4 Min

ผี VS วิทยาศาสตร์ คุยกับ กอล์ฟ ปวีณ ผู้กำกับภาพยนตร์ Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี

4 Min
613 Views
31 May 2021

Select Paragraph To Read

  • ผี VS วิทยาศาสตร์
  • ผี VS คนไทย
  • ผี VS การพิสูจน์
  • ผี VS กอล์ฟ
  • ผี VS สังคม

ผีกับวิทยาศาสตร์ เป็นขั้วตรงข้าม หรือจะเป็นเรื่องเดียวกันได้?

เป็นกระแสฮือฮาให้พูดถึงกันตั้งแต่มีการปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี ซึ่งเข้าฉายทาง Netflix เพราะเนื้อหาที่ถูกเล่าโดยหมอนักวิจัย 2 คนที่ตามปกติแล้วดูห่างไกลจากเรื่องผีสาง และอาจถูกมองว่าอยู่ตรงกันข้าม แต่มาพิสูจน์ตัวตนของผีด้วยหลักการแบบวิทยาศาสตร์ที่เป็นเหตุผล

พล็อตเรื่องที่ดูแหวกแนว ‘หนังผี’ ตามขนบไทยแบบดั้งเดิมไปมาก จากการที่ผูกโยงเอาเรื่องวิทยาศาสตร์เข้ามาเป็นการพิสูจน์ และเปลี่ยนจากการที่ ‘ผีล่าคน’ มาเป็น ‘คนตามหาผี’ แทน

มาล้วงจุดกำเนิดไอเดียเบื้องหลังภาพยนตร์ผีที่ไม่เหมือนผีแบบเดิมๆ กับ กอล์ฟ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับที่เคยฝากผลงาน บอดี้ศพ 19 4 แพร่ง และ 5 แพร่ง ซึ่งเคยทำให้คนไทยอกสั่นขวัญแขวนกับความหลอนมาแล้ว

มาดูกันว่าทำไมในการกลับมาขึ้นแท่นผู้กำกับอีกครั้ง เขาถึงเลือกเอาเรื่องราวไสยศาสตร์มาผูกกับวิทยาศาสตร์ขึ้นจับคู่กัน

หรือตามไปดูคลิปสัมภาษณณ์ของ MADE BY ได้ที่

ผี VS วิทยาศาสตร์

: ธีมของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากเราอยากทำภาพยนตร์ผีที่มันมีความใหม่ แล้วเราก็มาหาว่ามันประเด็นอะไรที่น่าสนใจอยู่ แล้วก็นึกไปถึงเรื่องที่เราสงสัยมานานว่าทำไมเราต้องวิ่งหนีผี ทำไมเราไม่คุยกับผีเลย เรากลัวและหนีผีมาตลอดเลยไม่ว่าตอนไหน มันก็เลยนำไปสู่หนังที่คนเข้าหาผีเพื่อที่จะหาว่าผีมีจริงไหม และมองแบบวิทยาศาสตร์

จริงๆ การมองเรื่องผีแบบวิทยาศาสตร์มันมีอยู่บ้างที่ต่างประเทศ แต่ของไทยยังไม่เคยมี และเราก็สนใจว่าถ้าเอามันมาผสมกันน่าจะได้รสชาติของหนังปีแบบที่เราเองก็ไม่เคยทำมาก่อนด้วย เพราะมันเป็นสิ่งที่คนละเรื่องกันเลย มันคือสิ่งที่พิสูจน์ได้กับพิสูจน์ไม่ได้ และเอาเรื่องนี้มารวมกันอย่างกลมกล่อมได้

ผี VS คนไทย

: เรื่องนี้ต้องเป็น ‘ไทย’ ด้วยนะ เพราะเราคิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่หมกมุ่นกับผีสางนางไม้มาก อย่างฝรั่งคนที่ไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ แต่ของเรามันจะมีคนว่า ‘ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่’ คิดว่าคำแบบนี้มันเกิดขึ้นในบริบทของไทยเท่านั้น มันเป็นธรรมชาติของเราเลยมองว่ามันน่าสนุก

ที่บอกว่าเป็นธรรมชาติของคนไทยไม่ได้บอกว่าเราล้าหลังนะ แต่คนไทยโตมากับเรื่องผีจริงๆ ทุกโค้งถนน ทุกโรงเรียนต้องมีเรื่องผีหมด ถ้าคุยกับคน 100 คน อาจจะมีคนเคยเจอหรือมีประสบการณ์กับผีมา 50 คนด้วยซ้ำ ซึ่งไม่น่าจะมีที่ไหนในโลกที่มีประสบการณ์ร่วมกับผีมากขนาดนี้ ซึ่งเรามองว่ามันเป็นจุดแข็งเหมือนกัน

เคยมีคนถามว่า ทำไมคนไทยถึงทำหนังผีได้แตกต่างจากคนอื่น ผมคิดว่าเพราะเราโตมากับเรื่องผีจริงๆ เรื่องผีทำให้เรามีบุคลิกแบบนี้ด้วยนะ ทั้งขนม เรื่องความพุทธ ความเวรกรรม เราจะสังเกตว่าในหนังผีของฝรั่งจะไม่มีเรื่องเวรกรรม บางทีจะไม่ได้มีเหตุผลบ้าง บางเรื่องเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ แต่ของไทยไม่ใช่ เราต้องมีเรื่องเวรกรรมเสมอ เพื่อที่จะบอกว่าคุณปกปิดความผิดไม่ได้ อาจจะปกปิดกับคนอื่นได้ แต่เวรกรรมจะย้อนกลับมา

ซึ่งเราว่าจุดนี้แหละที่ทำให้คนอินกับหนัง เพราะเรารู้สึกว่าคนชั่วต้องได้รับโทษ คนดีต้องได้ดีตอบ

