5 Min

‘แอลพีเอ็น’ เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรปี 2566 ภายใต้แนวคิด ‘Transform for Better Living’ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกวัย

5 Min
545 Views
01 Mar 2023

ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาเราอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ซื้อที่อยู่อาศัย รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีโอกาสถดถอย อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่าง ‘บ้านและคอนโด’ กลับเป็นอีกหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง

 

วันนี้ BrandThink จึงอยากชวนทุกคนมาดู ‘แนวคิด’ และ ‘แผนการดำเนินธุรกิจ’ ของ ‘แอลพีเอ็น’ (LPN) ธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีแนวคิดที่น่าสนใจอย่างมาก ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ เพื่อการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนในทุกมิติ

สำหรับแนวคิดของแอลพีเอ็นที่ว่านั้นก็คือ ‘Transform for Better Living’ ที่หวังช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกวัย และขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ผ่านการพัฒนา และการออกแบบที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในทุกระดับ

 

ทำให้ในปี 2566 นี้ ทางแอลพีเอ็นจึงวางแผนยกระดับการบริหารจัดการ เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง ตั้งแต่การนำร่องเผยโฉมรูปลักษณ์ใหม่ของการพัฒนาโครงการ ภายใต้แบรนด์ ‘168’ ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นสร้างประสบการณ์ใหม่ได้ชัดเจนขึ้น

เช่นนี้เอง การก้าวสู่มิติใหม่ของแอลพีเอ็นที่ยึด ‘ความต้องการของลูกค้า’ เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาองค์กรเป็นสำคัญ จึงมุ่งมั่นตั้งใจสร้างสรรค์ ‘ประสบการณ์ที่ดี’ ให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพื่อ ‘สร้างการรับรู้ใหม่’ ของแบรนด์168 รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารจัดการภายใน ให้สามารถกระจายรายได้อย่างสม่ำเสมอ และมีการเติบโตของกำไรอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

 

โดยเป็นไปตามแผนการขับเคลื่อนองค์กรเรียกว่า ‘Turnaround’ ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2565 ต่อเนื่องมาถึงปี 2566 ซึ่งประกอบด้วย ดังนี้

1 – Corporate Transformation

หลังจากที่ได้มีการแยกโครงสร้างการบริหาร บริษัท แอล.พี.พี. พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) เป็นอิสระในปี 2565 โดยแอลพีเอ็นยังคงถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในปัจจุบันแอลพีเอ็นจึงดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการพัฒนาอาคารชุด และบ้านพักอาศัยอย่างครบวงจร ในทุกระดับราคา เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อในทุกกลุ่มเป้าหมาย

2 – Management Transformation

ปีที่ผ่านมาแอลพีเอ็นได้มีการจัดโครงสร้างการบริหารภายใน สู่การบริหารในรูปแบบของหน่วยธุรกิจ (Business Unit) จาก 4 หน่วยธุรกิจ ที่ประกอบด้วย
– คอนโดมิเนียม
– บ้านพักอาศัยกลุ่ม Value
– บ้านพักอาศัยกลุ่ม Premium
– ธุรกิจเช่าอาศัย

โดยในปี 2566 จะเพิ่มเป็น 5 หน่วยธุรกิจ ซึ่งเพิ่มหน่วยธุรกิจเพื่อพัฒนาบ้านพักอาศัยกลุ่ม Value อีก 1 หน่วย เพื่อสอดคล้องกับแผนการขยายงานในปี 2566 และเพิ่มยอดขายจากการขายคอนโดมิเนียม พร้อมผู้เช่าผ่านงานบริการ และการปล่อยเช่า เพื่อตอบโจทย์การขายนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก แต่ยังคงมีความเสี่ยงต่ำจากการบริหารงานอย่างมืออาชีพจากแอลพีเอ็น

3 – Project Development Transformation

ในปี 2566 แอลพีเอ็นได้วางแผนพัฒนาโครงการที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการ ภายใต้แบรนด์168 ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นที่พักอาศัยภายใต้แนวคิด ‘น่าอยู่’ (Livable Community) ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักของการสร้างสรรค์โครงการต่างๆ เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในปัจจุบัน

เช่น การติดตั้ง EV Charger และ Solar Cell ในทุกโครงการ พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตบนทำเลศักยภาพ

 

4 – Digital Transformation

แอลพีเอ็นตั้งเป้าหมายการบริหารจัดการองค์กรแบบ ‘Fully Digital Organization’ ในทุกหน่วยงานให้สมบูรณ์แบบภายในปี 2567 เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงาน พร้อมทั้งสนับสนุนงานด้านการตลาด การขาย รวมไปถึงด้านการออกแบบและการบริการ รองรับการสร้างฐานลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าในหลากหลายช่องทาง และตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน และอนาคต

