เป็นเอก รัตนเรือง เส้นทางชีวิตใหม่ จากการรีเมกหนังเก่าของตัวเองใน ‘เรื่องตลก 69 เดอะซีรีส์’

เป็นเอก รัตนเรือง เส้นทางชีวิตใหม่ ที่ได้จากการรีเมกหนังเก่าของตัวเองใน ‘เรื่องตลก 69 เดอะซีรีส์’

8 Min
426 Views
16 Sep 2023

“เพราะมนุษย์มันพาตัวเองไปสู่จุดหายนะได้เรื่อยๆ อีกหน่อยอาจจะถี่กว่า 20 ปีด้วย ไม่แน่ ทุกๆ 5 ปี เราอาจจะสร้างเรื่องตลก 69 เวอร์ชันใหม่ได้เรื่อยๆ”

ปี 2542 ‘เรื่องตลก 69’ คือภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของ ‘เป็นเอก รัตนเรือง’ ที่สร้างความฮือฮาอย่างมากเมื่อออกฉาย เพราะหนังพูดถึงช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งอย่างแสนสาหัส ขณะเดียวกันก็ท้าทายด้วยการนำนางเอกที่ภาพลักษณ์สวยใสให้มาเจอกับสถานการณ์ตลกร้ายในแบบไม่ทันคาดคิด 

24 ปีต่อมา หลังจากโลกเผชิญวิกฤตโรคระบาดมาหมาดๆ ‘เรื่องตลก 69’ ถูกนำกลับมาเล่าอีกครั้ง ด้วยเรื่องเดิม แต่เพิ่มบริบทและรายละเอียดใหม่ ผ่านสายตาที่เปลี่ยนไปของเป็นเอก แน่นอนว่ามีเรื่องราวที่คนอยากรู้มากมาย ว่าทำไมผู้กำกับที่ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ของคนทำหนังไทยที่มีสไตล์ของตัวเอง จึงเลือกที่จะรีเมกผลงานของตัวเอง 

วันนี้ BrandThink Cinema ได้รับโอกาสมาพูดคุยถึงมุมมองชีวิตในมุมกลับของเป็นเอก มาดูกันว่า 24 ปีผ่านไป แนวความคิดของเขา จะพลิกผันในแบบ 69 ตามชื่อเรื่องหรือไม่

6ixtynin9: The Series. Pen-Ek Ratanaruang (เป็นเอก รัตนเรือง) in 6ixtynin9: The Series. Cr. Courtesy of Netflix  2023

จุดเริ่มต้นของการรีเมก ‘เรื่องตลก 69’ คืออะไร

จริงๆ เป็นแรงบันดาลใจของทางไฟว์สตาร์ฯ นะ คือไฟว์สตาร์ฯ โทรมาหาผม แล้วถามว่าผมสนใจอยากจะทำเป็นซีรีส์ไหม จริงๆ Netflix สมัยที่เปิดมาในไทยใหม่ๆ ก็เคยชวนผมทำซีรีส์เหมือนกัน ซึ่งผมก็เคยคิดนะว่าน่าจะเอาหนังเรื่องตลก 69 มาทำ แต่พอเวลาผ่านไป ผมยุ่งด้วย ขี้เกียจด้วย พอไม่มีใครมาดันก้นเราโครงการนี้ก็เลยไม่เกิดขึ้น

แต่พอไฟว์สตาร์ฯ โทรมาชวนว่าสนใจทำเรื่องนี้ไหม มันก็เลยพอดีกับที่เราเคยคิดเอาไว้ ก็เลยสนใจ อีกอย่างคือเราไม่เคยทำซีรีส์ด้วยไง

จากปกติคุณทำแต่หนัง พอมาทำซีรีส์มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการการทำงานอย่างไรบ้าง

เปลี่ยน…เปลี่ยนเยอะเลย คือตอนแรกเราได้ยินจากน้องๆ ที่ทำซีรีส์มา ส่วนใหญ่ก็บอกกันว่ามันโหดร้ายมาก มาดูตัวเราเอง แม่งรู้สึกว่าตัวเองแก่เกินไปที่จะมานั่งทำซีรีส์ 16-18 ชั่วโมง อายุเรา 60 แล้วน่ะ มันไม่ได้

