คุยกับสามสาว ‘DREAMGALS’ ในวันที่เป็นเกิร์ลกรุ๊ปไร้กรอบ ขอไม่ละทิ้งความเป็นตัวเอง แค่อยากทำเพลงเป็นตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่
“เซ๊ะแก๊กสวย ใต้คมหวาน ชะนีเด็กเสว”
ความเป็นตัวเองที่ไม่หายไป แต่เกิดเป็นรสชาติใหม่ให้กับเกิร์ลกรุ๊ปของไทย สำหรับการรวมตัวกันของ 3 สาวที่มีจริตตัวแม่ตัวมัม และคำติดปากมากมายตลอดบทสนา อย่าง ‘มิลลิ’ – ดนุภา คณาธีรกุล (MILLI), ‘ฟาร์’ – พิชญานิน หนูศรี (Flower.far) และ ‘แป้ง’ – ธนัญญา อินวงษ์ (GALCHANIE) ศิลปินหญิงจากค่าย YUPP! ในโปรเจกต์สุดพิเศษภายใต้ชื่อว่า ‘DREAMGALS’ (ดรีมแกลส์)
โดยพวกเธอได้ปล่อยผลงานออกมาทั้งหมด 3 เพลงฮิตติดหู ตั้งแต่เพลงแรก SORRY ตามมาด้วย PRIORITY ปิดท้ายกันที่ NOBODY CARES ที่มาพร้อมการประสานเสียงร้อง ฟังแล้วหูเคลือบทอง อีกทั้งตัวเนื้อร้อง และท่วงทำนองที่ถ่ายทอดครบถ้วนทุกอารมณ์ ความรู้สึก กระทั่งเรื่องราวในมิวสิกวิดีโอ ที่ไม่ได้มีแค่ความสวยสับของสามสาว ทว่ายังมีเรื่องราวต่างๆ สอดแทรกอยู่ จนคนส่วนใหญ่บอกว่าเป็นตัวแทนของเพื่อนหญิงพลังหญิงที่แท้ทรู
การรวมกันเป็นเกิร์ลกรุ๊ปอันฉีกกรอบภาพลักษณ์เดิมๆ นั้นเป็นอย่างไร แล้วเบื้องหลังของแต่ละเพลงมีอะไรที่น่าสนใจ ก่อนจะประสบความสำเร็จกลายเป็นกระแสไวรัลดัง
มาร่วมหาคำตอบผ่านการพูดคุยถึงมุมมองและความรู้สึกของ DREAMGALS พร้อมๆ กันเลย
คิดว่าพอ 3 สาวได้มารวมตัวกันแล้ว ได้ช่วยกันส่งเสริมเพิ่มเติมให้ลงตัวอย่างไร
MILLI: ชะนีเด็กเสว เซ๊ะแก๊กสวย ใต้คมหวาน ตอนนี้เหลือคำว่าเค็มกับเปรี้ยว
เราคิดว่ารสชาติของทั้งหมดที่เอามาปั่นรวมกัน น่าจะออกมาเป็นผงชูรส ที่มีความนัวๆ แต่มีความติดเค็ม ติดขม ติดเปรี้ยวอะไรนิดนึง
แล้วก่อนหน้านั้น มีความตั้งใจหรือวาดภาพไหมว่าอยากเป็นเกิร์ลกรุ๊ปแบบไหน
Flower.far: คงไว้ในความเป็นตัวเอง เพราะเราเป็นศิลปินเดี่ยวกันมาแล้ว เราใส่ความเป็นตัวเองในผลงานนี้ได้เลย
MILLI: เรื่องเพลงของดรีมแกลส์เราช่วยกันแต่ง มันเลยยิ่งมีความเป็นตัวเอง มีสไตล์ของตัวเอง เพราะด้วยเรื่องราว หรือแนวเพลงที่เลือกเสพค่อนข้างไปในลักษณะเดียวกัน อาจจะต่างกันบ้าง แต่ยังไปในทิศทางเดียวกัน เรามักจะเอามาคุย มาแชร์กันมากกว่า
แล้วเมื่อรวมตัวกันเป็นเกิร์ลกรุ๊ป แต่ละคนมองว่าเอกลักษณ์ความเป็นตัวเองยังคงอยู่ไหม หรือคิดว่ามีตัวตนด้านไหนบ้างที่หล่นหายหรือสูญเสียไประหว่างทาง
MILLI: คิดว่าเหมือนพยายามดึงความเป็นตัวเองมาใส่มากกว่า ตอนแรกจะบอกว่าความใจร้อนหล่นหาย ก็ใจร้อนเหมือนเดิม แต่คงเป็นประมาณว่า เราพยายามใจเย็นขึ้น แล้วยิ่งเหมือนทุกคนมีคาแรกเตอร์ของตัวเองที่ชัดมากๆ พอมาถึงหน้างานจริงๆ เราช่วยกันในการดึงคาแรกเตอร์ของตัวเองออกมา เพราะต่างคนต่างก็มองเห็นคาแรกเตอร์ของคนอื่นได้ดี
ดรีมแกลส์มีการวางคาแรกเตอร์กันเองในวงไว้ไหม ว่าแต่ละคนต้องเด่นด้านไหนบ้าง
MILLI: เอ้ย เราพูดของคนอื่นได้ไหม อะ เราว่าฟาร์เป็นเมนร้องอยู่แล้ว แบบเป็นพี่ดีว่า เรามองภาพฟาร์เป็นพี่ที่มีพลังเสียง
GALCHANIE: พี่ฟาร์อาจจะเป็นไฮไลต์ ไฮโน้ต ถ้าเกิดได้ดู ได้ฟัง ทุกคนจะรอสิ่งนั้นจากพี่ฟาร์ แบบเสียงท้ายคำของเขามันจะมีเหมือนการไล่ระดับโน้ตของเขา ที่เป็นธรรมชาติมากๆ บางทีแต่ละครั้งโน้ตก็จะไม่เหมือนกันเลย (ยิ้ม)
Flower.far: ส่วนของมิลลิ เขาจะเป็นคนที่มีเสียงแหบเสน่ห์สุดๆ ทุกครั้งที่เขาร้องจะเห็นชัดเลยว่าเป็นตัวเขา รวมถึงเวลาแร็ปด้วย มันจะมีน้ำหนัก ความแรงตลอด ซึ่งเขาเหมาะมากที่จะเป็นเมนแร็ป นี่จุดเด่นของเขาเลย
GALCHANIE: มองว่ามิลลิค่อนข้างครบเครื่องประมาณหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเต้น การร้อง การแร็ป กระทั่งเรื่องวิชวลเองก็ตาม เป็นคนที่ครบรสมากจริงๆ
Flower.far: สุดท้ายที่แป้ง เรามองว่าเป็นคนที่พอดีทุกอย่าง การร้องทุกอย่างมันพอดีมาก แบบเป๊ะทุกอย่าง
MILLI: แป้งเป็นคนที่เลือกโน้ตให้เหมาะกับคำได้ดีมาก หมายถึงเขาไม่ได้แคร์วรรณยุกต์ขนาดนั้น แต่พอฟังแล้วมันรู้สึกแบบ อ้าว เขาคิดได้ไง ร้องอย่างนั้นได้ด้วยเหรอ แล้วก็แป้งจะมีความพอดี เป็นความบาลานซ์ของวงมากขึ้น เพราะว่าสิ่งที่ฟาร์ทำได้นวยทำไม่ได้แน่นอน สิ่งที่นวยทำได้ ฟาร์ก็จะไม่ค่อยถนัด แต่แป้งทำได้ทั้งส่วนของฟาร์และส่วนของนวย มันเลยมีส่วนผสมของทั้งคู่อยู่
พอได้ลองเปลี่ยนจากการทำงานเดี่ยวมาเป็นงานกลุ่ม ช่วยปลุกความรู้สึกที่มีต่อคำว่า ‘ศิลปิน’ มากขึ้นกว่าเดิมไหม
MILLI: ในแง่ของความรู้สึกพวกเรายังรู้สึกว่าเป็นศิลปินเหมือนเดิม แม้จะเป็นศิลปินกลุ่ม อาจจะไม่ได้รู้สึกต่างอะไรกันมาก แต่กลับรู้สึกเหงาน้อยลง ส่วนในแง่การทำงาน เรามีการแชร์กันมากขึ้น สื่อสารกันมากขึ้น ขณะที่คาแรกเตอร์ของแต่ละคนยังคงอยู่
GALCHANIE: คิดว่าเรายังคงมีความรู้สึกแรงกล้าต่อคำนี้เหมือนเดิม แต่การทำโปรเจกต์นี้ มันคือประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เข้ามาทำให้เราตื่นเต้น และได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ เลยคิดว่าสุดท้ายแล้วคำว่าศิลปินก็ยังคงเป็นอะไรที่ตื่นเต้นสำหรับเราตลอดเวลา
Flower.far: คำว่าความเป็นศิลปินยังคงอยู่ และมีมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเราการทำงานด้วยกัน ให้ความสนุกมากๆ และให้แรงบันดาลใจกับเรา มันก็ดีนะคะ
แล้วความรู้สึกในฐานะ ‘ศิลปิน (เดี่ยว)’ กับ ‘เกิร์ลกรุ๊ป’ มันต่างกันหรือเปล่า
GALCHANIE: ต่างกันสุดๆค่ะ พอใกล้จะจบโปรเจกต์ DREAMGALS แล้วก็เริ่มรู้สึกเหงาๆ เวลาต้องทำอะไรคนเดียวในฐานะศิลปินเดี่ยวก็มีแอบคิดถึงพี่ๆ บ้าง (หัวเราะ)
Flower.far: แตกต่างกันตรงที่เราต้องทำงานกับคนอื่นมากขึ้น แต่ก่อนทำงานเดี่ยวของตัวเอง แล้วมันคิดเองเออเองคนเดียว พอมีคนเพิ่มขึ้นเลยได้ฟังหลายมุมมองมากขึ้น
MILLI: แต่คือทำให้พวกเราเป็นเกิร์ลกรุ๊ปให้ได้ก่อน ตอนทำเราคิดว่า เราจะเป็นเกิร์ลกรุ๊ปยัง เพราะเกิร์ลกรุ๊ปมันต้องมีความสามัคคีกัน แต่พวกเราหยุดเถียงกันหรือยัง (หัวเราะ) ในแง่ที่เรามองคือ มันไม่ได้แค่ทำเพลง แต่พวกเขาต้องฝึก ต้องเทรนกันมานานมาก แต่นี่คือโยนลงหม้อเลย แล้วจับมือกันว่าพวกเราต้องทำได้
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วพวกเราถึงบรรทัดฐานของเกิร์ลกรุ๊ปแล้วหรือยัง แต่ถ้าบอกว่าเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่แตกต่างออกไป อะ โอเค น่าจะได้ (ยิ้ม) เพราะว่าถ้าเป็นในแบบที่คนอื่นๆ เขาทำกันมา พวกเราอาจจะยังไม่ถึง
จุดเริ่มต้นของแต่ละเพลง มีการตั้งโจทย์อะไรไว้ให้แต่ละคนได้มีส่วนร่วมบ้างไหม
MILLI: เราจะเป็นเหมือนพี่ที่คอยให้โจทย์น้องๆ เพราะเราเป็นคนค่อนข้างมีคอนเทนต์ในคลังเยอะ เลยมักจะเอามาแชร์ว่ามีคอนเทนต์แบบนี้นะ มีเรื่องราวยังไง อย่างเพลง SORRY ก็เอาประโยคที่ว่า ‘ขวัญใจผัวชาวบ้าน’ มาแชร์กัน หรือเพลง PRIORITY เราเอาเรื่องราวประสบการณ์จริงมาแชร์ สุดท้ายเพลง NOBODY CARES ก็เป็นประโยค ‘โอเค ไม่มีใครดีเท่าแม่มึงแล้ว’ และแต่ละคนเขาก็จะเอาไปแต่ง ไปทำในแบบฉบับของตัวเอง
Flower.far: เพลงแรก SORRY ถ้าพูดคำว่าขวัญใจผัวชาวบ้าน อาจจะฟังดูแง่ลบจนเกินไป เราเลยคิดว่าทำไงให้มันกลายเป็นประเด็นที่ไม่ใช่แบบนั้น หรือสื่อสารในทางของพวกเราเองได้ เลยออกมาเป็นเราไม่ได้ทำอะไร นอกจากความสวย มันเลยกำเนิดอีกประโยคหนึ่งขึ้นมา คือสวยสร้างเรื่อง หลักๆ เพลงก็จะบอกว่าเราสวยยังไง เรายังไม่ได้ทำอะไร แฟนเธอก็เข้ามา แค่อธิบายตรงนั้นว่าเราไม่ได้เล่นด้วยนะ
MILLI: รู้สึกประมาณว่าบางทีมันไม่ใช่ความผิดของเรา ไม่ใช่ความผิดใครด้วยซ้ำ ไม่ใช่ความผิดของผู้หญิงอีกฝ่ายด้วยซ้ำ มันคือผู้ชายหรือเปล่า ที่รู้ว่าตัวเองมีอยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้จักพอ แล้วเป็นคําที่ชอบพูดว่าแบบ…กูคงสวยมากเลยดิ๊