5 – Brand Transformation

ในปีนี้จะเป็นปีแห่งการขยายการรับรู้และสร้างประสบการณ์ใหม่ของแอลพีเอ็นทั้งกลุ่มเป้าหมายเดิม และขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ในฐานะผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพมาตลอด 34 ปี

โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยน ‘โลโก้’ ใหม่เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการปักหมุดใหม่ของแบรนด์แอลพีเอ็นผ่านเส้นสายที่สอดประสานกันอย่างลงตัวมากขึ้น สะท้อนแนวคิดในการทำงานและการพัฒนาแบรนด์สู่ความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน

อีกทั้งปีนี้แอลพีเอ็นยังพร้อม ‘เปิดโอกาสในการสร้างความร่วมมือกับคู่ค้าทางธุรกิจ’ ในด้านต่างๆ เพื่อเสริมสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ตลอดจนการปรับรูปแบบการทำงานภายในองค์กร

รวมไปถึงยังกำหนดให้เป็นปีที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ‘สิ่งแวดล้อม’ โดยวางแนวทางการบริหารจัดการก๊าซ CO2 ภายใต้แนวทาง Carbon Neutrality และดำเนินนโยบายการบริหารจัดการโครงการก่อสร้างทุกโครงการโดยมุ่งเน้น ‘ขยะเป็นศูนย์’ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในประเทศไทยลงมา 20-25 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2573

 

ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับการทำงานของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาความยั่งยืนใน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่การนำหลักการออกแบบอาคารเขียวของสากลมาปรับใช้ในการพัฒนาโครงการตั้งแต่ปี 2552 และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในกระบวนการหลักและการปฏิบัติ จนกลายเป็นมาตรฐานภายใต้แนวคิด “6 Green LPN”

นอกจากนี้ ทางแอลพีเอ็นยังวางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 7,600 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์จากปี 2565 เลยทีเดียว

โดยมีแผนเปิดตัว ‘โครงการใหม่’ รวม 17 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ 168 แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 4 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย 13 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท

อีกทั้งยังเปิดพรีเซล 3 โครงการที่พักอาศัยระดับพรีเมียม ได้แก่ Residence 168 ราชพฤกษ์ / Maison 168 เมืองทอง และ Villa 168 เวสต์เกต ไปเป็นที่เรียบร้อย และมีกำหนดเริ่มส่งมอบโครงการในปี 2566 จำนวน 14 โครงการ แบ่งเป็น ‘คอนโดมิเนียม’ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 และลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 (เฟส 3)

 

และบ้านพักอาศัยจำนวน 12 โครงการ ได้แก่ Residence 168 ราชพฤกษ์, Residence 168 อ่อนนุช 46, Maison 168 เมืองทอง, Villa 168 เวสต์เกต, Venue 168 เวสต์เกต, Venue 168 คูคต สเตชั่น, Venue 168 ราชพฤกษ์, Haus 168 เวสต์เกต, Haus 168 คูคต สเตชั่น, Haus 168 ราชพฤกษ์ และโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการ

ทั้งนี้ในปี 2565 แอลพีเอ็นมีรายได้รวม 6,136 ล้านบาท เติบโต 42% เมื่อเทียบกับปี 2564 แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 3,769 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย 2,064 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจเช่า 303 ล้านบาท รวมทั้งยังมีรายได้พิเศษจากการขายอาคารสำนักงาน 2,590 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่า 1,845 ล้านบาท ที่จะสร้างรายได้ในปี 2566-2568 และสินค้าคงเหลือ (Inventory) มูลค่า 7,000 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ดี ปี 2566 ยังถือเป็นปีแรกในรอบ 5 ปี ของแอลพีเอ็นที่จะขยายการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยใน ‘ต่างจังหวัด’ อีกครั้ง หลังจากที่เคยเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดอุดรธานี ชลบุรี พัทยา และชะอำมาแล้ว เนื่องจากเห็นโอกาสในการขยายการลงทุนตามการขยายตัวของเมือง เส้นทางคมนาคม และความต้องการของผู้ซื้อ ทำให้แอลพีเอ็นมีแผนต่อยอดการพัฒนาโครงการไปในจังหวัดที่มีศักยภาพในการขยายตัว และมีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะในทำเลเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกนั่นเอง

#LPNdevelopment #transformforbetterliving #Striveforexcellence
#LPNน่าอยู่ #LPN168brand #6greenlpn