ตอนแรกเราก็เสนอว่า ขอเขียนบทอย่างเดียวได้ไหม แล้วให้ไฟว์สตาร์ฯ ไปหาผู้กำกับอายุน้อยๆ มาทำ เพราะถ้าผมลงมือทำเอง พิธีรีตองมันเยอะ…ทำเร็วๆ ไม่เป็น ตามประสาคนทำหนังน่ะนะ ก็เลยคิดว่าจะไม่กำกับ ซึ่งไฟว์สตาร์ฯ ก็ไม่ได้ว่าอะไรก็ให้เขียนไป จำได้เลยว่าช่วงนั้นโควิดมันกำลังแรงๆ เลย คือออกกองก็ไม่ได้ ทำหนังก็ไม่ได้ ผมก็เลยใช้ช่วงเวลานั้นนั่งเขียนบทไป

แล้วทำไมต้องเป็น ‘เรื่องตลก 69’

ถ้าจะให้ผมเดานะ อย่างแรกเลย คือเรื่องตลก 69 มันเอนเตอร์เทนมาก มันบันเทิงมาก ไอ้ตัวหนังต้นฉบับน่ะ สมัยที่เราทำเมื่อ 20 ปีก่อน มันสนุก มันท้าทาย มันตลก มันติงต๊อง มันระทึก ผมเลยคิดว่าที่ไฟว์สตาร์ฯ เลือกเรื่องนี้เพราะคงเลือกจากความบันเทิงเป็นหลัก

อีกอย่าง เขาคงจำได้ว่าสมัยที่ผมทำเป็นภาพยนตร์ มันมีหลายอย่างที่ต้องถูกตัดทิ้งไป ไม่งั้นหนังมันจะยาว เขาคงคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ทำเป็นซีรีส์ มันคงมีโอกาสขยายในส่วนที่มันควรจะอยู่ในหนังแต่ไม่ได้อยู่ มันมีตัวละครอยู่ 2-3 ตัว ที่มีเรื่องราวจำเพาะเจาะจงของเขาที่ยังไม่ถูกเล่าในเวลาจำกัด ไฟว์สตาร์ฯ เลยคิดว่าน่าจะมีวัตถุดิบพอที่จะเอามาทำเป็นซีรีส์

เวอร์ชันหนัง คุณทำในช่วงเวลาที่เมืองไทยอยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่พอดี พอมาเป็นซีรีส์ก็เป็นช่วงเวลาโรคระบาดพอดี เหมือน ‘เรื่องตลก 69’ จะเป็นบทบันทึกในช่วงวิกฤตทางสังคม

เรื่องตลก 69 สมัยตอนทำเป็นหนัง plot point แรกที่ทำให้ชีวิตของนางเอกเปลี่ยนไป คืออยู่ๆ ก็ถูกเลย์ออฟ ถูกเลิกจ้างจากบริษัท แล้วตอนที่ผมทำหนังตอนนั้นน่ะ ในชีวิตจริงเพื่อนผมมากมายถูกเลิกจ้างจากภาวะต้มยำกุ้ง ก็ตกงานกันระนาวเลย คราวนี้จุดเดียวกัน มันถูกเปลี่ยนจากโควิด เพราะว่าโควิดมันก็ทำให้บริษัทเจ๊งไปเยอะมาก ก็พบว่ามันเป็นเรื่องเดิม แต่คนละสาเหตุ ซึ่งก็มีความรุนแรงเท่าๆ กันนะ คือมันก็มาพ้องกันพอดีนะครับ แต่ว่า…ไม่รู้นะ ผมว่าอีก 10 ปี ถ้าผมได้รีเมกอีก เชื่อไหม แม่งก็จะมีเรื่องที่เลวร้ายพอๆ กับสองเรื่องนี้อยู่ดี เพราะมนุษย์มันพาตัวเองไปสู่จุดหายนะได้เรื่อยๆ อีกหน่อยมันอาจจะถี่กว่า 20 ปีด้วย ไม่แน่ๆ ทุกๆ 5 ปี เราอาจจะสร้างเรื่องตลก 69 เวอร์ชันใหม่ได้เรื่อยๆ