ผี VS การพิสูจน์

: ในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้เราค้นหาข้อมูลเยอะมากทั้งในไทยและต่างประเทศที่ทำวิจัยพวกเรื่องโลกหลังความตาย ถึงขั้นไปค้นมีวิจัยของ CIA เรื่องโลกหลังความตายที่วิจัยปี 1980 เลย แต่สุดท้ายมันก็ยังฟันธงไม่ได้ แต่ความพยายามพิสูจน์ก็ทำให้มันกลายเป็นวิทยาศาสตร์ไปครึ่งนึงแล้ว แต่อีกครึ่งก็ยังพิสูจน์ไม่ได้อยู่ดี แต่เราก็มองว่ามันสามารถเชื่อมโยงกันได้ จึงออกมาเป็นเรื่องราวในภาพยนตร์

แต่เราไม่ได้บอกว่าทฤษฎีต่างๆ มันเป็นจริง หรือพิสูจน์ได้จริงนะ เพราะจุดประสงค์คือเราอยากให้คนดูสนุกไปกับเรื่องราว

แต่ถ้าหากมีการพิสูจน์ว่าผี และโลกหลังความตายมีจริงได้ ผมว่ามันจะเปลี่ยนโลกเลย มันยิ่งใหญ่กว่าการพบเอเลี่ยนอีก เพราะเราเชื่อว่าเอเลี่ยนมีจริงอยู่แล้ว ในจักรวาลคงไม่ได้มีเรามีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่เดียว แต่มันไม่เคยมีใครพิสูจน์โลกหลังความตายจริงๆ มาก่อน ถ้ามีคนกลับมาจากโลกหลังความตายได้ มันจะต้องเปลี่ยนแปลงโลกแน่ๆ

อย่างแรกคือ ‘หวย’ ต้องเลิกเลย ในเมื่อผีสามารถบอกหวยได้ มีการ disrupt แน่นอน

ผี VS กอล์ฟ

: ถ้าถามว่าผีคืออะไร สำหรับเรา ผีก็คือผีเลยครับ คนที่ตายไปแล้ว ไม่ได้ลึกซึ้ง หรือตีความอะไรเลย ไม่ได้มองผีในเชิงตีความว่าผีคือคนที่ชั่วร้ายหรืออะไรแบบนั้น สำหรับเราผีก็คือผีเลย

ซึ่งส่วนตัวเราเป็นคนเชื่อเรื่องผี และก็ไม่เชื่อเรื่องผี คือเหมือนหลายๆ คนคือเชื่อแต่ไม่ได้ 100% เพราะมันพิสูจน์ไม่ได้ แต่ในชีวิตเราเจอคนที่เจอผีมาเยอะมาก และเราก็ไม่ได้คิดว่าเพื่อนจะมาโกหกอะไรเรา น้องเราจะมาโกหกเราทำไม มันเลยเป็นความรู้สึกที่ก้ำกึ่ง คือเชื่อแต่พิสูจน์ไม่ได้ เราก็อยากพิสูจน์เหมือนกัน

ความจริงภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เกิดจากคำถามในใจเราเหมือนกันนะ เช่นทำไมผีถึงไม่โผล่ออกมาทั้งทั่ว ทำไมชอบโผล่มาเป็นส่วนๆ ในหนัง ซึ่งเราเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วในเรื่องนี้มันเป็นเพราะการสร้างซีนในแบบภาพยนตร์เพื่อให้คนมีอารมณ์ร่วม แต่มันก็มีคำถามอะไรต่างๆ ขึ้นมาบ่อยๆ

ผี VS สังคม

: จริงๆ สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะอยากสร้างความบันเทิงให้กับคนดูได้สนุกไปกับเรื่องราวของเรา ส่วนเลเยอร์อื่นๆ คงแล้วแต่บุคคลว่าจะได้อะไรบ้าง ส่วนตัวเรารู้สึกว่าเราได้ตั้งคำถามดับความเชื่อต่างๆ ในอดีต ในการที่เราจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาในโลก เราควรเชื่อมันเลยหรือตั้งคำถามกับมัน พิสูจน์ด้วยตัวเอง

เหมือนกับเรื่องผีนี่ล่ะ ถ้าเราลุกขึ้นมาตั้งคำถามจะเป็นยังไง

ซึ่งเรามองว่ามันเหมาะกับยุคสมัยนี้ด้วยนะ เพราะในสิ่งที่มันมีอยู่ดั้งเดิม มีมานาน ถ้าเราไม่เชื่อเราก็ต้องพิสูจน์ว่ามันคืออะไร เหมือนอย่างเช่นเรื่องวัคซีนตอนนี้ เราก็ต้องไปศึกษา ไปหาข้อมูล หาความรู้ เป็นสังคมที่ตรวจสอบได้ ตรวจสอบทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์ไปเรื่อยๆ เราเชื่อว่ามันจะพาสังคมไปสู่จุดที่ดีขึ้น เพราะเราไม่เชื่ออะไรง่ายๆ

เรื่องผีคงเป็นหนึ่งในเรื่องที่อาจจะไม่มีใครพิสูจน์ได้จริงๆ ในโลกนี้ แต่คุณกอล์ฟก็มองว่าเรื่องผีก็เหมือนหลายๆ เรื่องในสังคมที่ยังคงรอการตั้งคำถาม พิสูจน์ ตามหาความจริง ส่วนในภาพยนตร์เรื่องราวการใช้วิทยาศาตร์และเหตุผลพิสูจน์ความลี้ลับจะเป็นยังไง สุดท้ายแล้วพวกเขาจะจับผีได้ไหม แล้วทฤษฎีผีเป็นเรื่องจริงรึเปล่า ไปหาคำตอบกันได้ที่ Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี ทาง Netflix