4 Min

10 ปีหลังปิด Megaupload เว็บอัปโหลดไฟล์ระดับตำนาน โลกเปลี่ยนไปขนาดไหน?

4 Min
410 Views
20 Jan 2022

วันที่ 19 มกราคมอาจไม่ใช่วันที่สำคัญอะไร แต่เมื่อ 10 ปีก่อนมันมีเหตุการณ์ใหญ่ระดับสะเทือนอินเทอร์เน็ต

เหตุการณ์ที่ว่าเกิดเมื่อ 19 มกราคม 2012 มันคือเหตุการณ์ที่อยู่ดีๆ เข้าเว็บ Megaupload แล้วก็เจอประกาศจาก FBI’ ว่าทางสำนักงานสอบสวนกล หรือ FBI ของสหรัฐอเมริกาได้ทำการยึดโดเมนเนมนี้เอาไว้แล้ว เพราะมีการกระทำผิดหลายอย่าง ตั้งแต่ละเมิดลิขสิทธิ์ยันฟอกเงิน

ตรงนี้อยากจะเล่าย้อนให้คนยุคหลังฟังหน่อยว่า ณ ตอนโน้น เมื่อ 10 ปีก่อน การโหลดไฟล์เถื่อนตั้งแต่ หนัง เพลง และหนังโป๊ ยังเป็นเรื่องปกติมากของชาวเน็ต เว็บบอร์ด และบล็อกต่างๆ ก็เป็นฐานสำคัญในการลงลิงก์ว่าจะไปโหลดที่ไหน และแหล่งที่ใหญ่ที่สุดที่เป็นโฮสต์ของไฟล์เถื่อนพวกนี้ในยุคนั้นคือ Megaupload

แน่นอนเว็บที่โฮสต์ไฟล์เถื่อนมีมานานแล้ว แต่ความประหลาดของ Megaupload ก็คือตัวเจ้าของที่เป็นเศรษฐีชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ที่นิวซีแลนด์นาม คิม ดอทคอม (Kim Dotcom) หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เขาเป็นเจ้าของธุรกิจไอทีสีเทาระดับโลกไม่กี่คนที่เปิดเผยตัว และดูจะชอบออกสื่อด้วย

ทีนี้ หลายคนคงสงสัยว่าธุรกิจเถื่อนแบบนี้อยู่ได้ยังไง? คำตอบง่ายๆ เร็วๆ ก็คือ ตัวแก่นธุรกิจเองจริงๆ มันไม่ผิดกฎหมายเพราะบริการฝากไฟล์มันย่อมไม่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งกฎหมายอเมริกาเองก็มีข้อกำหนดพื้นฐานว่าถึงคุณจะรับฝากไฟล์ผิดกฎหมาย คุณก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ตราบใดที่คนแจ้งคุณ แล้วคุณถอดไฟล์ออกไป

ทีนี้ด้วยความซ่าส์ของ คิม ดอทคอม เขาไม่ยอมก้มหัวให้อเมริกาและก็ประกอบธุรกิจนี้ต่อเนื่องมาตลอด เนื่องจากในทางปฏิบัติ คุณไม่มีทางจะไล่รายงานไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์ได้เร็วเท่าคนที่อัปโหลด ดังนั้นถ้ามีคนแจ้งให้ลบก็ลบ แต่ถ้าจะมีคนอัปโหลดใหม่ ก็ปล่อย แจ้งอีกทีค่อยลบ เพราะหน้าที่แพลตฟอร์มตามกฎหมายคือแบบนี้

แน่นอน ธุรกิจแบบนี้ดูค่อนข้างผิดกฎหมายมาก และถ้าว่ากันตามหลักกฏหมายและสิทธิแล้ว การปิดทั้งแพลตฟอร์มหรือการเอาทั้งไฟล์ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายลงพร้อมกันหมดมันถือเป็นการละเมิดสิทธิในการแสดงออก ซึ่งคนก็จะเทียบว่า คุณไม่มีสิทธิ์จะปิดตลาดทั้งตลาดเพราะมีแค่ร้านๆ หนึ่งขายของผิดกฎหมาย ซึ่งก็เถียงกันได้อีกว่า แล้วถ้ามันมีหลายร้านล่ะควรจะปิดไหม? แล้วจะพิสูจน์ยังไง? ฯลฯ

ความคลุมเครือของความผิดนี้เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมทาง FBI ถึงต้องตั้งข้อหาที่หนักกว่าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเช่นฟอกเงินให้คิม ดอทคอมไปด้วย และใช้ข้อหานี้ขอความร่วมมือตำรวจนิวซีแลนด์ในการจับกุม

ข้อหาฟอกเงินเป็นข้อหาใหญ่ เป็นอาชญากรรมร้ายแรงระหว่างชาติที่นานาชาติยอมรับ ซึ่งคิม ดอทคอมก็โดนบุกจับกุมที่บ้านพร้อมๆ กับที่ FBI ไปปิดเว็บ Megaupload นั่นเอง และก็บอกเลยว่าตำรวจนิวซีแลนด์นี่เล่นใหญ่มากๆ เพราะเอาเฮลิคอปเตอร์ไปบุกบ้าน ราวกับว่าคิมคือผู้ก่อการร้าย

