‘กมลา แฮริส’ คือใคร? จากลูกผู้อพยพผิวสีสู่ตัวแทนผู้ท้าชิงรองประธานาธิบดีฝั่งพรรคเดโมแครต
ในสนามท้าชิงประธานาธิบดีอเมริกาโค้งสุดท้าย ฝั่งโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงสู้ท้าชิงประธานาธิบดีคู่กับไมค์ เพนซ์ คู่หูรองประธานาธิบดีของเขาตั้งแต่สมัยที่แล้ว ส่วนฝั่งพรรคเดโมแครต สุดท้ายก็ส่ง โจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสมัยบารัก โอบามา มาท้าชิง
การเมืองอเมริกาดูเหมือนจะมีแต่คนหน้าเดิมๆ มาลงสนาม …ยกเว้นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ กมลา แฮริส (Kamala Harris)
1.
ก่อนหน้านี้ กมลา แฮริส มีชื่อเสียงในฐานะวุฒิสมาชิกที่เป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกของอเมริกา แม้ว่าเธอเพิ่งจะได้ตำแหน่งนี้ในปี 2017 แต่เธอก็มีบทบาทโดดเด่นในสภาอย่างมาก และเป็นนักการเมืองหน้าใหม่มาแรง และพอได้ลงท้าชิงรองประธานาธิบดีอีกก็ยิ่งโดดเด่น
เพราะนั่นหมายความว่าถ้า โจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีแล้วเสียชีวิตในตำแหน่ง (ไบเดนอายุอานามเกือบ 80 ปีแล้ว) กมลา แฮริส ก็จะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน
ถ้าเป็นจริง เธอจะเป็นประธานาธิบดีผู้หญิงคนแรกของอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังเป็นประธานาธิบดีผู้หญิงคนดำและคนเอเชียคนแรกไปพร้อมกันด้วย เนื่องจากเธอเป็นลูกครึ่ง ซึ่งก็เข้ากับบรรยากาศการต่อสู้เพื่อสิทธิคนดำและคนกลุ่มน้อยในอเมริกาตอนนี้มาก
ก่อนจะจินตนาการกันไปไกล เรามารู้จักเธอให้มากขึ้นก่อนดีกว่า
2.
กมลา แฮริส เกิดที่รัฐแคลิฟอร์เนียในปี 1964 พ่อของเธอเป็นนักเศรษฐศาสตร์ผิวดำจากจาไมกา แม่ของเธอเป็นนักวิจัยด้านมะเร็งจากอินเดีย จากภูมิหลังนี้ นอกจากจะเห็นได้ว่าพ่อแม่เธอเป็นคนระดับปัญญาชนแล้ว ทั้งคู่ยังเป็นผู้อพยพและมีเชื้อสายที่ไม่ใช่คนขาวด้วย
กล่าวคือ เธอเป็นลูกครึ่งที่เกิดจากผู้อพยพที่เป็นคนดำและคนอินเดีย
ถ้าจะเอาเกร็ดมากกว่านั้น พ่อแม่ของเธอพบกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย และพบรักกันในขบวนการนักศึกษาช่วง 1960’s ดังนั้น กมลา แฮริส จึงเรียกได้ว่า เธอไม่ใช่เป็นลูกของผู้อพยพจากสองทวีปที่มาเจอกันในอเมริกาเท่านั้น แต่เธอยังเป็นผลผลิตของขบวนการนักศึกษายุครุ่งเรืองอีกด้วย
แม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะมีการศึกษาสูง แต่เขาและเธอก็เลิกกันตอนกมลา 7 ขวบ แม่ของเธอต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำหน้าที่เลี้ยงเธอและน้องสาวมานับแต่นั้น
ด้วยความเป็นผู้อพยพในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว ในวัยเด็กเธอก็อาศัยอยู่ในย่านคนจน ซึ่งเป็นย่านคนดำนั่นเอง ดังนั้นเธอจึงโตมาในชุมชนคนดำ และหล่อหลอมให้กมลาถืออัตลักษณ์ว่าเธอเป็นคนดำมาตลอด แม้ว่าเธอจะถูกเลี้ยงมาโดยแม่ที่เป็นคนอินเดียและมีชื่อแบบคนอินเดียก็ตาม
3.
เมื่อโตมาเป็นวัยรุ่น แม่ของเธอได้งานนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยในเมืองมอนทรีอัล รัฐควิเบค ประเทศแคนาดา เธอกับน้องก็เลยย้ายตามแม่และเรียนจบมัธยมที่แคนาดา ก่อนจะย้ายกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกา ซึ่งสุดท้ายเธอก็เรียนจบนิติศาสตร์ และกลับไปเป็นอัยการที่ “บ้านเกิด” ของเธอซึ่งก็คือรัฐแคลิฟอร์เนีย
ทว่าครอบครัวของเธอไม่แฮปปี้ที่เธอเป็นอัยการเท่าไร เพราะถือว่าไม่เป็นอาชีพที่ดี แต่นี่คือสิ่งที่กมลาจงใจเลือกที่จะเป็น เพราะเธอต้องการจะเปลี่ยนระบบยุติธรรมของอเมริกาจากภายใน
ในปี 2003 หลังจากสะสมประสบการณ์แก่กล้า เธอลงสมัครเลือกตั้งอัยการเขต (ในอเมริกา อัยการระดับสูงๆ มาจากการเลือกตั้ง เพราะเขาถือว่าประชาชนต้องมีส่วนร่วมกับระบบยุติธรรม) และเธอก็ชนะ ชัยชนะครั้งนี้ทำให้กมลาวัย 39 ปี ได้สถิติผู้หญิงคนดำคนแรกที่ได้เป็นอัยการเขตของรัฐแคลิฟอร์เนีย
ในการเป็นอัยการเขต เธอได้แสดงผลงานอย่างโดดเด่น เพราะอัตราการดำเนินคดีจนสิ้นสุดในเขตที่เธอดูแลพุ่งพรวดจาก 52% เป็น 67% ซึ่งแสดงถึงการมีประสิทธิภาพมากขึ้นของระบบการดำเนินคดีด้านอาชญากรรม
4.
