2 Min

‘ปลาแลมป์เพรย์ทะเล’ ปรสิตนักดูดเลือด และเอเลียนสปีชีส์แห่งเกรตเลคส์

2 Min
2318 Views
06 Jul 2022

ปลาแลมป์เพรย์’ (Lamprey) จัดเป็นปรสิตประเภทหนึ่งที่พบได้ท้ังในน้ำจืดและน้ำเค็ม ใช้ชีวิตเวียนว่ายอยู่ทั้งในมหาสมุทรและทะเลสาบ กระจายพันธุ์อยู่ทั่วโลกทั้งยุโรปตอนบน อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกาตะวันตก ญี่ปุ่น เกาหลี ชิลี ออสเตรเลีย และเกาะแทสมาเนีย

ดูเผินๆ จะมีรูปร่างคล้ายปลาไหล แต่ถ้ามันอ้าปากเมื่อไหร่ ใครเห็นก็ต้องผงะ

ด้วยปากที่อยู่ค่อนลงมาทางด้านท้อง ไม่มีขากรรไกร แต่จะมีลักษณะเป็นวงกลมใช้สำหรับดูด มีฟันแหลมคมชวนสยองหลายซี่ (คล้ายๆ กับหนอนทะเลทรายในภาพยนตร์เรื่อง DUNE) 

fish l Pual Wilson / Hight Country News

ปลาแลมป์เพรย์จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ ปลาแลมป์เพรย์น้ำจืด และปลาแลมป์เพรย์ทะเล พวกน้ำจืด จะมีชีวิตอยู่แค่ไม่กี่สัปดาห์ เกิดมาก็มีหน้าที่วางไข่เพียงอย่างเดียว เสร็จสิ้นแล้วก็ตายจากกันไป (เพราะร่างกายที่โตเต็มวัยจะมีเพียงแค่สายของเนื้อเยื่อ ไม่มีระบบทางเดินอาหาร กินอะไรไม่ได้)

ส่วนปลาแลมป์เพรย์ทะเลจะมีอายุยืนหน่อย แถมยังใช้ชีวิตสุดโหดด้วยการคอยดูดเลือดจากปลาต่างๆ ที่มันพบ พวกปลาเล็กจะซวยหน่อยเพราะอาจถูกดูดเลือดจนตาย แต่ปลาใหญ่อย่างฉลาม เรื่องราวก็เป็นดังเช่นการถูกทากตัวเล็กดูดเลือด

แม้ปลาปรสิตชนิดนี้จะคอยไล่ล่าเหยื่อไปเรื่อยๆ แต่ตัวพวกมันก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ เป็นแหล่งอาหารให้กับ ปลา นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลอื่นๆ แบ่งปันพลังงานกันอย่างสมดุล

ตามปกติแลมป์เพรย์ทะเลจะวางไข่ในแหล่งน้ำจืดแล้วไปโตในทะเล ว่ายวนอยู่ทางเก่าซ้ำๆ กัน แต่พอมาถึงยุคสมัยที่มนุษย์เรารู้จักระบบชลประทาน เกิดการขุดคูคลองสายใหม่ขึ้นมากมาย เส้นทางชีวิตของพวกมันก็ไม่ได้ว่ายเป็นเส้นตรงอีกต่อไป

การขุดคูคลองเชื่อมแม่น้ำทะเลสาบทำให้ปลาแลมป์เพรย์ส่วนหนึ่งไม่สามารถเดินทางไปถึงทะเลได้ บ้างอาจถูกกระแสน้ำและระบบนิเวศที่เปลี่ยนพัดพาไปพบถิ่นที่อยู่ใหม่ หรือแหล่งอาหารใหม่ๆ โดยเฉพาะในถิ่นที่ไม่มีศัตรูทางธรรมชาติมาคอยกำจัดพวกมัน

เช่นที่ทะเลสาบเกรตเลคส์’ (Great Lakes – ทะเลสาบทั้ง 5 ได้แก่ สุพีเรีย มิชิแกน ฮูรอน อิรี และออนแทรีโอ) กลุ่มทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือสถานที่ที่ถูกปลาแลมป์เพรย์รุกรานอย่างสาหัสมาแล้วหลายครั้งหลายครา

ความที่ปลาในแม่น้ำหรือทะเลสาบมีขนาดไม่ใหญ่นัก เมื่อถูกปลาแลมป์เพรย์ดูดเลือดเมื่อไหร่ จุดจบก็คงไม่รอด และความที่ปลาแลมป์เพรย์ทะเลวางไข่คราวละ 50,000-120,000 ฟอง ก็ย่อมหมายถึงการหายไปของปลาน้ำจืดในหลักแสนเช่นเดียวกัน

ที่ผ่านมาเคยมีบทเรียนเกิดขึ้น ในระหว่าง ค.. 1940-1960 ที่จำนวนปลาเทราต์ในเกรตเลคส์ลดลงอย่างต่อเนื่อง สมมุติจากที่เคยจับได้ 100 ตัว ก็ลดลงเหลือเพียง 2 ตัว

ด้วยปัญหาที่เคยมี จึงเกิดความพยายามขจัดปัญหาการรุกรานของปลาแลมป์เพรย์ในทะเลสาบต่างๆ ด้วยการสร้างเขื่อนกักขังในฤดูวางไข่ มีการใช้สารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อปลาชนิดอื่นๆ พ่นลงไปทำลายไข่ปลา สามารถกำจัดได้ราวๆ 98 เปอร์เซ็นต์

มนุษย์เราทำแบบนี้เรื่อยมา ยอมจ่ายราคาที่ไม่จำเป็น เพื่อกำจัดข้อผิดพลาดที่เราทำในอดีต

กระทั่งโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก หน้าที่การงานหลายอย่างต้องชะงักงัน งานกำจัดไข่ปลาแลมป์เพรย์ทะเลก็ต้องหยุดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปลาแลมป์เพรย์ทะเลสามารถวางไข่ได้อย่างปลอดภัย

แต่เพราะระยะฟักตัวของปลาชนิดนี้จะใช้เวลาราวๆ 3-4 ปี ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา จึงยังไม่เกิดผลกระทบใดๆ 

คาดว่าไข่จะค่อยๆ ฟักตัวหลังจากสิ้นปีนี้เป็นต้นไป และปลาแลมป์เพรย์ทะเลก็จะกระจายตัวรุกรานไปทั่วเกรตเลคส์

หลังจากนั้นจะเกิดผลกระทบกับปลาในทะเลสาบมากน้อยแค่ไหน ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป