‘ไฮโดรเจน’ จะเป็นเชื้อเพลิงยานยนต์แห่งอนาคต (แซงหน้าพลังงานไฟฟ้า) ได้จริงไหม?
Select Paragraph To Read
- ไฮโดรเจนเชื้อเพลิงที่ถูกมองข้ามในอดีต
- เชื้อเพลิงงี่เง่าในสายตา อีลอน มัสก์
- การลงทุนเรื่องเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในญี่ปุ่น
- อนาคตของรถยนต์ไฮโดรเจนที่เริ่มมีหวัง
‘เชื้อเพลิงไฮโดรเจน’ เป็นหนึ่งในพลังงานทดแทนที่ถูกกล่าวถึงกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งความหวังที่เชื่อว่าจะเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคต และการเป็นตัวแทนพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ไฮโดรเจนคือธาตุที่มีปริมาณมากที่สุดในจักรวาล สามารถสกัดได้จากน้ำ เมื่อผ่านกระบวนการเผาผลาญจะเกิดเป็นน้ำกลับมาอีกหน ดังนั้นจึงเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมดสิ้น
ซึ่งเชื้อเพลิงไฮโดรเจนนี้ไม่ใช่แหล่งพลังงานใหม่แต่อย่างใด เพราะถูกคิดค้นและใช้กันมานาน วิทยาการหลายอย่างในอดีตต่างก็พึ่งพาพลังงานชนิดนี้ในการขับเคลื่อน
ที่รู้จักกันดี อย่างการปล่อยกระสวยอวกาศไปนอกโลก ไปจนถึงการใช้ทดแทนพลังงานไฟฟ้าในครัวเรือนต่างก็เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
แต่ในที่นี้เราจะโฟกัสแค่ ‘รถยนต์’ เป็นหลัก

Mirai รถยนต์ไฮโดรเจนต้นแบบจาก Toyota l Autodeft
ไฮโดรเจนเชื้อเพลิงที่ถูกมองข้ามในอดีต
ที่ผ่านมา อุปสรรคใหญ่ๆ ที่ทำให้เชื้อเพลิงตัวนี้ไม่อาจทะยานขึ้นมาเป็นแหล่งพลังงานหลัก หรือทางเลือกลำดับต้นๆ เสียที เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายอย่าง
ทั้งการผลิตที่มีขั้นตอนเยอะ และต้นทุนที่สูง
ถึงแม้รถยนต์ไฮโดรเจนจะไม่สร้างมลพิษต่อโลกก็จริง แต่ขั้นตอนการสร้างเชื้อเพลิงยังมีส่วนที่สร้างผลกระทบอยู่มาก ส่วนขั้นตอนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นมีราคาที่ต้องจ่ายสูง
ขณะเดียวกัน การขาดผู้สนับสนุนก็ทำให้การ “เข้าถึง” แหล่งพลังงานทำได้ยาก
ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครอยากลงทุนทำสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสักเท่าไหร่ เนื่องจากยอดขายรถยนต์พลังไฮโดรเจนไม่ได้ทำกำไรมากนัก – รถยนต์ Mirai รุ่นแรกของ Toyota ขายได้เพียงแค่ 1,000 คัน (ในประเทศ)
ในสายตาผู้ใช้จึงมองว่าเป็นภาระและความลำบากมากกว่าประกายแห่งความหวัง
ที่สำคัญ ราคาเชื้อเพลิงก็แทบไม่ได้ต่างจากการเติมน้ำมันเลย ตรงกันข้ามกับรถยนต์ไฟฟ้าที่แม้ต้องชาร์จไฟนาน แต่เมื่อเฉลี่ยด้วยระยะทางแล้ว ราคาที่ต้องจ่ายยังถูกยิ่งกว่า

สถานีเติมไฮโดรเจนในญี่ปุ่น l Yuki Kohara
เชื้อเพลิงงี่เง่าในสายตา อีลอน มัสก์
ด้วยปัจจัยที่ทำให้ไฮโดรเจนไม่เป็นที่นิยม – ในสายตาของ อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เห็นพ้องว่าไฮโดรเจนไม่ควรถูกนำมาเรียกว่าพลังงานแห่งอนาคต
ในทัศนะของซีอีโอวัย 49 แห่ง Telsa เขามองว่า “มันเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ”
อีลอน มัสก์ เรียกพลังงานนี้ว่า “fool cells” (หรือเชื้อเพลิงงี่เง่า) และปรามาสว่าเป็นเพียงกิมมิคทางการตลาดของค่ายรถเท่านั้น
เขาชี้ว่า เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นอะไรที่ยุ่งยากมากความ ต้องมาเล่นแร่แปรธาตุ ยุ่งยากทั้งการจัดเก็บ การติดตั้งถังเชื้อเพลิง สู้รถยนต์ไฟฟ้าของเขาไม่ได้ เพียงแค่เสียบปลั๊กทุกอย่างก็จบ
แน่นอนว่า เขาไม่พลาดตั้งคำถามว่า แล้วจะผลิตเชื้อเพลิงออกมาพอต่อความต้องการได้จริงหรือ?
การลงทุนเรื่องเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในญี่ปุ่น
แม้การผลักดันรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนจะเต็มไปด้วยอุปสรรค (และคำถากถาง) แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนจะมีประเทศหนึ่งที่ไม่เคยยอมแพ้
ญี่ปุ่น – ถือเป็นประเทศที่เล่นบทผู้นำในการขับเคลื่อนพลังงานไฮโดรเจน เห็นได้ชัดจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งค่ายใหญ่อย่าง Toyota เชื่อว่า นี่ล่ะคือ ทางออกของพลังงานแห่งอนาคต และพยายามผลักดันมาตลอด – ตั้งแต่ปี 1990
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Toyota เพิ่งเข็นรุ่น Mirai 2021 ออกสู่ท้องตลาด มีจุดขายเรื่องระยะทางการวิ่งที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่าเดิม
อันที่จริง ญี่ปุ่นมีแพลนนำรถไฮโดรเจนเข้ามาประชาสัมพันธ์และใช้เป็นพาหนะรับส่งนักกีฬาในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศได้เป็นเจ้าภาพ – แต่น่าเสียดายที่งานถูกเลื่อนออกไป เพราะปัญหาโควิด-19

รถเมล์ไฮโดรเจนของญี่ปุ่นที่จะใช้ในกีฬาโอลิมปิค l Reuters
ถึงกระนั้น แผนการพัฒนาก็ไม่ได้หยุดลงแต่อย่างใด
หัวใจสำคัญ คือ การสนับสนุนของภาครัฐ – ญี่ปุ่นเริ่มพัฒนาพลังงานนี้มาตั้งแต่ปี 1970 พร้อมๆ กับพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ในโครงการพลังงานสีเขียว
ปัจจุบัน ภายใต้แผนงานสิ่งแวดล้อม ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นประเทศที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ให้ได้ 100% ภายในปี 2050 ก็มีแผนงานพลังงานไฮโดรเจนบรรจุไว้เป็นสาระสำคัญ
รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งใจกระตุ้นการใช้พลังงานไฮโดรเจนให้มากขึ้นเป็น 3 ล้านตันภายในปี 2030 และ 20 ล้านตันภายในปี 2050 และสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฮโดรเจน ซึ่งคาดว่าจะทำให้แหล่งพลังงานชนิดนี้มีราคาถูกลง
ในปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นทุ่มงบประมาณ 7 หมื่นล้านเยนเพื่อส่งเสริมพลังงานไฮโดรเจน
และปี 2021 ได้ตั้งงบราว 84.8 พันล้านเยน ในจำนวนนั้น แบ่งไว้ 3 หมื่นล้านเยน เพื่ออุดหนุนการซื้อรถยนต์ไฮโดรเจน และการตั้งสถานีเติมพลังงาน
ปัจจุบันมีรถยนต์ที่ใช้ไฮโดรเจนวิ่งบนท้องถนนญี่ปุ่น ประมาณ 3,700 คัน มีสถานีเติมพลังงาน 135 แห่งทั่วประเทศ (ซึ่งมากที่สุดในโลก)
แต่ในอีก 4 ปีข้างหน้า ญี่ปุ่นต้องการเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฮโดรเจนบนถนนไม่น้อยกว่า 200,000 คัน