แล้วในฉบับซีรีส์มีเรื่องราวใดๆ เพิ่มเติมบ้าง

มันเพิ่มเยอะเลยครับ เส้นเรื่องเดิมคือผู้หญิงตกงานมาพบกล่องเงินอยู่หน้าห้อง แล้วเราใช้เวลา 2 วันในการพาตุ้มดำดิ่งไปเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ยังเป็นเส้นเรื่องหลักอยู่ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมก็คือตัวละครรองๆ ที่มีเส้นเรื่องมากขึ้น เราเริ่มรู้แบ็กกราวด์ชีวิตของพวกเขา อย่างในหนัง ตัวละครที่ตายแล้วก็ตายไป แต่ในซีรีส์ ตัวละครตายไป ก็ยังคงมีเรื่องราวของพวกเขาอยู่ ด้วยความที่ผมไม่เคยเขียนบทสำหรับทำซีรีส์ ผมก็เลยพยายามมองตัวละครให้รอบด้าน พยายามมองว่ามีมุมไหนที่เรายังไม่ได้เล่าบ้าง พอเรามองพวกเขาด้วยสายตาที่แตกต่าง มันก็เลยจะเหมือนกับฉบับหนังไม่ได้แล้ว จากของเดิมที่เล่าเรื่องอย่าง simple มากๆ มันก็เลยใช้ไม่ได้แล้วในเวอร์ชันซีรีส์นี้ พล็อตก็เยอะขึ้น เพราะตัวละครมันพาพล็อต

คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่า คุณมักไม่พอใจผลงานในยุคแรกๆ ของตัวเอง ถ้ามีโอกาสแก้ไขได้ก็อยากจะทำมัน พอได้ลองมารีเมก ‘เรื่องตลก 69’ คุณได้นำบทเรียนจากตอนทำหนังมาแก้ไขหรือดัดแปลงกับเวอร์ชันใหม่หรือไม่

ครั้งใหม่มากกว่า คือถ้าเราทำหนังเรื่องนี้ออกมาแล้วเรารู้สึกไม่แฮปปี้ เราก็แก้ตัวในเรื่องถัดไป แล้วเราก็ไปสร้างความไม่แฮปปี้เพิ่มขึ้นไปอีกต่อไปเรื่อยๆ สำหรับเราอันนี้มันคนละแบบ ถ้าเขาให้เราทำหนังรีเมก มันอาจจะเป็นการแก้ไข แต่พอมันเป็นซีรีส์ ทั้งรูปแบบทั้งฟอร์มมันต่างไปหมดเลย แต่มันเป็นแชลเลนจ์ที่เราต้องเอาชนะและผ่านไปให้ได้

ซึ่งคำพูดที่เราเคยพูดมันคือความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนเราทำหนัง เราไม่ค่อยแฮปปี้กับผลงานของเราเท่าไหร่ แต่การทำซีรีส์เรื่องนี้ เรากลับรู้สึกพอใจกับมันมากๆ เราว่ามันฟลุก ทุกอย่างมันลงล็อกพอดี

Cinema_Interview 6ixtynin9: The Series. Pen-Ek Ratanaruang (เป็นเอก รัตนเรือง) in 6ixtynin9: The Series. Cr. Courtesy of Netflix  2023แล้วเป็นเอกในช่วงปี 1999 ที่ทำหนัง ‘เรื่องตลก 69’ กับ เป็นเอกในปี 2023 ที่ทำซีรีส์ มีมุมมองชีวิต มุมมองสังคมเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

จุดประสงค์ตอนเราทำหนังเรื่องตลก 69 เราต้องการจะ exercise คนดู ให้ติดตามและลุ้นแบบไม่มีเบื่อตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งก็เป็นจุดประสงค์เดียวกันกับที่เราทำซีรีส์ แต่มุมมองเราในตอนนั้น คนที่เพิ่งทำหนังมาแค่เรื่องเดียว พอเราย้อนกลับไปมองตัวเอง เรารู้สึกว่าหนังมันมีความเป็นการ์ตูนมากๆ ทุกอย่างมันดูชัดไปหมด แต่เรื่องนี้ 20 ปีผ่านไป เรามองว่ามัน realistic ขึ้น แต่เราไม่ได้ทำหนังให้มันสมจริงนะ เรามองว่าวิธีของตัวละครมัน realistic ขึ้น สมัยทำหนัง เราไม่ได้คิดอะไรลึกมากไปกว่าความบันเทิง แต่พอมาตอนนี้เราคิดลึกขึ้น คิดว่าตัวละครตัวนี้ก่อนที่มันจะทำแบบนี้มันทำอะไรมาก่อน เราคงแก่ลงมั้ง เวลามองอะไรก็จะหาเหตุหาผลให้มันหน่อย