Flower.far: ส่วน PRIORITY อยู่ในโหมดของเศร้ายังไงให้สวย เออ เศร้ายังไงให้สวย เราเลยคุยกันเรื่องคําว่า PRIORITY เอามาใช้กับชีวิตจริงของพวกเรา เหมือนมันตรงกับเรื่องราวของพวกเรา ตรงที่พวกเราอะชอบทํางานมาก แล้วทีนี้ทำให้ไม่ได้ไปโฟกัสที่ความสัมพันธ์ด้วย
GALCHANIE: ใช่แล้ว เราทุกคนก็เป็นในบางครั้ง เหมือนมันมีเวลาที่ต้องเลือกระหว่างอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วมันอึดอัด มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่อะไรอย่างงี้ เราก็เลยเอามาระบายกับเพลง
MILLI: เพราะว่าการเรียงลําดับความสําคัญของความสัมพันธ์มันไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง พอมันไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง บางทีเราเกิดความสงสัยว่า เออแล้วฉันเหมาะกับการจะมีเธอเหรอ ฉันเหมาะที่จะได้รับความรักจากเธอเหรอ เพราะฉันรู้ว่าฉันให้ในสิ่งที่ต้องการไม่ได้คือเวลา… เศร้า
Flower.far: อย่างเหมือนของฟาร์ก็จะเป็นความรู้สึกแบบว่าทิ้งที่บ้านมา เพื่อมาอยู่กรุงเทพฯ คือมันตีความได้หลายความหมายมาก ไม่ใช่แค่ในเรื่องความสัมพันธ์เนาะ ก็เศร้ามาก จริงๆ มันก็ลึกนะเพลงนี้
GALCHANIE: เพลง NOBODY CARES ถูกตีความหมายหลายรอบมาก จนมาสรุปที่ถ้าเธออยากได้ผู้หญิงในฝัน เธอก็ไปนอน เพราะฉันจะเป็นผู้หญิงแบบฉัน ไม่ใช่ผู้หญิงในฝันของเธอแน่นอน ถ้าเธอคิดจะมาเปลี่ยนอะไรฉัน แล้วแต่เธอเลย เพราะฉันยินดีที่จะเป็นตัวฉัน ยินดีที่ฉันภูมิใจกับมัน
เบื้องหลังมิวสิกวิดีโอในแต่ละเพลง กว่าจะออกมาสู่สายตาคนฟัง เป็นอย่างไรบ้าง
Flower.far: บรรยากาศการถ่ายเอ็มวีเพลง SORRY เราเริ่มถ่ายกันตั้งแต่เช้ามาก ไก่ยังไม่โห่ ก็เป็นการถ่ายเอ็มวีครั้งแรกของการเป็นเกิร์ลกรุ๊ป เลยจะมีความงงๆ ไม่เข้าใจ ต้องทําอะไรต้องทํายังไง เราต้องขนาดไหนถึงจะพอดี หรือแบบเราต้องเป็นยังไงมันถึงจะดูเป็นเกิร์ลกรุ๊ป
MILLI: เหมือนถ้าเป็นซีนเดี่ยวอะก็จะโอเคไหว แต่ว่าพอเป็นซีนรวมหรือแม้กระทั่งซีนเต้นอะ ไม่ชินเลย จะเห็นได้ว่าหน้าพวกเรากังวล ไม่เห็นว่าตัวเองเต้นยังไง เปลี่ยนท่ายังไง รู้แล้วว่าพวกเราเต้นไม่พร้อมกันเลย
ส่วน PRIORITY เพลงถัดมาง่ายขึ้น เพราะไม่มีเต้นค่ะ (หัวเราะ) แล้วก็เป็นซีนเดี่ยวของแต่ละคนซะเยอะ มีเวลานอน มีเวลาหลับปุ๋ย แล้วก็ตัวเองมีซีนร้องไห้ แต่อย่าแปลกใจถ้าไม่ได้เห็นขนาดนั้นนะ มันร้องไห้แรงเกิน มันแง (หัวเราะ) ก็เลยได้ใช้บางส่วน
GALCHANIE: เพลง PRIORITY นี้เป็นเพลงที่หนูไม่ถนัดในการแสดงออกทางสีหน้าของตัวเองที่สุดแล้ว
ในส่วนของความเศร้า แสดงออกไม่ค่อยถนัด เพราะว่าเพลงของเรามักจะยิ้มตลอด จะเป็นในแนวขี้เล่นตลอด
