เจาะเทรนด์ธุรกิจมาแรงปี 2024 เทรนด์ ESG ธุรกิจสัตว์เลี้ยง การตลาดแบบอินไซต์ AI Metaverse และสังคมผู้สูงอายุยังฮอตฮิตไม่มีแผ่ว

ใกล้จะหมดปี 2023 อีกหนึ่งปีที่มีการแข่งขันทางธุรกิจอย่างดุเดือดและมีการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการที่หลายธุรกิจหันมายึดหลัก ESG กันมากขึ้น เพื่อพัฒนาองค์กรให้ก้าวสู้ความยั่งยืน โดยคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล การที่ธุรกิจสัตว์เลี้ยงโตวันโตคืนจนสร้างรายได้มหาศาล

การกลับมาของกระแสการสะสมของเล่น ตุ๊กตา และเกิดวัฒนธรรมกล่องสุ่ม โดยเฉพาะอาร์ตทอยที่ฮอตฮิตเพิ่มขึ้นไปอีกในปีนี้ รวมถึงในธุรกิจอาหารที่ทั้งร้านปิ้งย่าง บุฟเฟต์ และหมาล่าก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน ซึ่งในทุกปีผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่ ต่างจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหรือต่อยอดแผนธุรกิจเพื่อให้ก้าวทันเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ

และสำหรับปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ได้มีเทรนด์ที่น่าจับตามองมากมาย ทั้งเทรนด์ที่ฮอตฮิตต่อเนื่องมาจากปี 2023 หรือจะเทรนด์ที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับคุณได้ โดยจะมาอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันได้เลย!

อ้างอิง:

• 3 เหตุผล “มาม่า OK x เลย์” ครั้งแรกที่มาม่าทำ Collaboration ดันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพรีเมียมให้ Mass เหมือนหมูสับ – ต้มยำ https://tinyurl.com/3am5an9s
• 9 Top Business Trends (2024 & 2025) https://tinyurl.com/4k49v3fr
• The 10 Biggest Business Trends For 2024 Everyone Must Be Ready For Now https://tinyurl.com/35bdjfbn
• จับกระแส “เทรนด์ธุรกิจ” ปี 2024 ไปทางไหน? สินค้ารักษ์โลก-เพื่อคนสูงวัย และทาสสัตว์เลี้ยง มาแรง! https://tinyurl.com/ypt75dyv

เป็นเทรนด์ธุรกิจที่ยังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ในวันที่ผู้บริโภคยังติดสินใจเลือกสินค้าที่เป็นมิตรต่อโลก และทำให้คุณภาพชีวิตของพนักงาน ของลูกค้า ไปจนถึงทำให้สังคมดีขึ้น แต่ในอนาคตเทรนด์นี้จะเข้มข้นและจริงจัง มากขึ้น เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันมองออกว่าธุรกิจไหนที่มีการฟอกเขียว (Greenwashing) และธุรกิจไหนที่ดำเนินกิจการภายใต้หลัก ESG จริงๆ 

นอกจากนี้การวิจัยจาก IBM และ National Retail Federation ได้เผยว่า ผู้คนทั่วโลกกว่า 85% ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่ยั่งยืนมากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นั่นจึงทำให้ธุรกิจที่จะเติบโตไปข้างหน้าต้องใส่ในในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้วัตถุดิบหรือพลังงานทางเลือกมาทดแทนการใช้เชื้อเพลิง ไปจนถึงการดำเนินธุรกิจแบบมีจริยธรรม บริหารและดูแลพนักงานอย่างเป็นธรรม ก็เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

เทรนด์การเลี้ยงสัตว์เหมือนลูกที่ทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงในไทยมีมูลค่าถึง 20,000 ล้านบาท โดยกว่า 75-85% เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสัตว์ แต่ในปีหน้าคาดว่าสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมไม่ได้มีแค่น้องหมา น้องแมวเท่านั้น แต่สัตว์กลุ่มอื่นๆ และสัตว์ประเภท Exotic เช่น หนู กระต่าย ชินชิล่า เต่า กบ น่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จากการที่คนอยากเลี้ยงสัตว์ที่ไม่ส่งเสริมดังมากขึ้น

นอกจากนี้ไม่เพียงแต่อาหารและสินค้าเกี่ยวกับสัตว์ที่ยังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น แต่เหล่าพ่อแม่ที่เลี้ยงสัตว์ยังพร้อมจ่ายหนักให้กับบริการที่ทำให้คุณภาพชีวิตของลูกพวกเขาดีขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการ Grooming สัตว์เลี้ยง ที่เมื่อก่อนจะเป็นแค่อาบน้ำตัดขน แต่ทุกวันนี้บางคนต้องการให้ทำสปาเล็บ สปามือให้กับน้องๆ อีกด้วย หรือจะเป็นธุรกิจประกันสัตว์เลี้ยง เฟอร์นิเจอร์สำหรับสัตว์เลี้ยง รถที่รับ-ส่งสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ไปจนถึงธุรกิจสุดแปลกอย่างนักสืบสัตว์เลี้ยง ที่ได้ให้บริการตามหาตอนน้องๆ หายตัวออกจากบ้าน