พอมีเหตุมีผลขึ้น แล้วความกวนความตลกของต้นฉบับมันลดน้อยลงไหม

ผมกลับรู้สึกว่ามันมีมากกว่าเดิมอีก ที่เมื่อกี๊บอกว่าเราทำเสร็จแล้วรู้สึกแฮปปี้ เพราะเรารู้สึกว่ามันกลมกล่อมขึ้นกว่าเดิม ถ่ายสวยกว่าเดิม แม่งตลกกว่าเดิมอีกน่ะ ที่กล่าวไปตอนต้นว่าตอนแรกจะเขียนบทอย่างเดียวไม่กำกับ พอเขียนไปจนเสร็จ กลับรู้สึกกลัว กลัวว่าคนอื่นพอไปทำแล้วเขาไม่เข้าใจเซนส์ที่เราเขียน กลัวว่าพอคนอื่นไปทำเป็นหนังตลกแล้วมันดันไม่ตลก คือไอ้ความตลกที่เราเรียกว่าตลกร้ายเนี่ย มันต้องเกิดจากการที่ไอ้ตัวละครในหนังของเราเนี่ย…มันไม่ขำนะ เราถึงขำมันไง คนเดินเหยียบขี้ คนเหยียบขี้มันไม่ขำอะ แต่เรานั่งกินกาแฟ ไปเห็นคนเหยียบขี้พยายามเอาตีนเช็ดๆ ออก เราขำไง เราถึงบอกว่ายิ่งทำหนัง realistic ขึ้น มันยิ่งตลกร้ายมากขึ้น

6ixtynin9TheSeriesS1_Netflix_0428_TON08972 Large

ทำไมถึงเลือก ‘ใหม่ ดาวิกา’

จะว่าผมเลือกก็ได้ จะว่าผมไม่ได้เลือกก็ได้ คือผมรู้จักดาวิกาจากการดูหนัง แล้วพบว่าเขารูปร่างตรงกันกับที่ผมเขียน เพราะปกติผมไม่ค่อยรู้จักดาราหรือนักแสดงที่ผมเลือกสักเท่าไหร่ โซเชียลฯ ผมก็ไม่เล่น ผมเลยรู้จักดาวิกาแบบผิวเผินมากๆ

อย่างตอนทำฉบับหนัง คุณปรับภาพลักษณ์ ‘หมิว ลลิตา’ เยอะพอสมควร กับ ดาวิกา ได้ปรับเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน

ปรับเยอะเลยครับ เมื่อก่อนเขาจะผมยาวสวยมาก อย่างแรกเลยคือ ต้องตัดผมก่อนเลย

คือใส่วิกไม่ได้?

เวลาที่ผมร่วมงานกับนักแสดง สิ่งที่ผมเรียกร้อง เราไม่ได้เรียกร้องการแสดงนะ ผมไม่ค่อยสนการแสดงครับ แสดงเก่งไม่เก่งมันไม่ค่อยมีผล เพราะว่าหนังผมมันไม่ต้องการการแสดงสักเท่าไหร่ มันต้องการการเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ ให้เชื่อเท่านั้นเอง ทีนี้ ถ้าเราไปสร้างข้อแม้ ประเภทแบบตัดผมไม่ได้ อาทิตย์นึงมาเล่นหนังเราแค่ 3 วัน ที่เหลือไปรับเล่นละครเนี่ย อย่างนี้ผมจะไม่เอา คือเราต้องการการอุทิศตัวระดับค่อนข้างสูงมาก ย้อนไปที่เรื่องใส่วิก ผมรู้สึกว่าการใส่วิก มันเป็นการไปบอกนักแสดงว่า เขากำลังแสดงหนังอยู่ แล้วมันไม่เวิร์กน่ะครับ มันต้องการความรู้สึกจริงๆ ข้างใน อย่างดาวิกาเองเขาก็บอกว่าเขาไม่เคยนะ เล่นหนังเรื่องเดียวอย่างเดียว ปกติเขาต้องเล่น 3 เรื่องพร้อมกันตลอดเวลา คือการแสดงหนังแต่ละเรื่องมันใช้การแสดงไม่เหมือนกัน ซึ่งดาวิกาก็ให้ความร่วมมือดีมาก 100 เปอร์เซ็นต์

