3 Min

ทำไม ‘กระเป๋านักเรียนประถม’ ของญี่ปุ่น ถึงราคาแพงกว่า 10,000 บาท และการเลือกซื้อแต่ละครั้ง ก็เป็น ‘เรื่องใหญ่’ ของทั้งครอบครัว

3 Min
167 Views
12 Jun 2024

ในปี 2014 ดาราสาวอเมริกัน โซอีย์ เดสชาเนล (Zooey Deschanel) ได้นำกระเป๋านักเรียนประถมญี่ปุ่นมาสะพาย ซึ่งการทำแบบนั้นของเธอในช่วงที่เธอยังดังสุดขีดก็ทำให้คนพยายามทำตาม ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าการถือกระเป๋านักเรียนประถม ตามดาราดังแห่งยุคมันน่าจะเฟี้ยวน่าดู และก็น่าจะไม่แพงอะไรหรอก 

แต่นั่นก็ทำให้ชาวโลกต้องช็อก เพราะชาวโลกไม่เคยรู้มาก่อนว่ากระเป๋านักเรียนญี่ปุ่นที่ดูเรียบๆ ไม่มียี่ห้อใดๆ ราคามันสูงถึงหลักหมื่นบาททั้งนั้น คือมีราคาเป็นสินค้าแบรนด์เนมเลย และนี่ก็คือราคามาตรฐานมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะจากผลสำรวจในปี 2022 กระเป๋านักเรียนประถมทั่วๆ ไปมีราคาใบละประมาณ 15,000 บาท หรือพูดง่ายๆ ก็คือเด็กประถมญี่ปุ่นใช้กระเป๋าราคาเป็นหมื่น

บางคนอาจบอกว่านี่เป็นเรื่องของการแสดงความมั่งคั่งแบบเงียบๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งก็อาจจะไม่ผิดที่จะพูดแบบนั้น แต่ถ้าเราจบแค่นี้เราก็จะไม่เห็นมิติต่างๆ ของกระเป๋านักเรียนประถมญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่า Randoseru

ว่ากันว่า randoseru เป็นคำที่มาจากภาษาดัตช์ว่า ransel แปลว่ากระเป้าเป้โดยญี่ปุ่นเริ่มรับเอาเป้มาใช้ช่วงสมัยปฏิรูปเมจิเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นพยายามเปลี่ยนสังคมให้เป็นแบบตะวันตก แต่ยุคโน้น Randoseru ไม่ได้หมายถึงกระเป๋านักเรียน แต่หมายถึงกระเป๋าของทหารของกองทัพญี่ปุ่นยุคใหม่ และเอาจริงๆ แล้วนักเรียนญี่ปุ่นก็แทบไม่มีการใช้เป้เลยในช่วงศตวรรษที่ 19 และครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 และถ้าสงสัยว่านักเรียนญี่ปุ่นขนหนังสือไปโรงเรียนยังไง คำตอบคือห่อผ้าไป โดยการเอาผ้าห่อของแทนกระเป๋าอันเป็นศาสตร์หนึ่งของญี่ปุ่นโบราณ ระดับที่มีการเรียกผ้าที่ใช้ห่อสัมภาระนี้ว่า Furoshiki

แล้ว Randoseru กลายมาเป็นกระเป๋านักเรียนประถมได้ยังไง? คำตอบเร็วๆ ก็คือ มันเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัว ญี่ปุ่นค่อยๆ กลายเป็นชาติที่มั่งคั่งมาก (ตอนพีกๆ คือรวยรองจากอเมริกา) และช่วงนี้เองที่นักเรียนชั้นประถมของญี่ปุ่นเริ่มใช้ Randoseru โดยในยุคแรก ผู้ชายจะใช้ Randoseru สีดำ ส่วนผู้หญิงจะใช้สีแดง

บางคนอาจเข้าใจว่าที่เป็นแบบนี้มันคือระเบียบ คำตอบคือไม่ใช่ โรงเรียนประถมญี่ปุ่นไม่ได้บังคับให้ใช้ Randoseru แต่มันเป็นธรรมเนียมของคนญี่ปุ่นเองที่จะซื้อ Randoseru ให้ลูกเมื่อเข้า ป.1 และตามธรรมเนียมลูกก็จะใช้กระเป๋าใบนี้ยาวๆ ไปจนจบ ป.6

แน่นอน เด็กเข้าเรียนประถมก็ต้องซื้อกระเป๋าใหม่ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เรื่องแปลกในสายตาของชาวโลกคือทำไมมันจึงแพงมากๆ?

