หากพูดถึงป๊อกกี้ โคลลอน ไจแอนท์ เพรสท์ และแบรนด์ขนมสัญชาติญี่ปุ่นหลายๆ ยี่ห้อ ก็จะสังเกตเห็นว่าหลายแบรนด์มักจะเป็นขนมภายใต้อาณาจักรของ ‘กูลิโกะ’ (Glico) แต่รู้หรือไม่ว่ากูกิโกะมีต้นกำเนิดมาจาก ‘น้ำซุปหอยนางรม’ และเกิดจากความตั้งใจที่อยากทำขนมเพื่อสุขภาพอีกด้วย
เริ่มที่ต้นกำเนิดของกูลิโกะเมื่อ 102 ปีที่แล้ว ริ-อิจิ เอซะกิ (Ri-ichi Ezaki) ผู้ก่อตั้งกูลิโกะ ที่เติบโตในครอบครัวที่อยู่ในวงการเภสัชกรรม ทำให้มีความรู้เรื่องอาหารและยาเป็นอย่างดี จนวันหนึ่งได้อ่านหนังสือพิมพ์เจอว่าหอยนางรมมีไกลโคเจนที่ดีต่อสุขภาพ
ประกอบกับในตอนนั้นเขามักจะเห็นชาวประมงแถวบ้านเกิด ต้มหอยนางรมและเทน้ำทิ้งอยู่เป็นประจำ จึงขอเก็บตัวอย่างน้ำไปวิเคราะห์ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยคิวชูอิมพีเรียล โดยผลออกมาว่า แม้แต่ในน้ำต้มหอยนางรมก็ยังมีสารไกลโคเจนในปริมาณมาก
และเรื่องนี้ก็ได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจน เมื่อตอนที่ลูกชายของเขาป่วยด้วยโรคไข้รากสาดใหญ่ (Typhus) และไม่ว่าจะรักษาอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้น เขาจึงลองให้ลูกดื่มน้ำต้มหอยนางรม จากนั้นลูกชายของเขาก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ
จึงจุดประกายให้เขาอยากเปลี่ยนไกลโคเจนมาเป็นยาที่ทำให้ผู้คนมีร่างกายที่แข็งแรง ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่ต้องเป็นอะไรที่กินง่าย เพื่อให้เด็กซึ่งเป็นวัยที่ต้องการไกลโคเจนมากที่สุดเลือกกินสิ่งนี้
เขาจึงนำคาราเมลซึ่งเป็นสินค้าตะวันตกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนั้น มาผสมกับน้ำต้มหอยนางรม เพื่อให้มีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น ไม่มีความคาว จนเกิดเป็นสินค้าชิ้นแรกของกูลิโกะคือลูกอม ‘Glico Caramel’ ที่เปิดตัวมาพร้อมกับวิสัยทัศน์ที่ว่า ‘GREAT TASTE and GOOD HEALTH’ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในฐานะขนมเพื่อสุขภาพ
ส่วนการตั้งชื่อ Glico ก็ดัดแปลงมาจากคำว่า Glycogen เพื่อตอกย้ำจุดประสงค์ในการก่อตั้งแบรนด์ ส่วนคาแรกเตอร์ผู้ชายวิ่งเข้าเส้นชัยหรือ ‘Glico Running Man’ ก็มีที่มาจากสินค้าตัวแรกที่อยากจะสื่อว่าลูกอมคาราเมล 1 เม็ดให้พลังงานที่ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 300 เมตร และสื่อถึงการเป็นแบรนด์ที่อยากให้ผู้คนมีสุขภาพดีอีกด้วย
แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันภาพลักษณ์ของกูลิโกะได้เปลี่ยนไป หลังจากออกสินค้ามาเป็นขนมหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสวนทางกับภาพจำของคนส่วนใหญ่ว่าขนมเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์และไม่ได้ดีต่อสุขภาพมากนัก
อย่างไรก็ตามกูลิโกะยังคงยึดมั่นวิสัยทัศน์เดิมตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มา ทำให้ เอตสึโระ เอซะกิ CEO ของกูลิโกะคนปัจจุบัน ได้ทำการทำลองหาความลงตัวระหว่างรสชาติและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ด้วย Machine Learning ภายในแล็บของกูลิโกะเอง นอกจากนี้ยังใช้ AI มาช่วยคิดค้นว่าจะทำอย่างไรให้ขนมที่มีอยู่กลายเป็นขนมที่ดีต่อสุขภาพ ตามความตั้งใจเดิมของผู้ก่อตั้ง
กระทั่งล่าสุดได้เปิดตัวนมอัลมอนด์โคกะ ที่เป็นนมแพลนต์เบส สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคของคนในยุคปัจจุบัน จนทำให้นมอัลมอนด์โคกะขึ้นแท่นเป็นนมที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน
จะเห็นได้ว่าจากจุดเริ่มต้นที่ ริ-อิจิ เอซะกิ ไม่ได้ตั้งใจจะทำขนม แต่จะทำยาจากไกลโคเจนที่เด็กสามารถกินได้ เขาจึงจับพฤติกรรมของเด็กๆ ที่ชอบกินขนม มาสู่การทำลูกอมที่ดีต่อสุขภาพ ถึงแม้จะสวนทางกับภาพจำของคนที่มองว่าขนมไม่ได้มีประโยชน์
แต่กูลิโกะก็ยังคงยึดมั่นในจุดยืนและพยายามคิดค้นขนมที่ดีต่อสุขภาพต่อไป จึงไม่น่าแปลกใจที่ว่าทำไมกูลิโกะถึงเป็นแบรนด์ขนมยอดนิยม ที่ต่อให้ผ่านเวลามากว่า 102 ปี ก็ยังคงขายดีไม่เคยเปลี่ยน
อ้างอิง:
- Global History http://tinyurl.com/8kak7wmj
- A Brief History of Glico, Creator of Pocky http://tinyurl.com/25dewbaw
- Japanese food giant using AI to make snacks nutritious and delicious. Will it bear fruit, or should it stick to Pocky? http://tinyurl.com/mwwfc25j