3 Min

Jeff Bezos กำลังลงทุนในเทคโนโลยี “รักษาการแก่ชรา” และนั่นอาจนำมาซึ่ง “ชีวิตอมตะ”

3 Min
463 Views
27 Sep 2021

Select Paragraph To Read

  • การทำธุรกิจกับความอมตะ
  • ความหวังในการพัฒนาโรคสมองเสื่อม

ณ ตอนนี้ เราน่าจะเรียกได้ว่า Jeff Bezos คือ “คนที่รวยที่สุดในโลก” ซึ่งถ้าหลายคนตามข่าวก็คงรู้ว่า เขา “เกษียณ” จากการเป็น CEO ของ Amazon แล้วในเดือนกรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา

แน่นอน คนระดับนี้ลงจาก CEO ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เขามาทำอย่างอื่น ซึ่งก็แน่นอนว่ามันมีหลายอย่างมาก โดยส่วนใหญ่คนก็จะจดจำ Blue Origin บริษัทด้านการเดินทางไปอวกาศ และยืนยันความเป็น “คู่กัด” ของ Bezos กับ Elon Musk ผู้ล่วงหน้า “ธุรกิจอวกาศ” ไปก่อนกับ SpaceX

แต่ทีนี้ Bezos ก็จะแค่เดินทางไปอวกาศเหรอ? คำตอบคือ “ไม่ใช่” เพราะเขาลงทุนหลากหลาย และสิ่งหนึ่งที่คนจับตามองมากๆ คือการลงทุนใน Startup ชื่อ Altos Lab ซึ่งคนก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไร แต่สื่อก็จะพาดหัวทำนองว่ามันเป็นบริษัทที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่จะทำให้ “เป็นอมตะ”

แน่นอน ฟังดูไม่ธรรมดา สื่อบางเจ้าก็ลงเหน็บแนมทำนองว่า “รวยที่สุดในโลกยังไม่พอ จะเป็นอมตะอีกเหรอ? ”

การทำธุรกิจกับความอมตะ

หลายคนอาจมีคำถามว่า “อมตะ” ที่ว่าคืออะไร? คำตอบเร็วๆ คือเทคโนโลยีที่จะทำการฟื้นฟูเซลล์ให้กลับเยาว์วัยอีกครั้ง หรือจะบอกว่ามันคือการ “รักษาความแก่ชรา” ในระดับเซลล์ก็ได้

อะไรพวกนี้ถ้าเราไม่คุ้นจะดูไซไฟมาก แต่จริงๆ มันเป็นสิ่งที่มนุษย์พัฒนากันมาพักใหญ่แล้ว โดยในทางการแพทย์ มันมีสาขาที่แยกออกมาโดยตรงเลยเรียกว่า Regenerative Medicine หรือการแพทย์เชิงฟื้นฟูสุขภาพ

ซึ่งแนวทางแบบนี้ หลักๆ คือการพยายามในทุกวิถีทางในการ “ฟื้นฟู” ความเสื่อมถอยของร่างกาย คือมันจะไม่ได้มองว่า “ความแก่ชรา” เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว แต่จะมองเป็น “โรค” ที่ต้องรักษา

และถ้าใครติดตาม ก็น่าจะรู้ว่า พัฒนาการมันเร็วมากๆ เพราะตอนนี้ในทางวิทยาศาสตร์ ลิมิตที่สำคัญของชีวิตมนุษย์ไม่ใช่เรื่องโรคภัยแล้ว เพราะอย่างน้อยๆ ด้วยทิศทางเทคโนโลยีที่มี การเอาชนะมะเร็งและโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่ไม่ไกลแล้ว เรียกได้ว่าไม่เกิน 10-20 ปี สองโรคนี้อาจไม่ใช่ “สาเหตุการตายอันดับต้นๆ ” ของมนุษยชาติอีก

แต่ประเด็นคือ พอหลุดพ้นสองโรคนี้ไป สิ่งที่จะยัง “ฆ่า” มนุษย์ได้แน่นอนก็คือความเสื่อมถอยของอวัยวะภายในต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมอง หัวใจ หรือกระทั่งตับไต