คำตอบก็คือ มันก็เป็นธรรมเนียมเช่นกันของคนญี่ปุ่นที่จะใช้กระเป๋าเพียงใบเดียวจนจบชั้นประถม ดังนั้นกระเป๋ามันต้องแข็งแรงสุดๆ ซึ่งกระเป๋าแข็งแรง ก็ต้องแพงเป็นธรรมดา เพราะวัสดุมันต้องแข็งแรง และเนื่องจากญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ใช้ของในประเทศเป็นหลักและก็ไม่มีประเทศไหนใช้กระเป๋าเด็กประถมแบบญี่ปุ่น สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือที่เราเห็น Randoseru ที่เด็กญี่ปุ่นใช้ มันก็คืองานฝีมือญี่ปุ่นแท้ๆ แบบไม่ได้ใช้เครื่องจักรเย็บ แต่ใช้มือเย็บ และในแง่นี้มันก็น่าจะเป็นคำอธิบายพอว่าทำไม Randoseru ที่ขายๆ กันนั้นราคา 20,000 ขึ้นไปเป็นปกติ

แต่ความซับซ้อนยังไม่จบแค่นี้ 

ตามธรรมเนียมญี่ปุ่น คนที่จะมีหน้าที่จ่ายเงินซื้อ Randoseru ให้เด็กประถม คือปู่ย่าตายายของเด็ก แต่คนซื้อคือพ่อแม่ของเด็ก และคนที่ใช้ก็คือเด็ก โดยที่เขาสำรวจในปี 2022 กระเป๋าของเด็กประถมญี่ปุ่นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นกระเป๋าที่ปู่ย่าตายายซื้อให้ ดังนั้นกระบวนการเลือกกระเป๋ามันเลยอีนุงตุงนังมาก แบบต้องเรียกครอบครัว 3 รุ่นมาประชุมกันเลย โดยมีศัพท์เรียกกิจกรรมนี้ของครอบครัวว่า ran-katsu และนี่ก็ไม่ใช่คุยกันแป๊บๆ แบบนัดกินข้าวกัน คุยกัน แล้วไปซื้อเลย แต่เขาใช้เวลาคุยกันเป็นปีกว่าจะให้ทุกฝ่ายตกลงร่วมกันว่าประเป๋าแบบไหนคือกระเป๋าที่เหมาะที่สุดสำหรับเด็กญี่ปุ่นที่กำลังจะเข้าชั้นประถม

ทั้งหมดที่เล่ามาก็เรียกได้ว่ามันมีพิธีรีตองเยอะ สมเป็นธรรมเนียมญี่ปุ่นจริงๆ และก็อย่างที่บอก Randoseru ไม่ใช่สิ่งที่โรงเรียนจะบังคับให้เด็กใช้ แต่ถ้าเด็กคนไหนไม่มี Randoseru ก็จะแปลกประหลาดกว่าเพื่อน และนั่นน่าจะทำให้โดนเพื่อนล้อหรือแกล้งได้แน่ๆ และพ่อแม่ไปจนถึงปู่ย่าตายายก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น ก็เลยต้องซื้อ Randoseru อันแสนแพงให้

แน่นอนว่ายุคหลังๆ คนญี่ปุ่นเกิดน้อยลง ปีๆ หนึ่งมีเด็กประถมน้อยลง Randoseru ก็มียอดขายลดลง แต่เนื่องจากมันเป็นสิ่งจำเป็นในทางสังคม บริษัทผู้ผลิต Randoseru ก็เลยเพิ่มราคาเพื่อทดแทนยอดขายที่ลดลงนี้ และภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมันก็เลยมาตกอยู่ที่ปู่ย่าตายาย ไปจนถึงพ่อแม่ที่ไม่มีปู่ย่าตายายคอยซื้อกระเป๋าให้หลาน

แต่นั่นเอง สิ่งหนึ่งที่สะท้อนว่า Randoseru ราคาแพงเกินไปแล้ว ก็คือ ณ ปัจจุบัน มี Startup ให้นักเรียนญี่ปุ่นเช่า Randoseru ได้ โดยมีแพ็กเกจต่างๆ ให้จ่ายรายเดือนในเรตและสิทธิต่างๆ กัน เช่นจ่ายเยอะ ก็อาจได้สิทธิเปลี่ยนกระเป๋าได้ถี่กว่า เป็นต้น

โดยทั้งหมดนี้ ภาพรวมๆ ก็น่าจะเป็นขาลงของอุตสาหกรรม Randoseru ที่ลดความสำคัญลงไปในสังคมผู้สูงอายุ แต่มันก็คงยังไม่ได้หายไปไหน เพราะตราบใดที่คนญี่ปุ่นยังมีลูก และยังเข้าเรียนชั้นประถมในญี่ปุ่นอยู่ เด็กที่เข้าเรียน ป.1 ส่วนใหญ่ก็ยังคงจะได้ Randoseru ใบใหม่ไปเรียนอยู่ดี

อ้างอิง