กมลาได้เป็นอัยการเขตติดกันสองสมัย จนกระทั่งในปี 2010 เธอก็ลงเลือกตั้งท้าชิงตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐ และเธอก็ชนะไปตามระเบียบ ทำให้เธอเป็นผู้หญิงคนดำและผู้หญิงเอเชียคนแรกที่ได้ตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียไปพร้อมกัน
นี่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพรรคเดโมแครตด้วย เพราะภูมิหลังของเธอ นอกจากจะเป็นผู้หญิงที่มีความ ‘หลากหลาย’ ตั้งแต่เชื้อชาติแล้ว เธอยังเป็นผู้ต่อต้านโทษประหารชีวิตตัวยงอีกด้วย
ในตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐ เธอมีวีรกรรมเด่นๆ ในการปกป้องไม่ให้คนแคลิฟอร์เนียโดนยึดบ้านอันเป็นผลต่อเนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2008 โดยทำการสู้เพื่อให้ได้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางมากขึ้นจนสำเร็จ
นอกจากนี้ เธอก็ยังได้สร้างฐานข้อมูลกระบวนการยุติธรรมออนไลน์เพื่อให้ระบบยุติธรรมของรัฐแคลิฟอร์เนียโปร่งใสขึ้นด้วย
หลังจากได้เป็นอัยการสูงสุดของรัฐ ตำแหน่งต่อไปที่เธอลุยก็คือ วุฒิสมาชิกแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย และเธอก็สามารถชนะวุฒิสมาชิกคนเก่าที่ดำรงตำแหน่งมา 20 ปีได้
ในปี 2016 นั้นเอง กมลา แฮริส ก็กลายเป็นวุฒิสมาชิกหญิงผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์อเมริกา (แต่ไม่ใช่วุฒิสมาชิกผู้หญิงคน ‘เอเชีย’ คนแรก เพราะก่อนหน้านี้มีมา 2 คนแล้ว หนึ่งในนั้นคือ แทมมี่ ดั๊กเวิร์ธ ลูกครึ่งไทยที่คนไทยบางคนอาจรู้จักแล้ว)
กมลา แฮริส ได้เป็นวุฒิสมาชิกพร้อมๆ กับที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดี และบทบาทที่อเมริกันชน ‘ประทับใจ’ เธอก็คือบทบาทในการขัดแข้งขัดขาโดนัลด์ ทรัมป์ มาตลอดการเป็นประธานาธิบดี เรียกได้ว่าเมื่อเธอมีอำนาจ เธอเข้าขัดขวางสิ่งอันไม่เข้าท่าที่ทรัมป์พยายามจะทำตลอด โดยเฉพาะในตอนที่ทรัมป์จะตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่ ที่เธอวิจารณ์ได้อย่างถึงพริกถึงขิงจากประสบการณ์ในชีวิตเธอที่คลุกคลีกับแวดวงยุติธรรมมาตลอด
เรียกได้ว่าในปี 2019 วุฒิสมาชิกหน้าใหม่ผู้นี้ก็กลายเป็น ‘เซเล็บ’ ในสภาอเมริกันไปแล้ว ในระดับที่สามารถลงแข่งเป็นผู้ท้าชิงประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตได้อย่างไม่เคอะเขิน
แม้ว่าสุดท้าย เธอจะยอมถอยไปสนับสนุนโจ ไบเดน จนโจ ไบเดน ได้เป็นตัวแทนพรรคในที่สุด
5.
สิงหาคม 2020, โจ ไบเดน ประกาศชื่อเธอว่า เป็นผู้ร่วมท้าชิงรองประธานาธิบดีร่วมกับเขาในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดี
หลายๆ คนบอกว่า “ไม่พลิกโผ” เท่าไร เนื่องจากภูมิหลังและนโยบายของไบเดนนั้นคล้ายกับทรัมป์มาก ทั้งคู่เป็นชายแก่ผิวขาวที่มีจุดยืนทางเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศคล้ายๆ กัน แค่มาจากคนละพรรคกัน
จุดนี้ทำให้ โจ ไบเดน น่าจะต้องการผู้ลงท้าชิงประธานาธิบดีร่วมที่จะมาสร้างความสมดุลและ ‘ความหลากหลาย’
และดูเหมือนว่า กมลา แฮริส ดูจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เพราะเธอไม่ใช่แค่ผู้หญิงนักการเมืองที่กำลังรุ่ง แต่เธอเป็นลูกของผู้อพยพและเป็นลูกครึ่งคนดำและคนอินเดียด้วย
กล่าวคือ ด้วยภูมิหลัง กมลา แฮริส เป็นทุกอย่างที่ โจ ไบเดน ไม่ได้เป็น และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการที่สุด
แน่นอน ไม่มีใครรู้ผลเลือกตั้งล่วงหน้าได้ แต่การได้เป็นผู้ท้าชิงรองประธานาธิบดีของ กมลา แฮริสนั้นก็ดูจะเป็นก้าวสำคัญของทั้งผู้หญิง คนดำ และคนเอเชียไปพร้อมกัน
และนี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่เธอได้มาอยู่ตรงนี้
อ้างอิง:
- Politico. 55 Things You Need to Know About Kamala Harris. https://politi.co/3htorSe