การมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติของความสัมพันธ์
และการคุมกำเนิดก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนต้องเรียนรู้เพื่อดูแลตัวเองและหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ขณะที่ไม่พร้อม รวมไปถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย
แต่การคุมกำเนิดไม่ได้มีวิธีเดียว แล้วแต่ละวิธีคืออะไรบ้าง และเราควรใช้วิธีไหนดี?
ถุงยาง (ราคาประมาณ 13-35 บาท / ชิ้น)
ถุงยางอนามัยเป็นการคุมกำเนิดพื้นฐาน มีลักษณะเป็นแผ่นเหนียวคล้ายลูกโป่งสวมที่องคชาตของผู้ชาย ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากไม่ได้ป้องกันแค่การตั้งครรภ์ แต่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย แต่ถุงยางอนามัยไม่ได้ปลอดภัย 100% เทียบกับการคุมกำเนิดประเภทอื่นและมีโอกาสพลาดสูงมากกว่าเนื่องจากการใส่ที่ไม่ถูกวิธี หรือคุณภาพของถุงยางที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้เกิดการรั่ว ขาด หรือหลุดได้
ยาคุม (ราคาประมาณ 80-590 บาท / แผง)
ยาคุมกำเนิดเป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมสูง โดยต้องกินยาติดต่อกันทุกวันเป็นระยะเวลา 21 วัน และเว้นช่วงสำหรับมีประจำเดือน แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาวเพราะมีโอกาสลืมทานได้ นอกจากนี้ยังมียาคุมแบบฉุกเฉินซึ่งให้ทานหลังมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 120 ชั่วโมง แต่ไม่ควรใช้เป็นประจำ เพราะอาจส่งผลต่อร่างกายเช่นประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
ฝังยาคุม (ราคาประมาณ 2,500-4,000 บาท / 3-5 ปี)
การฝังยาคุมเป็นการฝังเข็มขนาดประมาณ 3 เซนติเมตรฝังไว้ใต้ท้องแขน โดยจะมีฤทธิ์คุมกำเนิด 3-5 ปีแล้วแต่ชนิดของยา ให้ผลใกล้เคียงกับการกินยาคุมแต่ไม่จำเป็นต้องกินทุกวัน เหมาะสำหรับคนที่กลัวว่าจะลืมทานยาคุม นอกจากนี้ การฝังยาคุมยังเป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง สำหรับวัยรุ่นอายุ 10-20 ปีสามารถรับบริการฝังยาคุมได้ฟรีในโรงพยาบาลรัฐ
ฉีดยาคุม (ราคาประมาณ 100-500 บาท / 1-2 เดือน)
การฉีดยาคุมให้ผลใกล้เคียงกับการกินยาคุมแต่ไม่จำเป็นต้องกินทุกวัน ไม่มีผลต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันและปริมาณน้ำนม ดังนั้นในคนที่เพิ่งคลอดสามารถฉีดได้ แต่การคุมกำเนิดลักษณะนี้อาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการคุมในระยะสั้นๆ เพราะแม้ยาจะมีฤทธิ์ 1-3 เดือน แต่หลังหยุดฉีดยาอาจมีอาการประจำเดือนมาไม่ปกตินานถึง 6 เดือน
แผ่นแปะ (ราคาประมาณ 500-600 บาท / 3 สัปดาห์)
แผ่นแปะคุมกำเนิดเป็นวิธีการภายนอกคือใช้แผ่นฮอร์โมนที่มีขนาดราว 4X4 เซนติเมตร แปะที่บริเวณสะโพก ท้องน้อย ต้นแขน หรือแผ่นหลังส่วนบน โดยจะต้องเปลี่ยนทุกๆ สัปดาห์ เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ และเว้นช่วงเผื่อมีประจำเดือน เป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพดี แต่อาจมีอาการคันหรือรู้สึกไม่สบายตัวบริเวณที่แปะได้
ห่วงอนามัย (ราคาประมาณ 800-2,000 บาท / 3-5 ปี)
การใส่ห่วงอนามัยจะใส่เข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งจะมีสายออกจากปากมดลูกราว 2-3 เซนติเมตร ข้อดีคือไม่มีผลทางฮอร์โมนเหมือนกับการฝังหรือฉีดยาคุมกำเนิด แต่ต้องคอยตรวจเช็กสายห่วงอยู่สม่ำเสมอ
ทำหมัน (ราคาประมาณ 6,000-12,000 บาท / ตลอดชีวิต)
การทำหมันคือการคุมกำเนิดถาวรเหมาะสำหรับคนที่มีความมั่นใจว่าจะไม่มีลูกอย่างแน่นอน การทำหมันไม่มีผลต่อฮอร์โมนในร่างกายและไม่มีผลกับสมรรถภาพทางเพศอย่างที่หลายคนชอบเข้าใจผิด โดยจะแบ่งออกเป็นทำหมันหญิง คือการผูกและต่อท่อนำไข่ ส่วนการทำหมันชายคือการผูกและตัดท่อน้ำเชื้อในถุงอัณฑะ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายกว่าในผู้หญิง ไม่ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลด้วย