3 Min

เมแกน มาร์เคิล แฉราชวงศ์อังกฤษยับ #AbolishTheMonarchy ปลิวว่อน และยังไม่มีใครโดน “112”

3 Min
449 Views
11 Mar 2021

Select Paragraph To Read

  • เรื่องเล่าของเมแกน
  • ผลหลัง “ระเบิดลง”

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องน่าปวดหัวของราชวงศ์อังกฤษอีกครั้ง หลังจาก เมแกน มาร์เคิล อดีตสะใภ้ราชวงศ์ที่ “ออกจากราชวงศ์” มาพร้อมๆ กับสามีของเธอคือ “อดีตเจ้าชายแฮร์รี่” ในช่วงต้นปี 2020 ได้ออกมาแฉราชวงศ์อังกฤษกับพิธีกรทอล์กโชว์เงินล้านชาวอเมริกันอย่าง โอปราห์ วินฟรีย์ และออกอากาศทางช่อง CBS ในค่ำวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2021 ตามเวลาสหรัฐอเมริกา (ถ้าอยู่ในอเมริกา ดูสตรีมย้อนหลังได้ที่: http://bit.ly/3bylFvc )

เรียกได้ว่าเป็น “ระเบิดลง” ลูกใหญ่สำหรับราชวงศ์อังกฤษ และเพราะน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ภาพลักษณ์ราชวงศ์อังกฤษตกต่ำลงอย่างร้ายแรงที่สุด นับตั้งแต่ยุคของเจ้าหญิงไดอานา

หรือบ้างก็บอกว่าต่ำที่สุดในรัชสมัยของพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 เลยทีเดียว

เรื่องเล่าของเมแกน

ถ้าจะให้เล่าคร่าวๆ เมแกนเล่าเรื่องการที่เธอได้กลายมาเป็น “สะใภ้ราชวงศ์อังกฤษ” แบบงงๆ ในปี 2018 ตอนนั้นเธอเป็นคนอเมริกันที่ไม่ได้รู้ขนบธรรมเนียมและพิธีรีตองอะไรแบบสังคมอังกฤษ (ยังไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์) และตอนเธอ “เข้าวัง” เธอยัง “ถอนสายบัว” ไม่เป็นด้วยซ้ำ

ตอนแรกเธอไม่คิดอะไรมากในการเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ แต่หลังจากเธอกับ เคท มิดเดิลตัน ผู้เป็น “พี่สะใภ้” ของเธอทะเลาะกันเกี่ยวกับพิธีแต่งงานของเธอ จนเธอร้องไห้ แล้วราชวงศ์อังกฤษออกมาให้ข่าวแบบกลับหัวกลับหางว่าเธอไปทำให้เคทร้องไห้ เธอก็รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติแล้ว และพอเธอจะให้สัมภาษณ์กับสื่อ ทางวังอังกฤษกลับห้ามเธอ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติมาก

“พวกเขาพร้อมจะโกหกเพื่อที่จะปกป้องสมาชิกราชวงศ์ แต่พวกเขาไม่พร้อมจะพูดความจริงเพื่อปกป้องฉันและสามีของฉัน” เธอกล่าว

ในปลายปี 2018 เธอก็ท้อง และระหว่างเธอท้อง ทางสมาชิกราชวงศ์ (ซึ่งเมแกนยืนยันว่าจะไม่บอกว่าใคร) ก็มีความกังวลว่าลูกของเธอกับสามีจะออกมาผิวสีดำหรือคล้ำอย่างผิดสังเกต เนื่องจากเมเกนมีเชื้อคนดำ (แม่ของเมเกนเป็นคนดำ) และหลังจากที่เธอคลอดลูกออกมาปี 2019 ทางสำนักพระราชวังก็ออกมาบอกว่าเมแกนเลือกเองที่จะให้ลูกเธอมีบรรดาศักดิ์เป็น “เจ้าชาย” แต่ในการสัมภาษณ์เธอก็แฉว่าทางสำนักพระราชวังพูดไปเองทั้งนั้น แต่ก็เช่นเคย เมื่อเธออยู่ในวัง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอออกมาแย้งได้

แน่นอนเธอเครียดมาก ระดับคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ครั้นจะไปหาจิตแพทย์ ทางสำนักราชวังก็ห้ามอีก เพราะถ้าเรื่องแดงมาว่าเธออยู่ในวังจนมีปัญหาทางจิต ก็จะทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสีย

และความขัดแย้งกับราชวงศ์ก็ทำให้ทั้งเมแกนและแฮร์รี่ “ลาออก” จากราชวงศ์อังกฤษในที่สุดในปี 2020

ผลหลัง “ระเบิดลง”

บทสัมภาษณ์นี้เป็น “ระเบิดลง” ครั้งใหญ่ของราชวงศ์อังกฤษ เพราะเมแกนได้พลิกบทบาทตัวเองจาก “นางร้าย” ของราชวงศ์ กลายเป็น “เหยื่อ” ในสายตาของสังคมอเมริกันและชาวโลก