Flower.far: แต่ของฟาร์ไม่ต้องทําอะไร เพราะว่าเขาแต่งให้ตาตก แค่อยู่เฉยๆ ก็ดูเศร้าแล้ว ส่วนเพลงที่ 3 เพลงสุดท้าย พวกเราพัฒนากันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในเรื่องของการเต้น ความมั่นใจ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ถ้าย้อนกลับไปมองดูผลงานทั้ง 3 เพลงที่ถูกปล่อยออกมาแล้ว คิดว่ามีสกิลไหน หรืออะไรบ้างที่รู้สึกได้ว่าตัวเราพัฒนาขึ้น
Flower.far: มันช่วยให้มั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการขยับร่างกาย การเต้น ที่เป็นความท้าทายใหญ่ๆ ในการเป็นศิลปินเลย โปรเจกต์นี้เลยทำให้บางอย่างของเราถูกปลดล็อกออกมาได้ ให้เรามีความกล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้น
MILLI: หลักๆ น่าจะเป็นความใจเย็น (หัวเราะ) คือความเป็นภาวะผู้นำ แบบใจเย็นๆ ทุกคน ค่อยๆ หาแนวทางในการคุยกับแต่ละคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ กับอีกอย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าต้องพัฒนาขึ้นอีก คือเรื่องของหู ทำให้เวลาเข้าไลน์ประสานหรือไลน์คอรัส บางทีหาเสียงไม่เจอ แต่อีกสองคนเขาหูค่อนข้างดีมาก เลยเป็นเหมือนข้อบกพร่องที่เราเห็นชัดขึ้น
GALCHANIE: ทุกอย่างเลย โปรเจกต์นี้ทำให้ทุกคนต้องงัดเอาศักยภาพทุกด้านออกมาใช้หมดเลย ระหว่างทางก็เราเต็มที่กับมันมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบ
พอคนส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเกิร์ลกรุ๊ป ‘เพื่อนหญิงพลังหญิง’ รู้สึกอย่างไรบ้าง
Flower.far: เรารู้สึกดีใจ ดีใจที่เป็นพลังให้กันและกัน เพราะเราก็ไม่คิดว่าต้องทำเพื่อเป็นพลังให้ผู้หญิงอะไรขนาดนั้น แค่ทำเพราะเราอยากทำ
GALCHANIE: เราชอบเวลาที่ไปเล่นคอนเสิร์ตแล้วมีทั้งผู้หญิงผู้ชาย ที่มีความสุขกับการฟังเพลงที่เราร้อง รู้สึกว่าทั้งหมดนี้แหละ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน เรารู้สึกดีใจมากที่พวกเขาได้รับสารของเรามากกว่า
ขณะเดียวกันมีความคิดเห็นอย่างไร เมื่อมีบางความเห็นที่มองว่าอวยผู้หญิงเกินไป
GALCHANIE: ความจริงเราคิดว่าเพลงที่ปล่อยออกมาทั้งหมด เราอาจจะเล่าผ่านมุมผู้หญิง เพียงแค่เพราะเราเป็นผู้หญิงกัน แต่ความหมายของทั้ง 3 เพลงมันเข้าได้กับทุกคน ใครๆ ก็สามารถอินหรือเจอเหตุการณ์แบบในเพลงได้
MILLI: ส่วนตัวเราไม่ได้รู้สึกว่าเป็นผู้หญิงมากจนเกินไป เรารู้สึกว่าความเป็นผู้หญิงมันออกมา หรือเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เพราะพวกเราเกิดมาเป็นผู้หญิง แล้วก็แฮปปี้ที่มันเป็นแบบนั้น อาจจะไม่ค่อยเห็นด้วยทั้งหมดเท่าไหร่ แต่ขอน้อมรับไว้
