เพราะอะไร Marvel Phase 4 ถึงไม่ปังอย่างที่คิด

4 Min
2399 Views
02 Aug 2022

หลังจากที่ เควิน ไฟจ์ (Kevin Feige) แถลงข่าวเปิดตัวไลน์อัพของ MCU หรือ Marvel Cinematic Universe ในเฟสที่ 5 ในงาน Comic-Con 2022 ที่ผ่านมา แน่นอนว่ามีทั้งแฟนคลับที่ตื่นตะลึงกับการเผยอภิมหาโปรเจ็คต์อันแสนตื่นตา แต่ก็มีบางส่วนที่รู้สึกชินชาและไม่รู้สึกว้าวอีกต่อไป

ในขณะที่เฟส 4 ที่กำลังจะผ่านไปนั้น มีการพูดถึงมากมายในแง่ของการ ‘หมดพลัง’ ของ MCU รวมไปถึงความซับซ้อนสับสนในการนำเสนอหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งปัญหานานัปการทำให้เฟส 4 คือกรณีศึกษาที่น่าพูดถึงในหลากแง่หลายมุม

ขอสปอยล์ก่อนว่าบทความนี้อาจจะไม่ถูกใจสาวกเดนตาย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ใช่เพียง มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) เท่านั้นที่มองหนังซูเปอร์ฮีโร่นี่เป็นปัญหา แต่ทว่าสื่อต่างประเทศเองก็รู้สึกว่าเฟส 4 นั้นก็กราฟตกลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน โดยหลายๆ ปัจจัยที่พอจะวิเคราะห์มีดังต่อไปนี้

  • เพราะ The Avengers: End Game ทำดีจนเกินไป

ฟังไม่ผิด เพราะหนังบทสรุปของเฟส 3 The Avengers: End Game (2019) นั้นเรียกได้ว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซที่ชนเพดานหนังมาร์เวล จนกลายเป็นมาตรฐานที่ยังไม่มีหนังเรื่องไหนทาบได้ติด 

ซึ่งแน่นอนว่า การตามหลังมาติดๆ ของหนังมาร์เวลในเฟสหลัง ล้วนแล้วแต่แบกรับความสำเร็จทั้งด้านความสนุกและเนื้อหาของหนังเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็พบว่าหนังส่วนใหญ่ถ้าไม่พร่องทางด้านคุณภาพ ก็ล้วนแล้วแต่เสมอตัว ความคาดหวังนี้จึงกลายเป็นหอกทิ่มแทงใจของหนังในยุค Post-Endgame ที่ต้องทำหนังให้ดีตามมา แม้กระทั่งได้ Filmaker สายคุณภาพอย่าง โคลเอ เจา (Chloé Zhao) ที่เพิ่งรับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากหนัง Nomadland (2020) แต่ Eternals นักวิจารณ์กลับชังมากกว่าชอบจนเป็นหนังมาร์เวลที่เว็บไซต์ Rotten Tomatoes ปะยี่ห้อ ‘มะเขือเละ’ ในรอบหลายปี ด้วยเปอร์เซ็นต์ความชอบเพียง 47 เปอร์เซ็นต์ หรือการได้ แซม ไรมี (Sam Raimi) มาปลุกความสยองของหมอแปลกใน Doctor Strange in The Multiverse of Madness (2022) รวมไปถึง Thor: Love and Thunder (2022) ที่กำกับโดย ไทกา ไวติติ (Taika Waititi) ก็ทำได้แค่ ‘หนังมาร์เวลที่ดีเรื่องหนึ่ง’ เท่านั้น

  • การจากไปของตัวละครที่รัก

ก่อนหน้านี้ เราแทบจะจินตนาการไม่ถูกเลยว่า จักรวาลมาร์เวลยามที่ไร้ซึ่ง Ironman, Captain America หรือว่า Black Widow นั้นจะเป็นอย่างไร จนกระทั่งเฟสนี้ ที่ตัวละครที่รักที่เป็น ‘เดอะแบก’ ของจักรวาลนี้ ล้วนแล้วแต่ถอดชุดเกราะและอำลา รวมไปถึงฝ่าบาทเสือดำอย่าง Black Panther ที่นักแสดงนำ แชดวิค โบสแมน (Chadwick Boseman) จากไปในโลกแห่งความจริง แม้ Black Widow (2021) นาตาชา โรมานอฟ จะได้มี Spin-Off เป็นของตัวเองเสียที แต่หนังก็เลือกตัดจบแบบไม่ให้โอกาสฟื้นคืนมา และถึงเฟส 5 จะมีรายชื่อ Captain America: New World Order (2024) แต่ก็ไม่น่าจะใช่ สตีฟ โรเจอร์ส (Steve Rogers) มารับบทอย่างแน่นอน

