4 Min

‘กัญชาชน’ ใน ‘พันธุ์หมาบ้า’ ผู้มาก่อนยุค ‘กัญชาเสรี’ สะท้อนเรื่องพี้ๆ มีในไทยนานแล้ว

4 Min
396 Views
20 Jun 2022

“…ทัยอยู่ในกรมทหารในลักษณะอยู่ไปวันๆ รอเวลาปลดประจำการ เขารู้ว่าถึงแม้จะคิดอย่างไรก็ทำอะไรในเวลานี้ไม่ได้ มีอยู่ทางเดียวคือทำชีวิตที่เป็นอยู่นี้ให้สนุกสนานโดยไม่คิดอะไร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าทัยมีโอกาสดูดกัญชา เขาจะดูดมันให้ครึ้มอกครึ้มใจ มีเวลาว่างก็จับกีตาร์ขึ้นมาเล่นระบายใจ…”

ข้อความดังกล่าวคือบทตอนหนึ่งของหนังสือชื่อว่าพันธุ์หมาบ้าวรรณกรรมร่วมสมัยเล่มหนึ่งของไทยที่ผ่านการตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่า 30 ครั้ง ในรอบ 34 ปี นับตั้งแต่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2531 โดยที่นักอ่านหลายคนยกให้เป็นตำนานกัญชาชนรุ่นบุกเบิกของไทย

ชาติ กอบจิตติ ผู้เขียนพันธุ์หมาบ้าและศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี 2547 ก็เขียนไว้ในบทนำของหนังสือเล่มนี้ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 20 โดยสำนักพิมพ์หอน (สิงหาคม 2546) ว่าเรื่องราวที่เขียนนั้นนำมาจากพฤติกรรมของคนจริงๆและเป็นนวนิยายที่ใช้จินตนาการน้อยที่สุดเพราะมีบรรทัดแห่งความจริงให้ไต่ตามอยู่แล้ว

เรื่องราวของ ชวนชั่ว ทัย เล็กฮิป อ็อตโต ไปจนถึง ตา และพี่ปื๊ด หรือตัวละครคนอื่นๆ ในวรรณกรรมเรื่องนี้จึงเหมือนเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์สังคมไทยยุคหนึ่งก่อนที่จะมีนโยบายกัญชาเสรี เพราะแม้แต่ยุคที่กัญชายังอยู่ในบัญชียาเสพติด คนไทยก็ยังสามารถซื้อหากัญชาผิดกฎหมายมาใช้กันได้ แม้แต่ตัวละครซึ่งอยู่ในกรมทหารก็ยังอุตส่าห์เข้าถึงกัญชาได้

“…แล้วพวกเขาก็เติมกัญชากันคนละอีกรอบสองรอบ ต่างรักษาระดับความมึนเมาในตัวไว้ มิให้มากเกินไป แต่ก็ไม่ยอมให้สร่าง ดุจดังคอยระวังเรือบรรทุกของ ถ้าใส่ของมากเกินไป เรือก็ล่มจมลง แต่ถ้าบรรทุกน้อยเกินไปก็ไม่เสี่ยงอันตราย ขาดความตื่นเต้นสนุกสนานฉันนั้น พวกเขาต่างประคับประคองเรือของตัวเองให้ล่องลอยไปในน้ำอย่างชนิดปริ่มๆ แปล้ๆ…” 

บทบรรยายประสบการณ์กัญชาใน พันธุ์หมาบ้า อาจไม่ได้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าผู้เขียนย้ำกลายๆ ว่านี่เป็นเพียงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่ได้มาจากชีวิตจริงของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ก็ช่วยให้ผู้ที่ไม่คิดจะเสพกัญชาพอจะเข้าใจมิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น ทั้งเหตุผลและอารมณ์ของผู้ที่ใช้กัญชา ตลอดจนภาวะที่ตามมาจากการเสพกัญชาเป็นเวลานานติดต่อกัน

กัญชาในไทยซ่อนอยู่ในยาอาหารนันทนาการมานานแล้ว

การดำรงอยู่ของกัญชาในสังคมไทยที่ถูกสะท้อนผ่านวรรณกรรมพันธุ์หมาบ้าเป็นข้อมูลหนึ่งที่ถูกนำไปอ้างถึงในวารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ปีที่ 17 ฉบับที่ 3 กันยายนธันวาคม 2562 ซึ่งเผยแพร่ในยุคที่คนกำลังพูดถึงนโยบายกัญชาเสรีอย่างหนักหน่วงหลังการเลือกตั้งครั้งใหญ่

วิชัย โชควิวัฒน จากสถาบันพัฒนาการคุ้มครองการวิจัยในมนุษย์ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ผู้เขียนบทความดังกล่าวสรุปว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องกัญชาในไทยไม่ได้จำกัดขอบเขตเฉพาะการนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่มองแค่ประโยชน์ด้านดีและมองกัญชาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทยมาแต่โบราณ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพื่อทบทวนว่ากัญชามีบทบาทในวิถีชีวิตคนไทยสมัยก่อนมากน้อยเพียงใด และวรรณกรรมอย่าง พันธุ์หมาบ้า ก็ถูกอ้างถึงด้วยเช่นกัน

การศึกษาจากวรรณกรรมสำคัญบางเล่ม ทั้งเอกสารประวัติศาสตร์ สารคดี กึ่งสารคดี และวรรณกรรมร่วมสมัย พบว่ามีการนำกัญชามาใช้ในยาและอาหารบ้าง ไม่มาก ไม่พบการนำมาใช้ในพิธีกรรมเหมือนในบางอารยธรรม การใช้เพื่อนันทนาการส่วนมากพบในคนชั้นล่างในสังคม โดยสังคมไทยเห็นว่ากัญชาเป็นของไม่ดีและคนเสพเป็นคนไม่ดี

ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีประกาศปลดล็อกถอดกัญชา (และกัญชง) ออกจากบัญชียาเสพติด เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 เปิดให้ประชาชนจดแจ้งการปลูกในครัวเรือนได้ โดยมีเงื่อนไขให้ปลูกในปริมาณที่กำหนดเพื่อใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพ หรือเป้าหมายทางการแพทย์ จึงมีเสียงตอบรับทั้งเชิงบวกและเชิงลบ 

ผู้สนับสนุนนโยบายกัญชาเสรีที่หนุนให้คนปลูกและใช้งานกัญชาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ล้วนแสดงความยินดี ขณะที่หน่วยงานด้านสุขภาพจิตและเครือข่ายผู้ปกครอง รวมถึงบุคลากรการแพทย์จำนวนหนึ่งมองว่า การเข้าถึงผลิตภัณฑ์กัญชาที่ไม่มีการกำกับดูแลหรือควบคุมในกลุ่มคนบางกลุ่มอาจเป็นอันตราย เพราะผู้บริโภคอาจไม่ได้รับข้อมูลที่รอบด้าน 

แม้กัญชาจะไม่นับเป็นยาเสพติดแล้ว แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี

หากสิ่งที่ทำให้ต้องถกเถียงกันจริงจังเป็นเพราะหลังปลดล็อกกัญชา 1 สัปดาห์ มีข่าวผู้ล้มป่วยและเสียชีวิตที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวพันกับการใช้กัญชา แต่ก็มีข้อถกเถียงว่าเป็นเพราะผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวก่อนใช้กัญชาหรือไม่ ทั้งยังมีรายงานว่าเยาวชนทดลองกินผลิตภัณฑ์ผสมกัญชาแล้วล้มป่วย บางร้านค้าผสมกัญชาในอาหารและไม่แจ้งลูกค้าจนเกิดล้มป่วย รวมถึงข่าวตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติซึ่งมีน้ำผสมกัญชาขาย ตัดสินใจถอดเมนูดังกล่าวออกจากตู้ที่ให้บริการในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ 

ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จึงได้ออกประกาศ สธ. ในวันที่ 17 มิถุนายน 2565 หรือกว่าหนึ่งสัปดาห์หลังจากปลดล็อกกัญชา โดยระบุให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร 

ท่าทีดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจำนวนไม่น้อย แต่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนหนึ่งมองว่า ยังต้องรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและหามาตรการกำกับดูแลการใช้งานกัญชา เพราะการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และนันทนาการนั้นมีประโยชน์จริง แต่ก็ต้องเฝ้าระวังและเก็บข้อมูลผลกระทบจากการใช้กัญชาในชีวิตประจำวันในรูปแบบอื่นๆ เช่นกัน และต้องดำเนินควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้มีสินค้าจากกัญชาที่ไม่ผูกขาดเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือป้องกันการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน

แม้แต่ผู้เขียน พันธุ์หมาบ้า ซึ่งถูกยกให้เป็นตำนานคนสายพันธุ์กัญชาผู้มาก่อนกาลก็มีข้อความส่งไปถึงผู้อ่านที่ยังเยาว์วัยเช่นกัน เพราะประสบการณ์ที่บอกเล่าผ่านตัวอักษรก็สะท้อนว่าหนทางไปสู่ความเมามายของกัญชานั้นไม่ใช่เรื่องยาก แม้แต่อดีตที่มีกฎหมายควบคุมเอาไว้ชัดเจนก็ตาม

สำหรับผู้อ่านที่ยังอยู่ในวัยรุ่นวัยคะนอง ผมใคร่ขอร้องว่าขอให้อ่านเรื่องนี้อย่างพินิจพิจารณา ไตร่ตรองให้รอบคอบ เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นแม่แบบที่โก้เก๋เพียงผิวเผิน ไม่ใช่เป็นแม่แบบที่ดีสำหรับการดำเนินชีวิต ตรงข้าม กลับเป็นอุทาหรณ์ให้พึงสังวรไว้ว่า ชีวิตวัยรุ่นนั้นแม้ก้าวพลาดเพียงก้าวเดียว อาจทำให้ชีวิตหันเหเป็นอย่างอื่น ที่เราต้องมาเสียใจในภายหลัง

ในบรรดาเพื่อนของผมกลุ่มนี้ ถึงวันนี้ เสียชีวิตไปแล้วถึงเจ็ดคน เสียชีวิตไปทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงวัยอันสมควร เสียชีวิตไปกับยาเสพติดบ้าง อุบัติเหตุอันเกิดจากความเมามายบ้าง ถูกดักทำร้ายบ้าง ซึ่งล้วนแต่สร้างความเสียใจให้กับคนที่อยู่ข้างหลังทั้งสิ้น…” 

อ้างอิง

  • Readery. พันธุ์หมาบ้า. https://bit.ly/3ObPnXs
  • ชาติ กอบจิตติ. พันธุ์หมาบ้า ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 20 สำนักพิมพ์หอน. เดือนสิงหาคม 2546. (หน้า 10-11 (ความใน) และหน้า 208, 231, 535)
  • 101World. กัญชาสนทนา กับเล็กฮิปพันธุ์หมาบ้า. https://bit.ly/3Hw0iJf
  • TCI-THAIJO. กัญชาในวิถีชีวิตชาวไทยสมัยก่อน: ข้อมูลจากวรรณกรรมบางเล่ม. https://bit.ly/3xvQo64 
  • BBC Thai. กัญชา: สธ. ออกประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม หลังเปิดกัญชาเสรีครบสัปดาห์. https://bbc.in/3NZLtkQ