อนาคตของรถยนต์ไฮโดรเจนที่เริ่มมีหวัง
ปี 2020 ที่ผ่านมา ถือเป็นยุคแห่งความหวังของเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เนื่องจากมีหลายประเทศผลักดันเรื่องนี้เข้าไว้ในแผนงานลำดับต้นๆ
ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เช่น เกาหลีใต้ทุ่มงบ 160 ล้านล้านวอน จัดหารถยนต์ไฮโดรเจนให้ได้ 200,000 คัน และสร้างสถานีเติมเชื้อเพลิงให้ได้ 450 แห่งภายในปี 2025 ขณะที่บริษัทฮุนไดมอเตอร์ของเกาหลีใต้ก็พยายามพัฒนาศักยภาพรถยนต์ไฮโดรเจนเพื่อเอาชนะคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น
ประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน รัฐบาลเริ่มเบนเข็มมาทางรถยนต์ไฮโดรเจนมากขึ้น โดยวางแผนว่าในปี 2030 ต้องมีรถยนต์ไฮโดรเจน 1 ล้านคันวิ่งอยู่บนท้องถนน และต้องมีสถานีเติมเชื้อเพลิงให้ได้ 1,000 แห่ง
ในเยอรมัน ก็พยายามพัฒนาเทคโนโลยีด้านการผลิตเชื้อเพลิงอย่างเต็มกำลัง มีแผนจะใช้จ่าย 7 พันล้านยูโรเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวเทคโนโลยีไฮโดรเจนในตลาด
หรือในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งแหล่งทำเงินสูงสุดของตลาดรถยนต์ไฮโดรเจนจากญี่ปุ่น ก็กำลังเพิ่มจำนวนสถานีเติมเชื้อเพลิง เพื่อรองรับปริมาณรถยนต์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากนโยบายแบนรถยนต์แบบเก่าให้หมดไปจากท้องถนนให้ได้ภายในวันที่ 1 มกราคม 2040

สถานีเติมไฮโดรเจนในแคลิฟอร์เนีย l San Diego Union-Tribune
แนวโน้มการเติบโตเหล่านี้ เกิดขึ้นเพราะนโยบาย (สิ่งแวดล้อม) ภาพรวมของประเทศ ไม่ว่าจีน เกาหลีใต้ เยอรมัน ญี่ปุ่น หรือเมืองแคลิฟอร์เนีย ต่างมีแผนยกเลิกรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบเก่าออกไปจากท้องถนน ซึ่งนำไปสู่การมองหาทางเลือกใหม่ๆ และรถไฮโดรเจนก็เป็นหนึ่งในคำตอบนั้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดรถไฮโดรเจนจะเป็นพลังงานแห่งอนาคตได้จริงหรือไม่ เมื่อมองจากแนวโน้มภาพรวม ก็คงพอมีทางเป็นไปได้
แต่จะเป็นทางเลือกหลักเลยหรือเปล่า ก็คงขึ้นอยู่กับการพัฒนาพลังงานชนิดนี้ในด้านต่างๆ ว่าจะทำได้ดีขึ้นแค่ไหน เพื่อแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงไม่แพ้กัน
อ้างอิง:
- Nikkei Asia. Be water: Japan’s big, lonely bet on hydrogen. https://s.nikkei.com/3pm2o4I
- CNBC. Elon Musk hates hydrogen, but automakers are still investing in it — and for good reason. http://cnb.cx/3pk7m1I