2 Min

เพราะการทำร้ายทางจิตใจ ก็รุนแรงไม่ต่างจากการทำร้ายทางร่างกาย

2 Min
827 Views
21 Apr 2022

หลังจากข่าวคราวที่ดำเนินมาเนิ่นนาน ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องของ จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) และ แอมเบอร์ เฮิร์ด (Amber Heard) ก็มีทีท่าว่าจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสิ่งที่คนให้ความสนใจก็คือเรื่องราวจากถ้อยคำของเดปป์เอง ที่ออกมาบอกเล่าเรื่องของความรุนแรงที่เขาเจอมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่แค่ความรุนแรงทางร่างกาย แต่เป็นบาดแผลทางจิตใจที่เขาเชื่อว่าอาจร้ายแรงกว่าหลายเท่า ซึ่งวันนี้เราจะชวนทุกคนมาคุยเรื่องความรุนแรงทางจิตใจกัน

ข้อมูลจาก VeryWellmind ทำให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า การทำร้ายทางจิตใจแม้จะไม่มีบาดแผลทางกายให้เห็น ไม่มีร่องรอยความเจ็บปวด อาจจะมีเพียงคราบน้ำตา แต่มันไม่ได้แปลว่าจะไม่เจ็บปวด เพราะบาดแผลอาจบาดลึกไปถึงจิตใจ อาจเป็นความรวดร้าวที่เข้าไปเป็นปมในใจของใครได้เลย

และถ้าพูดถึงเรื่องการทำร้ายความรู้สึก บ่อยครั้งที่เราจะชอบระวังการทำร้ายจากคนไกลตัว แต่ที่จริงแล้วใครจะรู้ว่า คนที่สร้างบาดแผลให้กับเราได้เจ็บปวดที่สุด อาจกลายเป็นคนที่ใกล้ตัวที่สุดของเราเอง เราอาจถูกคนใกล้ตัวหรือคนที่เราไว้ใจ สร้างบาดแผลในใจให้กับเราโดยไม่รู้ตัว

ซึ่งการทำร้ายทางจิตใจ (Emotional abuse) ไม่ใช่แค่ผ่านทางคำพูดเท่านั้น แต่การทำร้ายทางความรู้สึกยังรวมถึงพฤติกรรมที่ทำให้ผู้ถูกกระทำเกิดความรู้สึกติดลบภายในใจตัวเอง อาจจะปั่นหัว หรือเป็นการกระทำที่แสดงออกถึงการลดคุณค่าของผู้ถูกกระทำ การถูกเมิน ถูกทำให้เหมือนกับว่าเราไม่มีคุณค่าอย่างที่ควรจะเป็น

เราทุกคนไม่มีใครสมควรถูกทำร้ายทางความรู้สึก ไม่ว่าเราจะเป็นใครมาจากไหน เพราะผลลัพธ์ที่เกิดจากการถูกทำให้เกิดความคิดลบๆ ความคิดที่ไม่ดีกับตัวเอง มันส่งผลให้เราสูญเสียความมั่นใจ สูญเสียตัวตนของเราไปได้เลย และเป็นบาดแผลที่ตามหลอกหลอนเราไปตลอดทั้งชีวิต

คำถามต่อมาคือ แล้วเราจะรับมือกับการถูกทำร้ายความรู้สึกได้ยังไง ถ้าหากเราไม่อยากสูญเสียตัวตนของเรา

อย่าโทษตัวเอง ไม่มีใครที่สมควรได้รับการถูกทำร้ายทางความรู้สึก ไม่ว่าเราจะได้ทำ หรือพูดอะไรออกไป อย่าเอาคำพูดของคนอื่น มาทำให้เราสูญเสียความมั่นใจ

หลีกเลี่ยงการคบหาคนที่มีแนวโน้มจะทำร้ายเรา ถึงแม้ว่าเราจะไปเปลี่ยนนิสัยของคนอื่นไม่ได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนคนที่เราคบหาได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่กับคนที่ทำร้ายเรา

ให้เวลากับตัวเอง กลับมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรารัก รักตัวเองให้มากขึ้น ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเราเองมากที่สุด

พบจิตแพทย์เมื่อเราไม่สามารถจัดการความคิดแย่ๆ ต่อตัวเองได้ 

อย่าลืมว่า สุดท้าย เรามีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองในทุกกรณี เรามีสิทธิ์ที่จะมีความสุข เรามีสิทธิ์ที่จะมีคุณค่า เพราะฉะนั้นหากอยู่ในความสัมพันธ์ที่เลวร้าย หากมีการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ ถ้าเดินออกมาได้ ก็ขอให้เดินออกมา หากเดินออกมาไม่ไหว การยื่นมือขอความช่วยเหลือก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นกัน 

อ้างอิง