รู้สึกอิจฉาคนอื่นปกติไหม? มันเป็นเพราะเราเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า และจะจัดการตัวเองอย่างไรเมื่อรู้สึก ‘อิจฉา’
เชื่อว่าในช่วงชีวิตเรา เราอาจจะเคยมีความรู้สึกอิจฉากันมาบ้าง อาจจะอิจฉาบางคนที่ประสบความสำเร็จ อิจฉาคนที่มีชีวิตที่ดี และอิจฉาที่เรายังไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้น จะอิจฉามาก อิจฉาน้อย อิจฉาบ่อย ก็แตกต่างกันออกไป
แต่ปัญหาก็คือ เราถูกสอนสั่งกันมาตลอดว่า ความรู้สึกเหล่านั้นเป็นสิ่งไม่ดี พอรู้สึกแบบนั้นก็ยิ่งเจ็บปวดหัวใจ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ จะปล่อยให้อิจฉาต่อไปก็รู้สึกแปลกๆ
ซึ่งความอิจฉาเองก็มีหลายแบบ แต่ความอิจฉาที่ค่อนข้างเป็นพิษก็คือ
การแสดงออกมาโดยการปฏิเสธ ตำหนิ เเละวิจารณ์คนที่เราอิจฉา เป็นการเเสดงทัศนคติเชิงลบต่อผู้อื่น แล้วทำไมเราถึงรู้สึกอิจฉา
ในบางครั้งความรู้สึกอิจฉาที่เป็นพิษเกิดจากการที่เราดูถูกตัวเองมากเกิน คิดว่าตัวเองยังดีไม่พอ ไม่ภาคภูมิใจในตัวเองเเละรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่เราเป็น ในขณะเดียวกันเราก็ไม่สามารถเป็นคนที่เราอยากจะเป็นได้ เป็นความรู้สึกที่เราพบสิ่งที่ต้องการแต่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยตัวเอง ความรู้สึกเหล่านี้จะกระตุ้นให้เราเกิดความโกรธ หงุดหงิด เเละไม่พอใจต่อตัวเอง จนเเสดงทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้อื่น
Albero Acosta ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัย Granada กล่าวว่า เมื่อเรารู้สึกอิจฉา เเละปรารถนาในสิ่งที่ผู้อื่นมี เเละเราเชื่อว่ามันไม่ยุติธรรมที่เราไม่สามารถมีมันได้ ด้วยความอิจฉาที่ครอบงำตัวเรานั้น ทำให้เราลืมสิ่งดีๆ ที่เคยทำมา เเละทำให้เราต้องทุกข์ใจ
แล้วเราเรียนรู้อะไรจากความอิจฉาได้บ้าง
ก่อนที่จะเรียนรู้จากความอิจฉาที่เกิดขึ้น เราจะต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าทำไมเราถึงรู้สึกอิจฉา เพราะจะช่วยให้เราสามารถหาวิธีที่จะเปลี่ยนเเปลงตัวเราได้ อีกทั้งเราได้ค้นหาตัวเองจากสิ่งที่เสียไป ไม่ว่าจะเป็นความพึงพอใจในตัวเอง เเละยังอาจค้นพบความสามารถของเราที่ซ่อนอยู่อีกด้วย
อาจจะลองพยายามเปลี่ยนความรู้สึกอิจฉาให้เป็นความรู้สึกชื่นชม ศึกษาทัศนคติเเละความกล้าหาญ ที่ทำให้คนเหล่านั้นประสบความสำเร็จ เป็นเหมือนการเปลี่ยนความรู้สึกเชิงลบไปเป็นเส้นทางแห่งการเรียนรู้
นอกจากนี้การชื่นชมผู้อื่น จะทำให้เราหยุดเปรียบเทียบตัวเราเองกับพวกเขาในเเง่ลบ ยังช่วยให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง เเละพัฒนาตัวเองได้มากขึ้น โดยการที่เราตั้งเป้าหมายเเละไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
หากมองในเชิงพุทธศาสนา การต่อสู้กับความอิจฉา คือ การชื่นชมเเละยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น ดังนั้น เเทนที่จะรู้สึกหงุดหงิดเเละโกรธ เรียนรู้ที่จะมีความสุขอย่างเเท้จริง จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น อันที่จริง การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด เเสดงให้เห็นว่า การทำสมาธิจะช่วยเพิ่มระดับความสุขให้กับตัวเรา
การชื่นชมคนอื่นก็เหมือนเป็นการมองภาพความสำเร็จของตัวเองผ่านคนอื่น เเละยังช่วยให้เราสามารถฝันได้ไกลกว่าที่เราจะทำด้วยตัวเอง เป็นเพราะว่าการรับรู้เเละสังเกตความสำเร็จของผู้อื่น จะช่วยเพิ่มเเรงจูงใจให้เราพัฒนาตัวเองเเละก้าวต่อไป
สุดท้ายนี้ หากเรามีความรู้สึกอิจฉาคนรอบข้าง ลองเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านั้นให้เป็นความยินดีเเละชื่นชมในความสำเร็จของพวกเขาดู เพียงเท่านี้ ความอิจฉาที่จะมาทำลายตัวเราก็จะเปลี่ยนให้เรามีความสุข เเละช่วยให้เราสามารถพัฒนาตัวเราต่อไปได้
อ้างอิง
- What Should You Do When You Feel Envy? .https://bit.ly/3H5jyfG