นกคาคาโป หรือที่ชาวเมารีเรียกว่า ‘kākāpō’ ที่แปลตรงตัวว่า ‘นกแก้วกลางคืน’ เป็นนกแก้วขนาดใหญ่ที่พบได้เฉพาะในนิวซีแลนด์ มีรูปร่างกลมป้อม ใบหน้าคล้ายนกเค้าแมว และหนักได้ถึง 4 กิโลกรัม ทำให้น้องได้ฉายาว่า ‘นกแก้วที่อ้วนที่สุดในโลก’
สิ่งที่น่าทึ่งคือคาคาโปถูกจัดเป็นนกแก้วที่มีอายุยืนที่สุดในโลก บางตัวสามารถมีชีวิตได้ถึงเกือบ 100 ปี เลยทีเดียว!
ที่ตลกคือ คาคาโปเป็นนกที่บินไม่ได้นะ! ปีกของมันมีไว้แค่ช่วยทรงตัวตอนกระโดดลงจากต้นไม้เฉยๆ แต่น้องเดินได้ไกลและปีนป่ายเก่งมาก สามารถเดินหาของกินได้ไกลหลายกิโลเมตรเลย
พฤติกรรมการผสมพันธุ์ของคาคาโปก็น่าสนใจ เพราะน้องเป็นนกแก้วเพียงชนิดเดียวที่ใช้วิธี ‘lekking’ คือตัวผู้จะไปรวมตัวกันในลานโล่งๆ แล้วขุดหลุมเล็กๆ ส่งเสียงต่ำๆ สลับกับเสียงสูงแหลมเพื่อดึงดูดตัวเมีย บางครั้งก็ร้องติดต่อกันนานหลายชั่วโมงตลอดช่วงฤดูผสมพันธุ์
พวกมันจะผสมพันธุ์กันในทุกๆ 2-4 ปี ในช่วงที่ต้นริมูซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นของนิวซีแลนด์เริ่มออกผล ซึ่งผลเบอร์รีเหล่านี้นี้เต็มไปด้วยแคลเซียมและวิตามินดี จึงเป็นสารอาหารชั้นดีสำหรับการวางไข่และบำรุงลูกนกที่กำลังเติบโต
อีกอย่างที่พิเศษสุดๆ ก็คือ คาคาโปมีกลิ่นตัวเฉพาะที่หอมหวานเหมือนดอกไม้และใบไม้ และกลิ่นนี้สำคัญมากตอนที่พวกมันกำลังจะหาคู่
และในเวลาที่พวกมันเจอกับศัตรูหรือภัยอันตราย น้องจะยืนแข็งทื่ออยู่กับที่เพื่อพรางตัว เพราะขนสีเขียวมรกตแซมด้วยจุดด่างทำให้ดูกลมกลืนกับต้นไม้ แต่บางครั้งก็กลายเป็นจุดอ่อน เพราะบินไม่ได้และชอบยืนนิ่งๆ เวลาเจออันตราย ถ้าถูกจับได้น้องก็มักจะไม่รอด
ในอดีต คาคาโปยังมีจำนวนมาก อาศัยอยู่ทั่วป่านิวซีแลนด์ เพราะในเวลานั้นยังไม่มีสัตว์นักล่าตามธรรมชาติ แต่พอมีมนุษย์เข้ามา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป คาคาโปถูกล่าเพื่อเอาเนื้อและขน และเมื่อชาวยุโรปมาตั้งรกรากในนิวซีแลนด์ ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะดันเอาสัตว์นักล่าอย่างแมว หมา และตัวสโทธ (สัตว์ตระกูลพังพอน) เข้ามาด้วย
จำนวนคาคาโปจึงลดลงอย่างน่าตกใจ จากที่เคยมีอยู่ทั่วเกาะ ก็เหลือเพียงไม่ถึง 50 ตัว และเกือบจะสูญพันธุ์ โชคดีที่ในปี 1970 นักอนุรักษ์ค้นพบฝูงคาคาโปที่ยังสามารถเพาะพันธุ์ได้ราว 200 ตัว จึงเร่งย้ายไปยังเกาะที่ปลอดภัย พร้อมออกมาตรการดูแลเข้มข้น ตั้งแต่ให้อาหารเสริมเพื่อตั้งท้องง่ายขึ้น ติดเครื่องติดตามนกทุกตัว ไปจนถึงช่วยฟักไข่และป้อนอาหารลูกนก
ทุกวันนี้ จำนวนคาคาโปก็เริ่มค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น กระทั่งปัจจุบันมีอยู่ราว 242 ตัว แม้ยังถูกจัดให้อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ แต่ก็เป็นสัญญาณอันดีว่าความพยายามของมนุษย์ในการปกป้องสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ นี้ อาจทำให้นกแก้วตัวอ้วนกลมชนิดนี้ยังอยู่กับพวกเราไปอีกนาน
อ้างอิง:
- Kākāpō: The chonky parrot that can live almost 100 years https://shorturl.asia/mHM4k