3 Min

คนอาจไม่ได้แพ้กัญชาจนล้มป่วย แต่เป็นเพราะ ‘ผลข้างเคียงของกัญชา’ ต่างหาก

3 Min
529 Views
27 Jun 2022

กระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายปลดล็อกกัญชายังเกิดขึ้นต่อเนื่อง เพราะมีรายงานว่าพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตหลังบริโภคหรือใช้ผลิตภัณฑ์จากกัญชา แม้ยังไม่อาจระบุได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากกัญชาจริงหรือไม่ แต่ก็ทำให้เกิดการเรียกร้องหน่วยงานภาครัฐในการให้คำแนะนำที่เหมาะสม และหามาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมหรือกำกับดูแลการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาแก่เด็กและกลุ่มเสี่ยงในสังคม รวมถึงข้อปฏิบัติให้แก่ร้านค้าหรือร้านอาหารต่างๆ

ด้วยเหตุนี้ กองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงเผยแพร่ข้อมูลเรื่องการใส่กัญชาในอาหาร โดยมีคำเตือนผู้บริโภคว่าใน 1 มื้อ ไม่ควรกินเมนูกัญชาเกิน 2 เมนู และทั้ง 2 เมนูอาหารไม่ควรปรุงประกอบด้วยน้ำมันที่ผ่านความร้อนอย่างการทอดหรือผัด เพราะสาร THC ที่ทำให้เกิดภาวะเคลิ้มจะละลายออกจากใบกัญชาได้ดี จึงเสี่ยงจะได้รับสาร THC เกินปริมาณที่กำหนด 

ถ้าหากอ้างอิงประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 427/2564 กำหนดไว้ว่า หน่วยบรรจุสำหรับบริโภคจะมีสาร THC ได้ไม่เกิน 1.6 มิลลิกรัม

ขณะเดียวกัน เด็ก สตรีมีครรภ์ สตรีที่ให้นมบุตร และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ไม่ควรรับประทานเมนูกัญชา สำหรับคนทั่วไปควรบริโภคในปริมาณน้อย และไม่บ่อยนัก เพราะอาจเกิดการเสพติดเป็นนิสัยหรือส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ปากคอแห้ง ง่วงนอน มึนงง และปวดหัวได้

อย่างไรก็ดี มีความคิดเห็นจากนักวิชาการด้านต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อโซเชียล โดยกรณีของ รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทวีตว่า คาดหวังกระทรวงสาธารณสุขให้ความรู้เรื่องกัญชา เช่น อาการแพ้ วิธีการแก้แพ้เบื้องต้น เพราะแม้ว่าจะตัดกัญชากัญชงออกจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 แล้วกัญชาก็ยังคงเป็นยาเสพติดและเป็นประตูสู่การเสพติดอื่นได้

นักนิติพิษวิทยาเตือน ผลข้างเคียงกัญชาอาจมีผลต่อหลอดเลือดหัวใจ

อีกหนึ่งคนที่แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ คือ ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ สาขานิติเวชวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย (วาระ 2564-2568) ซึ่งเผยแพร่ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 โดยระบุว่า มีประเด็นสำคัญที่อยากเตือนในฐานะแพทย์นิติเวชและนักนิติพิษวิทยา

ผู้ใช้กัญชามีโอกาส (มีโอกาสหมายถึงไม่ได้เจอมาก แต่ก็เจอได้) เสียชีวิตกะทันหันจากโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ เส้นเลือดในสมองแตก โดยไม่จำกัดอายุ และไม่จำเป็นต้องมีโรคประจำตัว **** ขอเน้นว่า ไม่ได้เกิดจากการแพ้กัญชา ไม่ได้เกิดจากการเสพเกินขนาด แต่เกิดจากผลข้างเคียงของกัญชา

ข้อสรุปข้างต้นนี้มาจากงานวิจัยแบบรวบรวมข้อมูลงานวิจัย ของนักนิติพิษวิทยาชื่อดังของต่างประเทศ โดยตีพิมพ์เมื่อปี 2019 (ตามรูป 1 หรือใครอยากอ่านเต็มๆ ตาม link นี้ https://bit.ly/3xHZ9tF โดยรายละเอียดจากงานวิจัยที่สำคัญมีดังนี้

  1. พบคนตาย 13 คน ที่ผู้วิจัยคิดว่าเสียชีวิตจากผลข้างเคียงของกัญชา โดยมีอายุตั้งแต่ 17-52 ปี บางรายไม่มีโรคประจำตัว ทุกเคสไม่เจอสารพิษอื่น เคสเกือบทั้งหมดตรวจหากัญชาในเลือดแล้วพบว่าไม่ได้สูงในลักษณะเสพเกินขนาด
  2. พบคนป่วย 35 คน อายุ 15-53 ปี เสพกัญชาเพียงอย่างเดียวแล้วมีอาการผิดปกติจนต้องมาที่ห้องฉุกเฉิน บางรายไม่มีโรคประจำตัว ส่วนใหญ่ตรวจพบกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  3. ตามข้อ 1. และ 2. เคสลักษณะนี้มีในไทยแล้วครับ ผมได้รับการบอกเล่ามาจากแพทย์คนตรวจเองเลยว่า ผู้ป่วยรายหนึ่งให้ประวัติว่าไม่เคยใช้กัญชา แต่อยากลอง จึงสูบกัญชาหนึ่งครั้ง หลังสูบมีอาการแน่นหน้าอก จึงนำส่งโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลตรวจพบว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แต่ช่วยไว้ไม่ทัน จนผู้ป่วยเสียชีวิตครับ
  4. มีงานวิจัยหนึ่งที่วิจัยในคนไข้เกือบสี่พันคนแล้วพบว่า หลังสูบกัญชาไปหนึ่งชั่วโมงจะมีอัตราเสี่ยงที่เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ 4.8 เท่า
  5. เรื่องนี้ตรงกับ status เก่าผมที่มีงานวิจัยที่พบว่า รัฐในอเมริกาหลังให้กัญชาเสรี จะมีคนป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเพิ่มมากขึ้น

นพ.สมิทธิ์ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขควรเผยแพร่คำเตือนให้ประชาชนอย่างชัดเจน เช่น ถ้ามีอาการใดบ้างหลังใช้กัญชา ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน พร้อมเสนอให้รัฐมีบทลงโทษร้านค้าที่ใส่กัญชาในอาหารโดยไม่แจ้งผู้บริโภค เพราะอาจทำให้คนกินเสียชีวิตถ้าอ้างอิงตามงานวิจัย หรือถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะเปิดให้มีการลงประชามติไปเลยว่าเสรีกัญชาควรมีไหม 

อ้างอิง