็มจีกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ

ติดตามรายละเอียดได้ที่ https://bit.ly/3Gtwzjd

อ้างอิง

  • ไทยรัฐ. คนไทยยังขับรถแย่ ทำสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงโด่งนำอันดับ 1 ในเอเชียและอาเซียน. https://bit.ly/3lZlOwQ