“เกษตรกรรุ่นใหม่เตรียมตัวให้พร้อมกับ‘คูโบต้า กล้า ท้า ปลูก ปี 2’ การแข่งขันชิงสุดยอดนักพัฒนาแปลงปลูกข้าวด้วยนวัตกรรมปฏิทินเพาะปลูก”
ตอนนี้มองไปทางไหนก็มีแต่นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตเราได้มากขึ้นในทุกๆ ด้าน อย่างแวดวง ‘การเกษตร’ เอง ก็มีนวัตกรรมเจ๋งๆ พัฒนาอยู่ตลอด วันนี้จะพามารู้จักกับโครงการ ‘คูโบต้า กล้า ท้า ปลูก ปีที่ 2’ กัน แล้วจะเห็นเลยว่าตอนนี้โลกการเกษตรของเราพัฒนาไปแบบล้ำๆ มากจริงๆ
เหมือนที่สยามคูโบต้า ร่วมกับ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดโครงการ คูโบต้า กล้า ท้า ปลูก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “นารักษ์โลก” เฟ้นหานักพัฒนาแปลงเพาะปลูกข้าว โดยใช้บันทึกปฏิทินการเพาะปลูก หรือ KAS Crop Calendar On LINE เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการได้แบบ Real Time แม่นยำและมีแบบแผนตลอดการเพาะปลูก ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดินไปจนถึงการเก็บเกี่ยว รวมถึงส่งเสริมการทำนาเปียกสลับแห้ง ช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดการปล่อยก๊าซมีเทน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ
โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อช่วยพัฒนาความรู้ในด้านการทำเกษตรให้เกษตรกรยุคใหม่ ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อลดการใช้ทรัพยากร รักษาสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดความยั่งยืนแก่ภาคการเกษตร โดยสามารถสร้าง Smart Farmer หน้าใหม่ให้กับวงการเกษตรเพิ่มขึ้น และเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนได้ด้านลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอีกด้วย
จากผลตอบรับเป็นอย่างดีจากเกษตรกรในปีแรก เรียกได้ว่าปังสุดๆ จึงนำมาสู่การ ต่อยอดเพื่อขยายองค์ความรู้ให้ผู้เข้าร่วมโครงการในปีต่อๆ ไปได้
นวัตกรรม KUBOTA Agri Solutions หรือ KAS เกษตรครบวงจร ใช้บันทึกปฏิทินการเพาะปลูก หรือ KAS Crop Calendar On LINE ช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการได้แบบ Real Time แม่นยำและมีแบบแผนตลอดการเพาะปลูก ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดินไปจนถึงการเก็บเกี่ยว รวมถึงส่งเสริมการทำนาเปียกสลับแห้ง ช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดการปล่อยก๊าซมีเทน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ
ซึ่งเกษตรกรที่ได้รับรางวัลจากปีที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จจากการใช้เทคนิคการเพาะปลูกผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรโดยผู้ชนะเลิศในปีที่ 1 คือ อิท-อิทธิพัทธ์ เอี่ยมสมาน Young Smart Farmer จากจังหวัดสิงห์บุรี สามารถลดต้นทุนได้ถึง 18 เปอร์เซ็นต์ ผลผลิตเพิ่มขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ และมีกำไรถึง 35 เปอร์เซ็นต์ โดยหลังจากเข้าโครงการนี้ก็ได้รับคำแนะนำในการทำนามากขึ้น มีสยามคูโบต้าช่วยแนะนำขั้นตอนต่างๆ และยังได้นวัตกรรมปฏิทินเพาะปลูก อย่าง ‘KAS Crop Calendar on LINE’ ไปเป็นตัวช่วยในการบันทึกรายรับรายจ่าย ดูข้อมูลย้อนหลังในแต่ละฤดูกาล และเรียนรู้การใช้โซเชียลมีเดียที่มีในการช่วยส่งต่อความรู้ให้เกษตรกรท่านอื่นๆ ด้วย
ส่วนทางด้านรองชนะเลิศ เอ้-พิจาริณี รักศรี Young Smart Farmer จากจังหวัดนครสวรรค์ ที่ผันตัวเองจากงานประจำ กลับมาช่วยครอบครัวทำการเกษตรอย่างเต็มตัวก็ได้เริ่มใช้เครื่องจักรของคูโบต้ามาใช้เพื่อช่วยลดแรงงานคน อีกทั้งมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการทำนา และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา จนได้รับคัดเลือกให้เป็นต้นแบบ Young Smart Farmer ในเรื่องของการทำนาเพิ่มมูลค่าในปี 2558 และเมื่อมาเข้าร่วมโครงการนี้ก็ยังได้เทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยในการทำนา โดยเฉพาะปฏิทินเพาะปลูก ‘KAS Crop Calendar on LINE’ มาช่วยจดบันทึกการทำนา เสมือนตำราของการทำนาในรูปแบบดิจิทัล ที่ช่วยให้การทำนาเป็นระบบมากขึ้น
สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568 เพียงแค่มีความสนใจ และมีคุณสมบัติตามนี้ก็สมัครได้เลย!
- เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ หรือเป็นเกษตรกรในโครงการ Young Smart Farmer (ผู้สมัครต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยสามารถลงทะเบียนได้ผ่านช่องทาง https://farmer.doae.go.th/)
- รวมกลุ่มแข่งขันประเภททีม จำนวน 3 คน โดยมีอายุระหว่าง 20-50 ปี (ต้องมีเกษตรกรอายุระหว่าง 20-40 ปี อย่างน้อย 1 คน)
- มีพื้นที่เข้าร่วมแข่งขันเพาะปลูกข้าว จำนวน 1-5 ไร่/คน (โดยพื้นที่แปลงของผู้เข้าแข่งขันต้องอยู่ในอำเภอเดียวกัน)
- เพาะปลูกข้าวด้วยวิธีการดำนาหรือหยอดเมล็ด และใช้เครื่องจักรกลการเกษตรของคูโบต้าในการเพาะปลูกทุกขั้นตอน
- เริ่มฤดูกาลเพาะปลูกในเดือนมิถุนายน 2568 และเก็บเกี่ยวภายในวันที่ 10 ธันวาคม 2568
- สามารถใช้สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ในการบันทึกข้อมูลผ่านบันทึกปฏิทินการเพาะปลูก หรือ KAS Crop Calendar on LINE
- อัดคลิปวิดีโอแสดงความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมทีมทั้ง 3 คน ในหัวข้อ ‘คุณอยากเปลี่ยนแปลงวิธีการทำเกษตรให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างไร’ จำนวน 1 คลิป ความยาว 1-2 นาที
ถ้าสมัครแล้ว สามารถรอติดตามผลการคัดเลือกรอบ 20 ทีม ได้ในวันที่ 20 มีนาคม 2568 เวลา 19.00 น. ผ่าน Facebook Fanpage: Siam Kubota และ LINE Official Account: @kubotaklataplook ได้เลย
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจมากๆ และเป็นโอกาสที่ดีของเกษตรกรยุคใหม่ ที่จะได้เรียนรู้องค์ความรู้ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อปรับตัวไปตามโลกที่เปลี่ยนไปของการเกษตร ช่วยสร้างรายได้ แถมยังส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนและช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วย เรียกได้ว่าวินวินกันทุกฝ่ายเลย