คิดว่าอะไรที่ทำให้ทั้ง 3 เพลงมีเนื้อหาที่หลากหลาย ลึก มีความจัดจ้าน และต่างจากความเป็นเกิร์ลกรุ๊ปอื่นๆ
MILLI: ขออนุญาตยืนตรงนี้ แล้วเดี๋ยวจะพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความไม่มีกรอบมันเกิดขึ้นจากเราอยู่ค่าย YUPP! กับประเด็นในเพลงที่เราทำกันด้วย บวกกับพวกเราแต่ละคนก็ไม่ได้สร้างกรอบให้ตัวเองขนาดนั้น กระทั่งงานเดี่ยวของตัวเอง พอเป็นงานกลุ่มเลยยิ่งไม่มีกรอบ ทำให้อาจจะเป็นสิ่งที่เขาเรียกว่ามีอยู่จริง ทุกคนสัมผัสได้ เข้าถึงได้ เลยกลายเป็นรสชาติแบบเกิร์ลกรุ๊ปที่ยังไม่มีใครทำแหละมั้ง
รู้สึกอย่างไรบ้าง หลังผลงานเพลงที่ปล่อยออกมาประสบความสำเร็จ ได้รับฟีดแบ็กที่ดี มียอดวิวสูง และกลายเป็นไวรัล
MILLI / GALCHANIE / Flower.far: ดีใจ (ยิ้ม)
GALCHANIE: เกินคาดหมายมาก แบบไม่คิดว่าจะให้ความสนใจกันเยอะขนาดนี้ แต่เป็นอะไรที่เราแอบคิด มีความหวัง
Flower.far: แต่อาจจะไม่ได้หวังแค่พันวิวนะ (หัวเราะ)
MILLI: ตอนแรกหวังแค่พันวิวก็พอ เราเป็นคนคาดหวังน้อย เป็นคนสไตล์เอาแค่นี้พอ ผลออกมา มันจะได้เกินคาด
ผลตอบรับเกินความคาดหมายขนาดนี้ ในอนาคตโปรเจกต์ดรีมแกลส์จะเป็นอย่างไรต่อไป
MILLI: คิดว่าโปรเจกต์ต่อไปของพวกเราตอนนี้ คงต้องกลับไปทำงานเดี่ยวของแต่ละคนก่อน ส่วนถ้ามองว่าโปรเจกต์ดรีมแกลส์จะเป็นยังไงต่อไป คือตอนนี้ยังไม่ได้ประชุมกันเลย เดี๋ยวอาจจะต้องกลับมาประชุมก่อน เอาฟีดแบ็กต่างๆ ที่ได้จากทุกๆ คน เข้าไปในที่ประชุมแน่นอน ว่านี่นะคะฟีดแบ็กเริ่ดขนาดนี้
คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับตัวเองในโปรเจกต์ดรีมแกลส์นี้
Flower.far: นี่ว่าเราทั้งสามคนเป็นคนที่ชอบความท้าทายอยู่แล้ว อย่างเราชอบเวลาที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ ชอบมากเลย รู้สึกว่ามันยากแต่ก็จะพยายามลองทำ แม้ก่อนหน้านี้เป็นคนปิดกั้นตัวเอง ไม่ค่อยชอบทำงานร่วมกับคนอื่นเท่าไหร่นัก เพราะเรารู้สึกว่าตัวเองพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำให้การมาทำงานตรงนี้เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งแล้ว ในการที่จะมาเรียนรู้ร่วมกัน
GALCHANIE: ตอนแรกเราอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับการทำงานกลุ่ม แล้วก็ไม่ค่อยอยากทำด้วยขนาดนั้น แต่พอเข้ามาลองทำ รู้สึกว่ามีอะไรหลายอย่างมากที่เราได้รับทั้งจากการทำงานร่วมกัน และเรื่องของทัศนคติ ที่รู้สึกได้เลยว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ได้เรียนรู้ มีคนคอยตักเตือนนะ ว่าทำอย่างนู้น ทำอย่างนี้