6ixtynin9: The Series. [L to R] Pen-Ek Ratanaruang (เป็นเอก รัตนเรือง), Chankit Chamnivikaipong (ชาญกิจ ชํานิวิกัยพงศ์)  in 6ixtynin9: The Series. Cr. Courtesy of Netflix © 2023

ได้มีการห้ามดาวิกาไม่ให้ดูต้นฉบับไหม

ไม่ ไม่มี ผมแค่ขอให้ดาวิกาห้ามดูมอนิเตอร์แค่นั้นเอง ไม่ใช่แค่ดาวิกา แต่นักแสดงทุกคนผมก็ห้าม เพราะมอนิเตอร์มันไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับการแสดง นักแสดงต้องแสดงด้วยสัญชาตญาณตัวเอง ดาวิกาก็แปลกใจเหมือนกัน ปกติเห็นมีแต่ผู้กำกับชวนให้ไปดูมอนิเตอร์

แล้ว ‘ตุ้ม’ เวอร์ชันนี้ แตกต่างกับตุ้มเวอร์ชันหนังขนาดไหน

พอเราอธิบายตัวตนของตุ้มคร่าวๆ ดาวิกาก็ไปทำการบ้านมาเลย คือนี่เป็นความมหัศจรรย์ของดาวิกาสำหรับผมนะ ผมมองว่าในฐานะนักแสดง เขาก็เลือกที่จะไม่ติดกับกรอบเก่าๆ ผมว่าเบอร์อย่างดาวิกาก็คงไม่อยากจะไปย่ำรอยการแสดงจากเวอร์ชันเก่าอยู่ดี

แล้วกับนักแสดงสมทบท่านอื่น เวอร์ชันก่อนคุณทำการค้นหาค่อนข้างแปลกมากๆ เช่นไปเจอพ่อค้าในสวนจตุจักร (แบล็ค ผมทอง) แล้วชวนมาแสดง สำหรับยุคนี้ใช้หลักเกณฑ์เดิมในการคัดเลือกนักแสดงหรือไม่ หรือหาจาก TikTok

ส่วนมากผมก็หาแบบเดิมๆ scout ตามถนน ตามห้าง สมัยนี้มันง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน สมมติเราเจอนักแสดงที่ถูกใจ ทีมแคสติ้งก็สามารถเสิร์ชหาได้ทางอินเทอร์เน็ต ทางอินสตาแกรม สมัยก่อนมันยากกว่ายุคนี้ แต่ถามว่าก้าวแรกในการค้นหา เราก็ยังต้องเดินไปหาตามถนนเหมือนเดิม

แต่ยุคนี้ ใครๆ ก็พร้อมที่จะเป็นดาราเหมือนกันหมด ทำให้มีอะไรที่ซ้ำๆ เหมือนกันหมดหรือเปล่า

ยังไงเราก็เชื่อในสัญชาตญาณของเราอยู่ดี เพราะผมไม่เล่นโซเชียลผมเลยไม่สนว่าเขาจะยอดฟอลโลว์เท่าไหร่ เป็นยังไง เพราะผมไม่รู้จักเขาจริงๆ บางคนคาแรกเตอร์เขาเจ๋งมากๆ แต่มันไม่เข้ากับบทที่ผมเขียน ผมยังยอมเปลี่ยนบทเพื่อให้เขามาเล่นเลย

6ixtynin9TheSeriesS1_Netflix_3546_TON08911 Largeในฐานะผู้กำกับหนังจอใหญ่มาตลอด ผู้กำกับบางคนเลือกจะไม่ทำซีรีส์จอเล็ก เพราะรู้สึกว่าตัวเองถูกลดเกรดลง คุณเองมีความรู้สึกแบบนี้หรือไม่