  • การถือกำเนิดของ Disney+

การมาของ Disney+ อาจจะทำให้ซูเปอร์ฮีโร่หลายคนได้มีเรื่องราวของตัวเอง แต่เพราะสเกลที่ย่อลงมาให้เหลือเพียงดูบนจอทีวีหรือมือถือ ก็ทำให้ความยิ่งใหญ่กลายเป็นย่นย่อเหลือเพียงซีรีส์ซิตคอมอย่างน่าเห็นใจ เราจึงต้องทนเห็น Hawkeys เป็นได้แค่ซีรีส์ครอบครัว เห็น Loki หรือ Wanda Vision เป็นเพียงซิตคอมที่เติมให้เรื่องเต็มเท่านั้น อีกอย่างคือการเร่งวันจากหนังที่ออกจากโรงใหญ่ แล้วมาลงสตรีมมิ่งให้ทันท่วงที ก็ทำลายความกระตือรือร้นให้คนอยากออกจากบ้านไปดูในโรงได้เช่นกัน

  • เนื้อเรื่องที่ซับซ้อนจนเกินไป

หากอยากดู Doctor Strange in The Multiverse of Madness ให้รู้เรื่อง ต้องเสียเวลาไปดู Wanda Vision หากอยากเต็มอรรถรสของ Thor ต้องดู Loki การเชื่อมโยงของหนังและซีรีส์ นำพาความสับสนยุ่งเหยิง ให้กับคนดูให้จำต้องเสียเวลารับชม ซึ่งแต่เดิมในเฟสก่อนๆ เสน่ห์ของการเชื่อมโยงมักจะมาในช่วงเวลาหลังเอนด์เครดิตที่เรารอชมตอนหนังจบ ซึ่งเราจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้ แต่ในเฟส 4 นี้ การรับชมหนังเรื่องหนึ่งให้ครบอรรถรส ต้องถูกบังคับให้เติมเต็มด้วยซีรีส์อีกเรื่องหนึ่ง มันจึงกลายเป็นภารกิจที่สิ้นเปลืองที่ไม่จำเป็นสักเท่าไหร่

  • ตัวละครใหม่ที่ไม่ปัง

เมื่อมีคนจากไป ก็ย่อมมีคนใหม่เข้ามา แต่ทว่าคาแรคเตอร์ใหม่ๆ ในจักรวาลเฟส 4 นั้น ไม่ว่าจะเป็นทีมเทพเจ้าใน Eternals, นักสู้สายเอเชียอย่าง Shang-Shi, ฮีโร่หลายบุคลิก Moon Knight, ฮีโร่สาวแรกรุ่นชาวมุสลิมใน Ms. Marvel ล้วนแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการฟูมฟักแทบทั้งนั้น แต่การเร่งสีเร่งวุ้นโดยการวัดจากรายได้ หรือยอดเรตติ้ง อาจจะทำให้ซูเปอร์ฮีโร่บางคนไม่ได้รับโอกาสในการไปต่อก็เป็นได้

  • ค่ายอื่นมาแรงกว่า

ในระหว่างที่มาร์เวลกำลังหลงทิศทางอยู่นั้น ค่ายคู่แข่งอย่าง DC กลับเลือกฉีกไปทำหนังที่รองรับฐานคนดูที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า อย่าง The Suicide Squade ที่ไม่เกรงกลัวในการเสนอภาพความสยองอย่างไม่บันยะบันยัง หรือแม้กระทั่ง The Batman ก็เพิ่มเติมความหมองหม่นในตัวแบทแมนอย่างสุดพลัง แม้ผลงานจะน้อยชิ้นแต่ระดับความสร้างสรรค์ของค่าย DC ก็ทำให้ภาพรวมนั้นดูดียิ่งกว่า ส่วนซีรีส์นั้นมาร์เวลก็โดนกระแสของ The Boys ซีรีส์ของ Amazon Prime ที่โฉ่งฉ่าง ตลกร้าย และไม่เกรงใจในการใส่ภาพความรุนแรงแบบไม่ยั้งกลบเสียมิด แต่มาร์เวลเองยังคงอ้อมๆ แอ้มๆ เสนอเรื่องราวภายใต้กรอบของดิสนีย์ที่ยังต้องพึ่งพาฐานคนดูที่เป็นเด็กเช่นเดิม

และแม้ภาพรวมของเฟส 4 ดูด้อยลง แต่แฟนเดนตายก็ยังคงรอคอยแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อย่าง Wakanda Forever หนังภาค 2 ของ Black Panther ในช่วงสุญญากาศที่ไร้ซึ่งนักแสดงนำ จากการจากไปของ แชดวิค โบสแมน ซึ่งจะเป็นการปิดเฟส 4 อย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ ซึ่งทางมาร์เวลคงกำลังทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้จักรวาล MCU ยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะเฟส 5 เฟส 6 ก็ยังคงเข้าคิวจ่อรอเราอยู่ จนกว่ากระแสซูเปอร์ฮีโร่จะหมดสิ้นมนต์ขลัง หรือชีวิตของเราจะหาไม่

อ้างอิง:

Phase 4 of the MCU Needs an End Goal Fast

https://collider.com/mcu-phase-4-needs-end-goal/

Think MCU Phase 4 Is Bad? Blame Avengers: Endgame

https://screenrant.com/avengers-endgame-mcu-phase-4-setup-problems/