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน และแรงกระเพื่อมนั้นก็ทำให้เว็บฝากไฟล์อื่นๆ ในยุคนั้นทยอยปิดตัว ซึ่งที่เด่นที่สุดที่ปิดตัวไปเงียบๆ ตามๆ Megaupload ก็คือ Filesonic และการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ก็ขยายตัวไป ทำให้ปีต่อมาเว็บทอร์เรนต์ที่ใหญ่สุดในยุคนั้นอย่าง Isohunt ต้องปิดตัวตาม

เรียกได้ว่ามันคือยุคของการกวาดล้าง

แต่ที่สนุกคือเรื่องหลังจากนั้น

อยากจะสปอยล์ตอนจบก่อนว่า ณ 19 มกราคม 2022 คิม ดอทคอมก็ยังไม่ได้อยู่ในคุก เขาถูกประกันตัวมาสู้คดีแต่แรก ซึ่งหลักๆ ก็คือสู้กับการถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปสหรัฐอเมริกา หรือพูดง่ายๆ 10 ปีผ่านมา อเมริกาก็ยังเอาผิดเขาไม่ได้ ซึ่งเขาก็สู้หลายคดีมาก รวมถึงคดีที่เขาฟ้องตำรวจนิวซีแลนด์ที่เล่นใหญ่เกินจริงตอนจับเขา (แถมยังชนะคดีได้ค่าชดเชยด้วย)

จริงๆ 1 ปีหลังการปิด Megaupload คิม ดอทคอมก็เปิดเว็บฝากไฟล์ใหม่ชื่อ Mega โดยคราวนี้วางระบบรัดกุมเลย เข้ารหัสหลายต่อหลายชั้น ทั้งหมดทำเพื่อให้แพลตฟอร์มเองไม่มีวันเห็นว่าผู้ใช้บริการอัปโหลดอะไรขึ้นไป เพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบกับไฟล์ผิดกฎหมายใดๆ บนแพลตฟอร์ม (เพราะตอน Megaupload ข้อหาหนึ่งที่เขาโดนคือ เขาปล่อยให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์บนแพลตฟอร์มทั้งๆ ที่รู้)

และ Mega ก็ยังคงดำรงอยู่ถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับเว็บฝากไฟล์จำนวนมากที่ใช้คำว่าตายสิบ เกิดแสนได้เต็มปากเลย

แต่บทบาทของสิ่งเหล่านี้กลับลดลงไปมาก 10 ปีให้หลัง

ด้านหนึ่ง บางคนก็จะบอกว่าคนรุ่นหลังมีจิตสำนึกดีขึ้น ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ แต่จริงๆ แล้วงานวิจัยซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยืนยันตรงกันว่าทางเลือกหลากหลายที่ถูกกฎหมายคือทางแก้ที่ดีที่สุดของปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์นี่คือสิ่งที่เรารู้จักในนามสตรีมมิ่งหรือแพลตฟอร์มตั้งแต่ Spotify, Netflix หรือกระทั่ง Pornhub

เราจะเห็นการโตและการขยายตัวของแพลตฟอร์มเหล่านี้พร้อมๆ กับการลดลงของการละเมิดลิขสิทธิ์ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเว็บฝากไฟล์ถึงไม่ใช่อุตสาหกรรมที่ฮอตดังเช่นในอดีตแล้ว เพราะทุกคนก็ต้องการแค่บริโภคคอนเทนต์โดยไม่ได้สนหรอกว่าหนทางจะถูกหรือผิดกฎหมาย และถ้ามันมีทางที่ถูกกฎหมายและง่ายกว่าก็ไม่แปลกที่คนจะเลือก

แต่จะถามว่าการปิด Megaupload ไม่มีผลต่อโลกเลยเหรอ? คำตอบคือไม่ใช่ คือมันเป็นการส่งสัญญาณไปยังแพลตฟอร์มไอทีใหญ่ๆ อย่าง Google และ Facebook ให้ทำการสกรีนเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เข้มงวดขึ้น และทำให้เกิดการพัฒนาระบบ AI ไล่ตรวจจับแม้กระทั่งเศษเสี้ยวของไฟล์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ และแนวทางแบบนี้มันกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมไปแล้วในช่วง 10 ปีให้หลัง

แน่นอนว่าการปราบลิขสิทธิ์มีมานานก่อนการปราบ Megaupload แต่คราวนั้นมันคือการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลอเมริกันจะใช้ไม้แข็งกับผู้ที่ไม่ยอมทำตามกฎหมายลิขสิทธิ์อเมริกัน และถึงคุณจะนอนเล่นอยู่ในคฤหาสน์ที่อยู่อีกมุมโลก คุณก็ไม่รอด และนี่เป็นเหตุผลที่การจัดกุมคิม ดอทคอมมื่อ 10 ปีก่อน มันถึงสะเทือนอุตสาหกรรมไอทีไปทั้งโลก

ดังนั้น จะบอกว่า Megaupload ไม่เกี่ยวกับเรา ก็ใช่ แต่ประเด็นคือ เราอยู่ในโลกที่ไม่มีใครกล้าแหลมท้าทายอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ของอเมริกา เพราะไม่มีใครอยากเป็นคิม ดอทคอม คนต่อไป และแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ก็ถึงกับค่อยๆ ยอมอ่อนข้อ ยอมทำตามข้อเรียกร้องของพวกอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์และติดตั้ง AI ไล่จับการละเมิดลิขสิทธิ์ในที่สุด

อ้างอิง