ผมคิดตลอดนะว่าไม่ได้อยากทำซีรีส์ คือปกติซีรีส์เองผมยังไม่เคยดูเลย ที่บ้านยังไม่มีทีวี ผมเลยมองว่าการทำ ‘เรื่องตลก 69 เดอะซีรีส์’ เป็นสิ่งที่ท้าทายขั้นสูงสุดสำหรับผม แต่ถามว่าการมาทำซีรีส์ลงจอเล็กมันจะรู้สึกดาวน์เกรดตัวเองไหม ผมไม่รู้สึกเลย ที่ผมตัดสินใจกำกับเพราะผมชอบบทที่ผมเขียน พอเราตัดสินใจทำด้วยเหตุผลนี้ ผมก็รู้สึกว่ามันต้องทำให้เต็มเหนี่ยว พอได้ลงมือทำ มันก็สนุกมาก เป็น 40-50 วันที่ออกกองสนุกมาก แม่งเหมือนว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษ กลายเป็นพอกลับมากำกับหนังใหญ่กลับเป็นเหมือนทำหนังสั้นเลย

ในตอนนี้ เห็นเหล่านักเขียนฮอลลีวูดลุกฮือประท้วง เหตุผลส่วนหนึ่งมาจาก AI คุณมีมุมมองเกี่ยวกับ AI อย่างไรบ้าง

ผมใช้ ChatGPT เพียงแต่ว่าผมไม่ได้เอามาใช้ในการเขียนบท ผมใช้มันเป็นผู้ช่วย ผมใช้มันแปลอะไรสั้นๆ หรือเวลาผมไปเที่ยว อย่างผมกำลังจะไปโปรตุเกสเดือนหน้า ผมก็ให้ ChatGPT มันแพลนทริปผมไปเลยนะ มุมมองผม AI มันอาจจะเป็นผู้ช่วยที่ดีนะ แต่ AI มันทำงานครีเอทีฟไม่ได้ ลองให้มันเขียนบทหนัง มันก็โคตรจะคลีเช (cliché) เพราะ AI มันไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อทำงานสร้างสรรค์นะ เห็นมันทำภาพสวยงามใน Midjourney ผมว่ามันคือการจับแพะชนแกะ มันไม่ใช่งานครีเอทีฟ มันคือการล้อเลียนการทำงานครีเอทีฟมากกว่า

ในช่วงปัจจุบัน โลกเปิดกว้างทางการเมืองเพิ่มขึ้น คุณได้ใส่นัยทางการเมืองใน ‘เรื่องตลก 69 เดอะซีรีส์’ มากน้อยแค่ไหน

ผมใส่ช่วงเวลาทางการเมืองในช่วงโควิดเอาไว้นะ เพราะในเวลานั้นมันจะมี ม็อบสามนิ้ว ม็อบเด็ก ม็อบแกงตำรวจ แต่ผมใส่เข้าไปไม่ได้เพราะสนใจทางการเมืองเป็นส่วนตัว แต่ใส่เข้าไปเพื่อเป็นการบันทึกห้วงเวลานั้น ว่าช่วงเวลาที่เราถ่ายทำนั้น มันมีโควิด มันมีคนตกงาน มันมีม็อบ มันมีความแตกแยกทางจุดยืนทางความคิด

6ixtynin9TheSeriesS1_Netflix_1242_TON08668 Large

ในโลกที่ไร้พรมแดนขึ้นเรื่อยๆ จุดมุ่งหมายที่คุณทำหนัง ตั้งใจนำเสนอหนังในแบบภาษาสากล หรือต้องการแสดงภาพความ Very Thai ให้โลกได้รับรู้

เวลาผมทำหนัง ผมไม่เคยคิดว่าผมกำลังทำหนังไทยนะ ดังนั้นเวลาผมทำซีรีส์ผมก็คิดเหมือนกันว่าผมไม่ได้ทำซีรีส์ไทย เพราะฉะนั้น ตัวผมเป็นยังไง ซีรีส์นี้มันก็เป็นอย่างนั้นนะ 

‘เรื่องตลก 69 เดอะซีรีส์’ ฉายแล้วที่ Netflix ทั่วโลก

บทความที่คุณอาจสนใจ:

เป็นเอก รัตนเรือง และ คริสโตเฟอร์ ดอยล์ เตรียมเปิดกล้องโปรเจกต์ใหม่ ‘Morte Cucina – ครัวฆาตกรรม’

ติดตาม BrandThink Cinema ช่องทางอื่นๆ ได้ที่: https://linktr.ee/brandthinkcinema