เมื่อเที่ยว กินข้าว ดูหนัง เดินเล่นคนเดียวก็ฟินได้ กับเทรนด์การชอบไปไหนมาไหนคนเดียว ‘โอฮิโตริซามะ’ ที่ตลาดกำลังเติบโตต่อเนื่อง
1 – ไปกินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว ชอปปิงคนเดียว ไปดูคอนเสิร์ตคนเดียว เรื่องเหล่านี้ถ้าเป็นในสมัยก่อนคงถูกมองว่าแปลกและแอบดูเป็นกิจกรรมที่เหงาไปหน่อย แต่ในปัจจุบันถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ ที่หลายคนสามารถใช้ชีวิตไปทำกิจกรรมที่ชอบคนเดียวได้ แถมยังมีร้านอาหาร หรือกิจการอื่นๆ ที่ทำออกมาตอบโจทย์คนที่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว
โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่มีวัฒนธรรม ‘โอฮิโตริซามะ’ (Ohitorisama) หรือที่บางคนรู้จักกันในชื่อ Super Solo ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตแบบทำอะไรคนเดียวได้อย่างอิสระ สามารถเลือกทำในสิ่งที่ชอบได้ทันที แบบไม่ต้องรอใคร ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อผ่อนคลายจากปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่
2 – ซึ่งกระแสโอฮิโตริซามะฟีเวอร์เติบโตมาจากเหล่ากลุ่มคนโสด ที่อยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่คนเดียว แต่ในปัจจุบันกระแสนี้ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนวัยทำงานอายุระหว่าง 30-40 ปี รวมถึงคนที่แต่งงานหรือมีแฟนแล้ว แต่ก็อยากจะปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวและทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจบ้างเป็นครั้งคราว
และได้มีนักวิจัยจาก Hakuhodo หนึ่งในบริษัทโฆษณาใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น คาดการณ์ไว้ว่ากว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรที่อายุมากกว่า 15 ปี จะเลือกใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมากขึ้น และภายในปี 2040 ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนที่นิยมอยู่คนเดียวมากกว่าสร้างครอบครัว
3 – ทำให้ในปัจจุบันธุรกิจในญี่ปุ่นเริ่มมีการปรับตัวจากร้านที่เหมาะสำหรับไปแฮงเอาท์หลายๆ คน สู่การจัดร้านแบบใหม่หรือมีร้านเกิดขึ้นใหม่ ให้เหมาะกับคนที่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว อย่างร้านปิ้งย่างหรือชาบูที่เมื่อก่อนจะเป็นโต๊ะขนาดใหญ่นั่งได้หลายคน ได้มีการเพิ่มที่นั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์ พร้อมมีเตาเล็กๆ สำหรับนั่งกินคนเดียวได้ และบางร้านยังให้สั่งอาหารผ่านแท็บเล็ต เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคุยกับใครในเวลาที่อยากอยู่คนเดียว
หรือแม้แต่กิจกรรมที่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนไปคนเดียวอย่างการร้องคาราโอเกะ ที่มักจะเป็นสถานที่ปาร์ตี้หลังเลิกเรียนหรือหลังเลิกงาน ทำให้ส่วนมากจะเป็นห้องรับรองขนาดใหญ่ที่รองรับลูกค้าได้หลายคน แต่ในปัจจุบันก็มีคนที่อยากมาใช้บริการคนเดียวเพิ่มขึ้น 30-40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีการทำห้องขนาดเล็กคล้ายตู้โทรศัพท์ออกมาให้บริการมากขึ้น
ประเทศญี่ปุ่นจึงแทบจะเป็นประเทศแรกๆ ที่เราได้เห็นคนใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียว และมีธุรกิจที่ทำออกมาตอบโจทย์คนที่ไปไหนมาไหนคนเดียวออกมาให้เห็นมากมาย แต่แท้ที่จริงแล้วในหลายประเทศก็มีคนที่เลือกใช้ชีวิตเป็นโสดกันมากขึ้น ยืนยันได้จากการวิจัยของ Euromonitor บริษัทวิจัยการตลาดในลอนดอนที่ออกมาบอกว่า คนจะเลือกใช้ชีวิตเป็นโสดมากขึ้นถึง 128 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2030
4 – ซึ่งกระแสนี้ก็ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลจากแดนอาทิตย์อุทัยมาสู่เมืองไทยเช่นกัน สังเกตได้จากเรามักจะเห็นมีคนไปทำกิจกรรมคนเดียวมากขึ้น หรือที่บางคนเรียกว่า Solo Date โดยไปทำกิจกรรมที่เหมือนไปเดตกับตัวเอง เพื่อผ่อนคลายความเครียด เติมความสุขในชีวิต อย่างการไปกินอาหารคนเดียว ที่ในไทยก็มีโซนสำหรับผู้มาคนเดียวคอยให้บริการ หรือไปคาเฟ่คนเดียวก็เริ่มมีหลายร้านที่ทำเคาน์เตอร์บาร์และโต๊ะขนาดเล็กเหมาะสำหรับไปนั่งทำงานหรือนั่งชิลๆ คนเดียวได้
และในปัจจุบันวัฒนธรรมแบบโอฮิโตริซามะ ซึ่งเป็นการไปทำอะไรคนเดียวถูกมองในแง่บวกมากขึ้น ซึ่งไม่ได้แปลว่าเป็นคนอินโทรเวิร์ต เป็นคนมีเพื่อนน้อย หรือไม่มีเพื่อนคบเพียงอย่างเดียว แต่สามารถตีความได้ว่า บางที บางคนแค่อยากพักจิตใจให้สงบ ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทำในสิ่งที่ชอบก็เท่านั้นเอง ซึ่งวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปก็ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวตาม และอาจจะเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์คนชอบใช้ชีวิตคนเดียวในอนาคตเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้
อ้างอิง:
- The rise of Japan’s ‘super solo’ culture https://tinyurl.com/5ycaxsf7
- Going solo: ‘Ohitorisama’ or the Japanese art of doing it alone https://tinyurl.com/v86kkddr