Magnificent Seven: ทำความรู้จัก 7 บริษัทมหาอำนาจ ที่หลายคนมองว่ากำลังจะครองโลก

2 Min
1502 Views
17 Jul 2023

Select Paragraph To Read

  • 1 - FAANG จุดเริ่มต้นตำนานเหล่าองค์กรใหญ่ในอดีต
  • 2 - Magnificent Seven คืออะไร?
  • 3 - เมื่อหุ้น 7 ตัวมีมูลค่าเกินครึ่งของตลาด

1 - FAANG จุดเริ่มต้นตำนานเหล่าองค์กรใหญ่ในอดีต

ย้อนไป 10 ปีก่อนในปี 2013 มีนักวิเคราะห์หุ้นเสนอว่า ในเวลาอันใกล้หุ้นตัวท็อปตลาดหุ้นอเมริกาจะกลายเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั้งหมด โดยเขาก็ให้จับตา Facebook, Amazon, Netflix และ Google เอาไว้ ซึ่งต่อมาหุ้นพวกนี้ก็ขึ้นรัวๆ จริง และหุ้นอีกตัวที่ขึ้นไปต่อเนื่องคือ Apple เขาก็เลยบอกให้รวม Apple เข้าไปในกลุ่มนี้ด้วย

หุ้นกลุ่มนี้เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักเล่นหุ้นนับแต่นั้นด้วยตัวย่อของชื่อทุกบริษัทว่าหุ้นกลุ่ม FAANG และในภาษาหุ้นอเมริกา การลงทุนในหุ้นกลุ่ม FAANG ก็หมายถึงการลงทุนในหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่มี ‘อนาคต’ 

ในตอน 10 ปีก่อนโน้น ถ้าไม่นับ Apple กับ Google หุ้นตัวอื่นๆ ไม่ได้อยู่ในหุ้นระดับ Top 10 ของอเมริกา แต่ผ่านมา 10 ปี หุ้นกลุ่ม FAANG ทุกตัวยกเว้น Netflix กลายมาเป็นหุ้นใหญ่ Top 10 ของอเมริกาหมด และมาตอนนี้ในปี 2023 ก็เลยเกิดไอเดียใหม่ และตั้งชื่อกลุ่มหุ้นใหม่ชื่อ ‘Magnificent Seven’ ตามหนังคาวบอยชื่อดังในปี 1960 (ที่ เควนติน ทารันติโน ก็เอามาตั้งชื่อหนังของตัวเองในปี 2016)

2 - Magnificent Seven คืออะไร?

ซึ่งถามว่าคืออะไร Magnificent Seven คือหุ้นที่เขาคาดว่ามันจะเป็นบริษัทที่จะมีมูลค่าสูงสุดในอเมริกา (และจริงๆ คือของโลกด้วย) ในช่วงถัดจากนี้ไปยาวๆ โดยถ้าจัดลำดับ ตามขนาด ณ วันนี้ (11 ก.ค. 2023) Magnificent Seven ได้แก่ 

  • Apple
  • Microsoft
  • Google (Alphabet),
  • Amazon
  • Nvidia
  • Tesla
  • Facebook (Meta) 

ซึ่งนี่คือบริษัทที่ใหญ่สุดในอเมริกา 7 อันดับแรก (ถ้าสงสัยอีก 3 อันดับ มันคือ Berkshire Hathaway บริษัทลงทุนของ Warren Buffet, Visa บริษัทเพย์เมนต์เกตเวย์ชื่อดัง และ UnitedHealth ที่เป็นประกันสุขภาพเอกชนที่ใหญ่สุดของอเมริกา) หรือพูดอีกแบบคือมันคือหุ้นกลุ่ม FAANG นั่นแหละ แค่เขี่ย Netflix ออก และเพิ่ม Microsoft, Nvidia และ Tesla เข้ามาแทน อย่างไรก็ดี ความต่างของ FAANG กับ Magnificent Seven ก็คือ อันแรกเขาเก็งพวกบริษัทที่ ‘มีอนาคต’ แต่อันหลังนี่คือพวกที่ ‘ครองตลาด’ เรียบร้อยแล้ว

และถามว่าทำไมมันเกิด Magnificent Seven ขึ้นในปี 2023 คำตอบสั้นๆ คือเทคโนโลยี AI โดยทุกบริษัทใน Magnificent Seven เป็นบริษัทที่ไม่ ‘ตกกระแส’ ด้าน AI ทั้งหมด และนักลงทุนก็มองว่ายังไงมันก็จะเป็นเทคโนโลยีที่ทำเงินได้มหาศาล ยังไงมันก็มา และนี่คือเหตุผลที่ Netflix ที่รายได้ลดลงต่อเนื่องในช่วงโควิด และตกกระแส AI ต้องตกไปจากหุ้นดาวรุ่งในที่สุด และเหตุผลเดียวกันนี้ก็ทำให้ Nvidia ที่ผลิต ‘การ์ดจอ’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักในการ ‘ประมวลผล AI’ นั้นหุ้นขึ้นอย่างบ้าคลั่งและติดมาใน Magnificent Seven ด้วย ซึ่งจริงๆ Magnificent Seven นี่เป็นคำที่เกิดขึ้นหลัง Nvidia เข้ามาเป็นหุ้น Top 10 ด้วยซ้ำ 

หรือพูดง่ายๆ มันเหมือนรอให้ Nvidia เข้ามาให้ครบ 7 บริษัท เพื่อจะได้บัญญัติคำเท่ๆ ว่า Magnificent Seven นี่แหละ

3 - เมื่อหุ้น 7 ตัวมีมูลค่าเกินครึ่งของตลาด

ทั้งนี้การเกิดขึ้นของ Magnificent Seven นั้นไม่ใช่คำที่ใช้พูดกันเล่นๆ ในหมู่นักลงทุนเท่านั้น แต่ฝั่งพวก ‘คนทำดัชนีหุ้น’ ก็ต้องเริ่มปรับ เพราะหุ้นทั้ง 7 ตัวอยู่ในตลาด Nasdaq ทั้งหมด มันเลยทำให้ดัชนี Nasdaq 100 รวนมาก เพราะ 7 บริษัทคือมูลค่ากินเข้าไป 55 เปอร์เซ็นต์ ของดัชนีแล้ว ดังนั้น พอหุ้นพวกนี้แกว่งขึ้นลงมันจะทำให้ดัชนีแกว่งตามอย่างรุนแรง ซึ่งเขามองว่าการเป็นแบบนี้มันทำให้การทำดัชนีมีปัญหา เพราะดัชนีมันควรจะสะท้อน ‘ภาพรวมของตลาด’ ไม่ใช่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และเขาก็เลยพยายามจะสร้างสมดุลโดยการ ‘ลดน้ำหนัก’ ของหุ้น Magnificent Seven ในดัชนี โดยจะประกาศในวันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2023 นี้

แต่ก็นั่นเอง โลกก็น่าจะอยู่กับ Magnificent Seven กันสักพัก ซึ่งพวกนี้ก็ใหญ่จริงๆ และก็ดูจะใหญ่ไปอีกยาวจนกว่าจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ มาทำการ disrupt อุตสาหกรรมในภาพใหญ่กันอีกรอบ