“กลอยเอ๋ย กลอยใจ
คอยใครคนหนึ่งคืนกลับมา
คอยเอ๋ย คอยใคร
คอยใจที่หายไปให้เติมต่อ
เฝ้าคอยหัวใจให้เต็มดวงให้ความรักเราจงเจริญ…”
ช่วงท้ายของเพลง ‘กลอยใจ’ ที่กำลังขับร้องโดยกุลจิรา คงทอง หรือ “เอ้ The Voice” จบลงในค่ำคืนวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ณ จุดปักหลักชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ฝั่งศาลเจ้าพ่อกรมหลวงชุมพร อุดมศักดิ์ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล เรามีโอกาสเข้าไปฟังและพูดคุยกับเอ้ช่วงเวลาสั้นๆ ถึงการเข้าร่วมแสดงออกผ่านเสียงดนตรีครั้งนี้
ทำไมเอ้ถึงออกมาร่วมการแสดงเพื่อ #Saveบางกลอย
เพราะเราเห็นชัดหลายอย่างตั้งแต่กรณีบิลลี่ แล้วเริ่มมีการเผาไล่ที่จากสถานที่ที่เป็นบ้านของเขา แล้วก็เรื่องสัมปทาน เรื่องอะไรต่ออะไรเข้ามา คือมันควรจะเป็นบ้านของเขา เพราะเขาไม่สามารถไปทำกินที่อื่นได้ ซึ่งเราจะเอาบรรทัดฐานของเราไปตัดสินไม่ได้ว่าเขาต้องทำและต้องอยู่แบบนี้ เขาอยู่กันมาเป็นร้อยปีแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาอยู่ได้คือการให้เขาได้กลับบ้าน คือป่า…
เพราะเขาไม่ใช่คนตัดไม้ทำลายป่า เขาคือคนที่ทำไร่ทำนา คนสามารถอยู่กับป่าได้
แล้วความอยุติธรรมมันเยอะ…ไม่ว่าการกระทำที่ดูเหมือนว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ ทำเหมือน human zoo
อย่างเช่นการเอาเขาไปโกนหัว หรือเข้าไปจับปั๊มลายนิ้วมือ ไม่ให้เจอทนายโดยที่เขาไม่รู้ภาษาไทย
มันก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเรื่องพวกนี้มันน่าจะกระจายให้คนรู้และตระหนักเยอะขึ้น
คุณเห็นอะไรในบางกลอย
เรายังไม่เคยไปบางกลอย แต่เราทำงานกับคนที่สัมผัสคนบางกลอยและคนที่ดำเนินการเรื่องนี้หลายคน รวมทั้งคนบางกลอยที่พูดไทยได้ เราได้สัมผัสว่ามันก็คือวิถีชีวิตเขา ที่เราอยากบอกคือ คนก็คือคน…
ทำไมคนเมืองอย่างเอ้ถึงสนใจคนที่อยู่ในป่า
เราสนใจหลายเรื่อง ทั้งการเมือง ชาติพันธุ์ และเรื่องอะไรต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น เรารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเรื่องเดียวกัน การทำคนให้เป็นคน การทำความอยุติธรรมให้กลายเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เรารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก
คิดอย่างไรเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่า
การอนุรักษ์ป่าควรมีอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าควรอนุรักษ์ยังไง?
ถามว่าถ้าจะอนุรักษ์ตั้งแต่แรก มันมีหลายอย่างนะที่ส่งผลกระทบใหญ่ๆ มากกว่าคนบางกลอยที่เขาอยู่กับธรรมชาติ เช่น คนที่มียศมีศักดิ์ไปรุกรานตัดไม้ทำลายป่า แล้วพวกเขื่อนหรืออะไรที่ไม่ควรสร้าง และหลายๆ อย่างที่ทำให้เกิดมลพิษทำไมไม่ไปรักษาอะไรตรงนั้น ทำไมถึงเงียบ ทำไมต้องรุนแรงกับคนที่เขาอยู่ในที่ที่เขาอยู่มาตั้งนานแล้วเราก็เลยอยากมาตรงนี้ รู้สึกว่าถ้าช่วยอะไรได้สักนิดสักหน่อย เป็นกระบอกเสียงให้มันขยายไปเรื่อยๆ ก็น่าจะมีประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง
สุดท้ายพรุ่งนี้ที่ดีกว่าของเอ้คือพรุ่งนี้ที่…
พรุ่งนี้ที่ดีกว่าสำหรับเรา…แล้วก็สำหรับประเทศด้วยนะคะ คือการที่คนหันมาใส่ใจเรื่องที่มันไม่ถูกไม่ควรเยอะขึ้น
เรื่องที่มันควรจะได้รับการแก้ไข ไม่ใช่ว่ามีสิ่งที่มันผิดปกติแล้วกลับบอกให้มันเป็นเรื่องธรรมดาต่อไป
มันอาจจะใช้เวลามาก แต่ถ้าคนฉุกคิดขึ้นมาวันละคน หรือค่อยๆ พยายามทำความเข้าใจในเรื่องที่มันผิดปกติเกี่ยวกับชีวิตคน เช่น เรื่องคนหาย… อย่าให้มันเป็นเรื่องปกติ อย่าทำตัวไม่สนใจ เพราะวันหนึ่งมันจะเข้ามาใกล้ตัวเราขึ้นเรื่อยๆ เราว่าแค่นี้…พรุ่งนี้ก็คงดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