คืออวัยวะพวกนี้หยุดทำงานเมื่อไร ยังไงเราก็ตาย ซึ่งการผุพังและเสื่อมถอยของมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายมนุษย์ก็มีอายุใช้งานของมัน ถึงเวลามันก็ตาย และถึงเวลามันก็จะฟื้นตัวใหม่ไม่ได้

พูดง่ายๆ เราถูก “โปรแกรม” มาให้ตาย และสิ่งที่เรียกว่าการแพทย์เชิงฟื้นฟูสุขภาพ นั้นจริงๆ แล้วก็คือไอเดียว่าเราสามารถ “แฮก” ร่างกาย ไปเปลี่ยนโปรแกรมให้เราไม่จำเป็นต้องตาย ให้เซลล์เราสามารถฟื้นตัวได้อย่างไม่จำกัด และทำให้อวัยวะหลักๆ ของร่างกายเราทำงานต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่มีวันหมดอายุ

ความหวังในการพัฒนาโรคสมองเสื่อม

บางคนอาจจะมองว่าเทคโนโลยีพวกนี้เป็น “ของเล่นคนรวย” ที่ไม่รู้จักพอ แต่ในความเป็นจริง การพัฒนาพวกนี้มันจะนำไปสู่การรักษา “โรคที่รักษาไม่ได้” อย่าง “สมองเสื่อม” ที่แทบจะเป็นสิ่งที่ “คนแก่” หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

เพราะคนอายุเกิน 85 ปีราวครึ่งหนึ่งจะต้องพบกับภาวะ “สมองเสื่อม” และถ้าใครเคยดูแลคนที่มีภาวะ “สมองเสื่อม” ก็คงจะเข้าใจว่ามันเป็นโรคร้ายที่น่ากลัวมากๆ และเจ็บปวดมากๆ สำหรับคนรอบข้าง

และพวกเทคโนโลยีตระกูลฟื้นฟูสุขภาพนี่เองที่จะเป็นความหวังให้คนสามารถ “หาย” จากสมองเสื่อม หรือกระทั่งอาจ “ป้องกัน” ก่อนมันจะเกิดได้

ทั้งนี้ ก็ไม่ใช่แค่ Jeff Bezos เท่านั้นที่สนใจเรื่องชีวิตอมตะ เพราะก็มีเศรษฐีจำนวนมากทุ่มทุนในการวิจัยในเรื่องนี้เช่นกัน เช่น Peter Thiel ผู้บุกเบิก PayPal, Facebook และ Vitalik Buterin แห่ง Ethereum ก็ให้ทุนกับ SENS Research Foundation ที่เป็นสถาบันวิจัยเรื่องนี้มานานแล้ว (สถาบันนี้ก่อตั้งนำโดย Aubrey de Grey ที่เป็น “เจ้าพ่อ” ที่ศึกษาเรื่อง “การรักษาการแก่ชรา” นี้มาตั้งแต่ปี 2009) หรือ Google ก็มีบริษัทลูกชื่อ Calico ที่ทำด้านนี้โดยเฉพาะมาตั้งแต่ปี 2013

ดังนั้นการ “เข้าตลาด” ตอนนี้ของ Jeff Bezos จึงไม่มีอะไรใหม่เท่าไรสำหรับคนที่ติดตามเรื่องพวกนี้มาตลอด แต่ประเด็นคือถ้าระดับ “คนรวยที่สุดในโลก” กระโดดเข้ามาเล่นแล้ว ตลาดของ “ชีวิตอมตะ” ก็น่าจะเป็นตลาดที่แข่งขันโหดและน่าจับตามองไม่แพ้ตลาดของ “การเดินทางอวกาศ” ที่ต้องจับตามองในทศวรรษนี้เช่นกัน

อ้างอิง

  • IFLS. Billionaires Have Reportedly Invested In A BioTech Company Aiming To Reverse Aging. https://bit.ly/3i6yFuW