เพราะอย่างน้อยๆ ข้อกล่าวหาว่าคนในราชวงศ์ “เหยียดผิว” นั้นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ในโลกปัจจุบัน และทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียระดับร้ายแรงที่สุด

แน่นอน หลังบทสัมภาษณ์ คำสัมภาษณ์ก็เป็นข่าวไปทั่วโลก เรียกได้ว่าพอข่าวไปลงสื่อกระแสหลักของอังกฤษอย่าง Daily Mail คนฝั่ง “นิยมราชวงศ์” ก็ออกมาด่าและสาปแช่งเมแกนและแฮร์รี่กันเต็ม Comment Section

ส่วนทางด้าน Twitter นั้นฝ่าย “ไม่นิยมราชวงศ์” ก็ปั่นแฮชแท็ก #AbolishTheMonarchy พร้อมข้อเสนอว่าถ้าพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ตาย ก็ให้เปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐเลย ถ้าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์อยากเป็นประมุขต่อ ก็ให้ไปลงสมัครประธานาธิบดีเอา

ซึ่งแน่นอนแฮชแท็ก #ForQueenandCountry และ #savethemonarchy ของฝ่ายตรงข้ามก็มี แต่สู้ไม่ได้เท่าไรในสังเวียนทวิตเตอร์

ทั้งนี้ ถามว่าเรื่องนี้จะทำให้สถาบันกษัตริย์อังกฤษสะดุ้งสะเทือนหรือไม่? คำตอบคือคงไม่ เพราะเท่าที่มีโพลกันมา ในรอบประมาณ 10 ปี คนอังกฤษประมาณ 70-80% ก็สนับสนุนให้มีสถาบันกษัตริย์ตลอด เรียกได้ว่าฝ่ายสนับสนุนกษัตริย์ชนะขาด และนี่น่าจะเป็นเหตุผลให้อังกฤษไม่จำเป็นต้องมีการทำประชามติยกเลิกสถาบันกษัตริย์แบบหลายๆ ประเทศ

ถามว่าทำไมสถาบันกษัตริย์อังกฤษ “แข็งแกร่ง” แบบนี้ คำตอบที่ง่ายและเร็วก็คือสถาบันทำตัว “เหนือการเมือง” จริงๆ มาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 17 หรือหลัง “การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์” แล้ว และปล่อยให้เรื่องของกิจการบ้านเมือง (รวมถึงการดีลกับสถาบัน) เป็นเรื่องของทางสภาไป

และถามว่าอังกฤษมีกฎหมาย “ห้ามวิจารณ์ราชวงศ์” หรือไม่?

คำตอบคือ “ไม่มี” และไม่มีมานานแล้ว เนื่องจากพลวัตของการเมืองอังกฤษที่ทำให้อังกฤษพัฒนาและเคยเป็นมหาอำนาจนั้นส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่สภามีอำนาจเหนือราชสำนักนี่แหละ และนี่เป็นเหตุผลให้สำหรับคนอังกฤษ แม้ว่าราชวงศ์จะเป็นที่รักและเคารพของคนจำนวนมาก แต่การคิดว่าประเทศควรจะมีกฎหมายห้ามวิจารณ์ราชวงศ์เป็นสิ่งที่เกินจินตนาการ เพราะอย่างน้อยๆ คนอังกฤษก็มีความเข้าใจ “ที่ทาง” ของคนในราชวงศ์ในสังคม และถ้าคนในราชวงศ์ทำตัวผิดที่ผิดทาง หรือเล่นบทบาทผิดๆ คนก็ต้องวิจารณ์ได้ ไม่ได้ต่างจาก “ดารา” หรือ “เซเลบ” ที่ทำตัวผิดความคาดหวังสังคมก็ต้องโดนวิจารณ์

แน่นอน นี่คงเป็นเรื่องแปลกสำหรับประเทศอาหรับหรือประเทศอื่นๆ ที่มีกฎหมายห้ามวิจารณ์ราชวงศ์ แต่สังคมอังกฤษก็ดูจะพิสูจน์ให้โลกเห็นอย่างซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า สถาบันกษัตริย์สามารถอยู่ในสังคมประชาธิปไตยที่เจริญได้โดยไม่ต้องมีกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชนใดๆ คอยเป็นเกราะกำบัง

อ้างอิง:

  • CNN. How to watch Oprah’s interview with Harry and Meghan. http://cnn.it/3l2cGpb
  • Insider. The 20 biggest bombshells Prince Harry and Meghan Markle dropped in their Oprah interview. http://bit.ly/3v9wsDY
  • Vice. How MailOnline Readers Are Reacting to Meghan and Harry’s ‘Oprah’
  • Interview. http://bit.ly/3qyqZmL
  • Forbes. AbolishTheMonarchy Trending After Harry And Meghan Interview With Oprah. http://bit.ly/3cjqkQY