เมื่อผู้บริโภคในปัจจุบันมีความเป็นปัจเจกกันมากขึ้น สินค้าจึงไม่เพียงแต่คิดมาเพื่อให้ใช้ แต่ต้องอินไซต์จนเหมือนเป็นสิ่งที่คิดมาเพื่อนลูกค้าคนนั้นโดยเฉพาะ ในการพัฒนาสินค้าต่อไปจึงต้องเจาะลึกความต้องการแต่ละบุคคลให้ได้

แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถที่จะทำสินค้าออกมาสนองคนคนเดียวได้ จึงต้องหา Pain Point ที่เชื่อมโยงกันของแต่ละคนให้เจอ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ Scale ที่ใหญ่ขึ้น เช่น L’Oréal ที่ใช้เทรนด์นี้ในการพัฒนาเครื่องสําอางที่ปรับให้เหมาะกับสภาพผิวของลูกค้าแต่ละคนได้

อีกหนึ่งเทรนด์ที่กระแสดีไม่มีตกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และคาดว่าปีหน้าก็จะเป็นปีทองของการใช้ AI อีก แต่จะถูกนำมาใช้วิเคราะห์เชิงคาดการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต จากการใช้ AI เก็บข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นต่อธุรกิจ เช่น พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกัน

นอกจากนี้ AI ยังถูกนำมาใช้ในการคุยกับลูกค้าอย่างแชทบอท เพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง การใช้ AI ในการซื้อโฆษณา ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพตำแหน่งโฆษณาได้แบบเรียลไทม์ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ประการควรให้ความสำคัญคือ เรื่องความปลอดภัยในการใช้ AI ที่ต้องมีมากขึ้น อย่างการใช้ AI คุยกับลูกค้าก็จะต้องมั่นใจได้ว่า ข้อมูลเหล่านั้นจะปลอดภัยและถูกเก็บเป็นความลับ รวมถึงการใช้ AI จะต้องไม่ทำให้เกิดการเลิกจ้างงานหรือไปละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์

ในช่วงหลายปีมานี้การมาถึงของเทคโนโลยี Metaverse ได้สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วทุกอุตสาหกรรม ถึงแม้ช่วงหลังๆ มานี้ความนิยมดูจะลดลงเรื่อยๆ แต่ถ้ามาดูกันที่ตัวเลขแล้วตลาดเทคโนโลยีที่สมจริง รวมถึง AR VR และ MR มีมูลค่าเกือบ 28 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ยังมีการสำรวจพบว่าผู้บริโภคมากกว่า 50% ยินดีที่จะใช้ AR/VR เพื่อทดลองหรือประเมินสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อจริง และมีผู้บริโภคกว่า 20% ที่ตัดสินใจซื้อสินค้าจากการทดลองด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ นั่นจึงเป็นใบเบิกทางที่ทำให้เห็นว่าเทคโนโลยีโลกเสมือนก็ช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายได้ เช่น แบรนด์เครื่องสำอางค์ที่เปิดให้ลองลิปสติกด้วย AR ผลปรากฏว่ามีผู้ลองสินค้ามากกว่าหน้าร้านถึง 2 เท่า 

หรือจะเป็นเครื่องมือ Try On for Home Decor ที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดบ้านเสมือนจริงด้วยเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ผ่านกล้อง Pinterest Lens ที่ทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มซื้อสินค้ามากกว่าเดิมถึง 5 เท่า

ในวันที่หลายประเทศทั่วโลกแทบจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุกันอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะเมื่อ WHO ได้รายงานว่าในปี 2024 ประชากรผู้วัยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปจะมีจํานวนมากกว่าผู้ที่มีอายุต่ํากว่า 15 ปี รวมถึงในประเทศไทยอายุเฉลี่ยของประชากรไทยที่มากกว่าอายุเฉลี่ยของประชากรโลก

ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้สูงวัยหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซื้อของใช้ที่ไร้สารปนเปื้อนและดีต่อสุขภาพผิว ไปจนถึงการเลือกใช้บริการด้านสุขภาพ หันไปออกกำลังกายกันมากขึ้น นั่นจึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่หากมีสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ผู้สูงวันที่ใส่ใจสุขภาพ ก็เป็นเห็นทางสู่การสร้างรายได้มหาศาลในปีหน้าได้