2 Min

“ชอบอะไรให้อยู่ใกล้ๆ สิ่งนั้น” ไม่ใช้แค่ความรัก แต่ใช้ได้กับทุกเรื่อง

2 Min
977 Views
20 Jul 2023

MOODY เห็นชาวทวิตเตอร์หลายคนพูดถึง Manifestation กันเยอะประมาณหนึ่ง รวมถึงที่อาจารย์แก้วกล่าวถึง Law of Attraction หรือ กฎแห่งแรงดึงดูด ไว้ในพอดแคสต์ ด้วยรักและปรัชญา EP.6 ซึ่ง 2 ทฤษฎีนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกันมากๆ จนทำให้บางคนสงสัยว่า แล้วมันต่างกันอย่างไร? MOODY จึงหยิบมาเล่ากันในบทความนี้

มาเริ่มกันที่ทฤษฎีแรก Law of Attraction หรือ กฎแห่งแรงดึงดูด ที่มักถูกยกไปพูดถึงเรื่องความรัก ว่าสักวันโลกจะเหวี่ยงคนที่ใช่มาหาเรา ซึ่งอันที่จริงเป็นปรัชญาเกี่ยวกับมุมมองความคิดซึ่งนำเสนอว่า หากความคิดเราโฟกัสสิ่งใด ตัวเราและสิ่งนั้นจะดึงดูดเข้าหากัน 

หากอธิบายง่ายๆ ก็ประมาณว่า คิดอย่างไรก็ได้อย่างนั้น อยากเป็นคนแบบไหนก็ไปอยู่ใกล้ๆ คนแบบนั้น อยากมีชีวิตแบบไหน ก็พยายามใช้ชีวิตให้ได้แบบนั้น ถ้าเราคิดเชิงบวกก็จะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามา หากคิดเชิงลบสิ่งไม่ดีก็จะเข้ามา 

โดยที่เราต้องสร้างภาพนั้นขึ้นมาในจิต โฟกัสกับมันจริงๆ แล้วทำในสิ่งที่สามารถคว้ามันมาให้ได้ โดยที่ทุกความคิด ทุกการแสดงอารมณ์ ทุกปฏิกิริยา ของเราในทุกวินาทีนั้นจะส่งผลต่อพลังแห่งการดึงดูด

ดังนั้น เราต้องแน่วแน่กับภาพที่อยากให้เห็นจริงๆ แล้วพลังจักรวาล หรืออาจใช้คำว่าแรงโน้มถ่วงของโลกก็จะเหวี่ยงสิ่งที่เราต้องการเข้ามาหาเราในขณะที่เราก็กำลังเดินเข้าหาสิ่งนั้นไปด้วย 

ขณะที่ Manifestation นั้นคือ หากเรามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในสิ่งที่อยากได้ แล้วทำให้มันเป็นจริงให้ได้ ร่วมกับการใช้เทคนิคด้านจิตวิญญาณเข้ามาช่วย ได้แก่  ‘การแสดงภาพ’ เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพในใจของผลลัพธ์ที่ต้องการและมุ่งเน้นไปที่อารมณ์เชิงบวก 

‘การยืนยัน’ เกี่ยวข้องกับข้อความเชิงบวกซ้ำๆ ที่สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่คุณต้องการ ‘การทำสมาธิ’ ช่วยให้จิตใจสงบและช่วยให้คุณมุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายของคุณ และ ‘ความกตัญญู’ เกี่ยวข้องกับการขอบคุณสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วและยอมรับด้านบวกในชีวิตของคุณ

จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ทฤษฎีนี้มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าความคิด อารมณ์ และความเชื่อที่มีอำนาจในการกำหนดชีวิตของเรา แต่ก็แตกต่างกัน Manifestation เป็นกระบวนการในการทำให้ความคิดและความปรารถนาของคุณเป็นจริงผ่านความตั้งใจและการกระทำที่จดจ่อ ในขณะที่กฎแห่งการดึงดูดคือชอบหรือต้องการอะไรมากๆ แล้วทั้งสองฝั่งจะดึงดูดเข้าหากัน 

หากสรุปสั้นๆ Manifestation และ Law of Attraction สามารถใช้แทนกันได้ หรือจะใช้ร่วมกันก็ได้เพื่อสร้างความสมดุลให้กับชีวิตที่พัฒนาทั้งจิตวิญญาณ พร้อมกับคว้าความปรารถนานั้นไว้ 

โดยกุญแจสู่ความสำเร็จคือ การมีความตั้งใจที่ชัดเจน มีความคิดเชิงบวก เชื่อมั่นในตัวเองและความสามารถของเรา รวมถึงการทำตามแรงบันดาลใจเพื่อไปสู่เป้าหมายเหล่านั้นมักใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย

ไม่ว่าจะอยากได้คนรักแบบไหน มีชีวิตอย่างไร ฝันว่าอยากได้อะไรนั้น ทุกปัจจัย ทุกองค์ประกอบล้วนต้องถูกขับเคลื่อนไปด้วยกัน ทั้งความคิด ความเชื่อ และการกระทำตัวของเรา 

หากเอาแต่คิดแล้วรอให้จักรวาลเหวี่ยงมาอย่างเดียว ก็อาจต้องรอแล้วรอเล่า หรือแค่เชื่อแต่ไม่ลงมือทำก็คงไม่เห็นผล เพราะท้ายที่สุดแล้ว Manifestation และ Law of Attraction ก็ต้องมี Action = Reaction เพื่อนำไปสู่ Result หรือผลลัพธ์ นั่นเอง 

อ้างอิง