2 Min

ความแตกต่างระหว่างการลดน้ำหนักแบบคีโต VS IF

2 Min
5445 Views
12 Apr 2021

Select Paragraph To Read

  • วิธีการลดน้ำหนักแบบคีโต (Keto) คืออะไร?
  • วิธีการลดน้ำหนักแบบ IF (Intermittent Fasting) คืออะไร?
ช่วงหลังมานี้เทรนด์เรื่องการดูแลสุขภาพกำลังมาแรง พร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ผู้คนสามารถศึกษาหาวิธีดูแลสุขภาพได้มากมาย แน่นอนว่าการลดน้ำหนักในสมัยนี้ ก็ต้องเป็นวิธีที่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน
 
วันนี้จะมีสรุปวิธีความแตกต่างของการลดน้ำหนักแบบคีโต (Keto) กับ IF (Intermittent Fasting) ให้อ่านกัน
 
 

วิธีการลดน้ำหนักแบบคีโต (Keto) คืออะไร?

‘Ketogenic’ เป็นคำเรียกของอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ แนวคิดคือ ให้ผู้ทานได้รับแคลอรี่มากขึ้นจากโปรตีน ไขมัน และรับแคลอรี่น้อยลงจากคาร์โบไฮเดรต โดยลดการทานคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย เช่นน้ำตาล โซดา ขนมอบ และขนมปังขาวให้มากที่สุด
 
วิธีการทำงานของการลดน้ำหนักแบบคีโต คือเมื่อคุณทานคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า 50 กรัมต่อวัน ร่างกายของคุณก็จะหมดพลังงาน (น้ำตาลในเลือด) ที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปจะใช้เวลา 3-4 วัน จากนั้นคุณจะเริ่มสลายโปรตีน และไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงาน ซึ่งจะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ สิ่งนี้เรียกว่า ‘Ketosis’
 

วิธีการลดน้ำหนักแบบ IF (Intermittent Fasting) คืออะไร?

IF (Intermittent Fasting) หรือการอดอาหารเป็นช่วงเวลา เป็นรูปแบบการรับประทานอาหารที่วนรอบระหว่างช่วงเวลาของการอดอาหาร และการรับประทานอาหาร หรือการรับประทานอาหาร 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง จะไม่กำหนดว่าควรรับประทานอาหารชนิดใด แต่กำหนดเป็นช่วงเวลาที่ควรรับประทานแทน
 
แล้วความแตกต่างของการลดน้ำหนักแบบคีโต (Keto) กับ IF (Intermittent Fasting) มีอะไรบ้าง?
 
ถ้าสรุปความแตกต่างของการลดน้ำหนัก 2 วิธีนี้แบบง่ายๆ จะเป็นดังนี้
 
กระบวนการลดน้ำหนัก
 
แบบคีโต: วิธีการลดน้ำหนักแบบคีโตจะจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรต และเน้นทานอาหารที่มีไขมันแทน ทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดคีโตสีส (Ketosis) และดึงไขมันมาเป็นแหล่งพลังงานหลัก ตับจะผลิตสารคีโตนขึ้นมา ซึ่งก็จะถูกนำไปใช้เป็นพลังงานของร่างกายด้วยเช่นกัน
 
แบบ IF: วิธีการลดน้ำหนักแบบ IF ช่วยให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายดีขึ้น โดยช่วงที่เราอดอาหารระดับอินซูลินจะลดลง ระดับ Growth Hormone สูงขึ้น จึงทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่มาช่วยเผาผลาญไขมัน เท่ากับว่าเรากินน้อยลง และเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น การอดอาหารระยะสั้นๆ สลับกันไปนี้แบบนี้ จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายได้ 3.6-14% เลยทีเดียว ซึ่งยังช่วยลดไขมันสะสมรอบเอว (Belly fat) ลงด้วย
 
เหมาะกับใคร?
 
แบบคีโต: คนที่อยากลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว คนที่ชอบทานอาหารติดไขมัน ไม่ชอบคำนวณแคลอรี่ ไม่มีโรคประจำตัว และไม่เหมาะกับบุคคลที่ทำงานแบบใช้พลังงานเยอะเนื่องจากในระยะแรกอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย
 
แบบ IF: คนที่อยากลดน้ำหนักในระยะยาว คนที่ไม่ชอบทานมื้อเช้า หรือคนทำงานที่ต้องตื่นสาย หรือสำหรับคนที่ลดน้ำหนักแบบอื่นแล้วน้ำหนักค้าง การทำ IF ร่วมก็จะช่วยให้ลดน้ำหนักให้ลงมาอีกได้ด้วย
 
ข้อควรระวัง
 
แบบคีโต: ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลิน ผู้ป่วยโรคความดัน และ ผู้ป่วยที่มีไขมันในเลือดสูงผิดปกติ
แบบ IF: ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำตาลในเลือด
 
ถึงอย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักที่ดีก็ควรจะส่งเสริมให้สุขภาพเราแข็งแรงควบคู่กันไปด้วย หากจะลดน้ำหนักแบบจริงจัง ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายคู่ไปด้วย เพราะถ้าทำผิดวิธีนอกจากจะไม่ผอมแล้ว สุขภาพยังเสียอีกด้วยนะ!
 
อ้างอิง:
  • WebMD. What’s a Ketogenic Diet?. https://bit.ly/3uje1ez
  • NASA. NASA Rules Out Earth Impact in 2036 for Asteroid Apophis. https://go.nasa.gov/3u4Crs9
  • Bestreview Asia. ลดน้ำหนักวิธีไหนดี คีโต IF นับแคลอรี่…แบบไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์เราที่สุด. https://bit.ly/39xImhC