MILLI: เรียกได้ว่าเป็นความท้าทายของทั้งค่ายเลยดีกว่า เพราะไม่เคยทำกันมาก่อนเลย คือใหม่มาก แบบน้องใหม่บริสุทธิ์ (หัวเราะ) แล้วคือทุกคนมะรุมมะตุ้ม และทุ่มเทกันมากๆ กับโปรเจกต์นี้ มันเลยเป็นความท้าทายของทุกคน เลยดีใจที่สุดท้ายแล้วฟีดแบ็กมันออกมาดี
ณ ตอนนี้มีอะไรที่แต่ละคนอยากทำ แล้วยังไม่ได้ทำอีกบ้าง
MILLI: เป็นบันไดขั้นต่อไปคือการทําอัลบั้ม 2 ที่เราอยากใส่ความเป็นฮิปฮอปมากขึ้น เพราะมันอยู่ในหัวใจเราตลอด แต่จะมีความโตขึ้น อย่างที่บอกเพลงโตตามตัว อัลบั้มใหม่นี้ก็เช่นกัน คิดว่าอยากใส่แร็ปมากขึ้น เราอยากแร็ปแบบสุดพลัง ก็อยากให้เป็นแบบนั้น ซึ่งเรากำลังทำอยู่
Flower.far: น่าจะฟีลแบบเพลงใหม่ที่เรากำลังพยายามตีโจทย์ของตัวเองอยู่ ซึ่งเราอยากเป็นตัวเราในแบบที่ย่อยง่ายสำหรับคนไทย หรือให้ดูเข้าถึงง่ายมากขึ้น เราเลยอาจจะต้องตีโจทย์ตัวเองว่า ทำยังไงล่ะ ให้คนเข้าใจเรา ได้รู้ว่านี่คือตัวเราจริงๆ อยากให้คนสัมผัส ได้เห็น ได้กลิ่นว่านี่คือ Flower.far ก็อยากให้ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอ สำหรับเพลงใหม่ของเรา
GALCHANIE: เรามีอะไรที่อยากทำเยอะมากๆ แบบมากๆ เลย แบบชนิดที่เราอาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าตัวเองอยากทำหรือเปล่าด้วยซ้ำ แต่หนูอยากไปให้ถึงแล้วเจอตรงจุดจุดนั้นนะ ซึ่งตอนนี้ เรากำลังทำอัลบั้มอยู่ ทำให้มันหลากหลายแนวมากขึ้น ทั้งการเต้น การแสดงออกต่างๆ อยากเรียนรู้ และอยากเก่งให้มากขึ้น
สุดท้ายนี้มีอะไรที่ยังไม่เคยบอกกัน แล้วอยากจะบอกกันและกันไหม
MILLI: เอาจริง เวลาเราสัมภาษณ์ด้วยกันทุกครั้งเป็นเรื่องราวที่ไม่เคยนั่งคุยกัน เลยมักจะเซอร์ไพรส์ในสิ่งที่เรานึกถึงกัน แล้วก็ดีใจที่ดรีมแกลส์ได้รับความนิยม มีคนพบเห็นมากมายขนาดนี้ เพราะว่าเขาทั้งสองคนสมควรที่จะได้รับ หรือถูกมองเห็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว
Flower.far: ดีใจที่ได้อยู่ร่วมกัน ได้มาทําดรีมแกลส์ด้วยกัน มันทำให้เรารู้สึกว่าได้รู้จักแต่ละคนมากขึ้น ได้คุยกันมากขึ้น เห็นมุมมองต่างๆ มากยิ่งขึ้นด้วย ก็อยากบอกว่าขอบคุณค่ะ
GALCHANIE: รู้สึกรักพี่ๆ ทุกคนมากขึ้น ตอนแรกไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาสมาเรียนรู้กันและกันมากขนาดนี้ ยิ่งพอมาอยู่ด้วยกันเป็นดรีมแกลส์ก็ทำให้ได้เห็นในหลายมุม ไม่ใช่แค่เรื่องงานอย่างเดียว รู้สึกสนิทกันมากขึ้น ทุกวันนี้ก็คุยกันได้แทบจะทุกเรื่อง