3 Min

“Kwondo 1” รองเท้าผ้าใบที่สายแฟชั่นต้องจับตา คอลเลกชันใหม่ของ ‘Nike’ และ ‘G-Dragon’

3 Min
711 Views
09 Nov 2021

Select Paragraph To Read

  • เลือกร่วมงานกับคนดังที่สอดคล้องกับจุดยืนของแบรนด์

‘จี-ดรากอน’ (G-Dragon) แห่งวงบิ๊กแบง (BigBang) เป็นศิลปินอีกคนหนึ่งที่ผันตัวไปเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วรุ่งเรืองเฟื่องฟู ไม่ว่าจับโปรเจกต์ไหนก็ขายดีเทน้ำเทท่า จนถูกยกให้เป็นอินฟลูเอนเซอร์สายแฟชั่นอันดับต้นๆ ของเกาหลีใต้และเอเชีย

ล่าสุด รองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่ ‘ควอนโด 1’ (Kwondo 1) ที่ จี-ดรากอนร่วมออกแบบกับแบรนด์ใหญ่อย่างไนกี้ (Nike) ได้ปรากฏโฉมตามสื่อสังคมออนไลน์เกาหลีใต้เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากเจ้าตัวส่งรองเท้ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน 111 คู่ไปให้คนในครอบครัวและเพื่อนฝูงในวงการบันเทิง

คนดังที่ได้รับรองเท้ารุ่นเฉพาะกิจต่างพร้อมใจกันโพสต์ภาพขึ้นสื่อโซเชียลของตัวเอง พร้อมติดแฮชแท็ก #kiiiondo สัญลักษณ์ของรองเท้ารุ่นนี้ รวมถึงแฮชแท็ก #Nike และ #PEACEMINUSONE ที่เป็นแบรนด์แฟชั่นของจี-ดรากอน

เว็บไซต์ HypeBae รายงานว่ารองเท้าควอนโด 1 มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2022 คาดว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ 180 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6,000 บาท) แต่รองเท้ารุ่นนี้ที่วางขายทั่วไปจะเป็นสีขาวล้วน ต่างจากรุ่นลิมิเต็ด 111 คู่ซึ่งโลโก้ไนกี้จะมีสีสันแตกต่างกันไป

มีการประเมินว่ารองเท้ารุ่นนี้น่าจะขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว และราคารีเซลในตลาดออนไลน์ก็อาจดีดตัวสูงขึ้นอีกหลายเท่า เพราะคงมีคนซื้อไปเก็งกำไรกันตั้งแต่ช่วงแรกที่รองเท้าวางขาย

ตัวอย่างที่เห็นก่อนหน้านี้ คือ รองเท้ารุ่น ‘Air Force 1 Para-Noise’ ที่จี-ดรากอนร่วมออกแบบกับไนกี้เมื่อปี 2020 วางขายครั้งในราคา 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6,600 บาท) แต่ South China Morning Post สื่อฮ่องกงรายงานว่าหลังจากนั้นไม่นานมีคนนำรองเท้ารุ่นนี้ไปขายต่อบนออนไลน์ และมีผู้ซื้อไปในราคาสูงถึง 10,950 ดอลลาร์ (ประมาณ 361,350 บาท) หรือสูงกว่าราคาเดิมราว 20 เท่า

เลือกร่วมงานกับคนดังที่สอดคล้องกับจุดยืนของแบรนด์

บทความวิเคราะห์ด้านการตลาดในเว็บไซต์ Review This ระบุว่า การร่วมมือกันระหว่างไนกี้กับคนดังจากหลากหลายแวดวง เป็นสิ่งหนึ่งที่ต่อยอดให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความแตกต่างหลากหลายในประเทศต่างๆ ได้มากขึ้น

การเลือกเหล่าคนดังมาร่วมงานของไนกี้ก็ขยายจากกลุ่มนักกีฬาที่เป็น ‘ภาพจำ’ ของแบรนด์ในยุคแรกๆ เรื่อยมาจนถึงจี-ดรากอน ซึ่งเป็นศิลปินเกาหลีคนแรกที่ได้รับเชิญไปร่วมงานปารีสแฟชั่นวีกเมื่อปี 2015 ก่อนจะได้รับเลือกเป็นหนึ่งในแอมบาสซาเดอร์ของชาแนล (Chanel) ในปี 2017 และก็ยังได้เป็นต่อมาจนถึงตอนนี้ ขณะที่สินค้าแบรนด์พีซไมนัสวัน (PEACEMINUSONE) ของเขาเองก็ขายดีเช่นกัน

แต่ปัจจัยที่ทำให้จี-ดรากอนมีผู้ชื่นชมและติดตามในอินสตาแกรมมากกว่า 20 ล้านคน ไม่ได้มาจากความล้ำทางด้านแฟชั่นอย่างเดียว แต่มาจากภาพลักษณ์ศิลปินผู้สร้างสรรค์ทางดนตรีคนหนึ่ง ซึ่งขบถต่อขนบของสังคมเกาหลีใต้ผ่านงานเพลงที่ผสมผสานกันหลายแนว และเป็นหัวหน้าวงบิ๊กแบงที่ไม่ยอมให้บริษัทต้นสังกัดแทรกแซงการทำงานด้วย

อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไนกี้ร่วมงานกับคนดังที่มีจุดยืนสวนกระแสสังคม เห็นได้จากกรณีของ ‘โคลิน เคเปอร์นิก’ (Colin Kaepernick) นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลตำแหน่งควอเตอร์แบ็กของทีม San Francisco 49ers ซึ่งเป็นดาวรุ่งอยู่ดีๆ ก็อดต่อสัญญา แถมยังถูกชาวอเมริกันฝั่งอนุรักษนิยมคว่ำบาตรจนตกงาน เพราะเขาคุกเข่าระหว่างร้องเพลงชาติในการแข่งขันเมื่อปี 2016 เพื่อประท้วงการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อคนผิวดำที่เกิดขึ้นช่วงนั้น

ตอนที่ไนกี้ประกาศว่าเคเปอร์นิกจะเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ในปี 2018 ซึ่งตรงกับการก่อตั้งแบรนด์ครบ 30 ปี ทำให้หุ้นไนกี้ร่วงไปหลายจุด และถูกคนที่สนับสนุนรัฐบาลรีพับลิกันรณรงค์คว่ำบาตรในหลายๆ เมือง ก่อนที่ชาวอเมริกันและอีกหลายประเทศที่เห็นด้วยกับจุดยืนของเคเปอร์นิกจะหันมาอุดหนุนไนกี้ จนธุรกิจกลับมาดีเหมือนเดิม ทั้งยังได้รับคำชมจากองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอีกหลายแห่ง

สโลแกนดั้งเดิมของไนกี้ที่คนจดจำได้ คือ Just do it (ลงมือทำซะ) จึงสอดคล้องกันดีกับประโยคตอกย้ำจุดยืนแบบเข้มๆ ที่มาพร้อมกับใบหน้าเคเปอร์นิกในปีนั้นคือ “จงเชื่อในบางสิ่ง แม้จะต้องสละทุกสิ่งก็ตาม” (Believe in something even if it means sacrificing everything.)

อ้างอิง: