2 Min

ยิ่งเชื่อว่ารักเราต้องโรแมนติกตลอดเวลา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แตกร้าว

2 Min
670 Views
16 Nov 2023

รักแรกพบเพียงสบตา เวลาตกหลุมรัก ใครสักคนแล้วคิดว่าคนนี้แหละคือ คู่ในฝันที่สวรรค์ส่งมา 

วันนี้ MOODY ชวนทุกคนมาพูดถึงคนที่บูชาความรักแสนโรแมนติกกัน 

โดยที่ ‘รักโรแมนติก’ เกิดจากแนวคิดโรแมนติกในยุโรปช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ซึ่งถ่ายทอดอุดมการณ์ผ่านนนักกวี ศิลปิน และนักปรัชญา ทำให้แนวคิดแห่งความโรแมนติกนี้สอดแทรกไปตามวัฒนธรรมประเพณีมาจนถึงปัจจุบัน 

แนวคิดรักโรแมนติกมักเชื่อว่า ความรักที่แท้จริงคือการใช้ความรู้สึกชี้นำมากกว่าเหตุผลต่างๆ เพื่อพิจารณาว่าคนคนนี้ใช่หรือเปล่า หากความรู้สึกยืนยันว่า ใช่ ก็คือ ใช่ 

พวกเขาจะยอมรับทุกอย่างในตัวตนของคู่รักโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร 

โดยหมุดหมายสำคัญคือ การแต่งงาน ที่มาพร้อมกับงานเลี้ยงแสนหรูหรา การเฉลิมฉลอง ยินดีปรีดา รอยจูบหลังคำสัญญาแสนหวาน ไปจนถึงชีวิตหลังงานแต่งที่อบอุ่นราวกับช่วงเวลาที่เพิ่งอบขนมปังอันหอมกรุ่นเสร็จใหม่ในทุกๆ วัน และหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ดั่งในละครหรือนิยายรักอันหวานชื่น

แต่หากมองมาที่ชีวิตจริง คงไม่มีคู่รักไหนเป็นเช่นนั้น แนวคิดโรแมนติกนี้ นำเสนอความรักเพียงด้านเดียว คือความเพ้อฝัน และตอนจบบริบูรณ์ในฉากแต่งงานเท่านั้น แต่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงทั้งบวกและลบเพื่อให้คู่รักเห็นทั้งสองด้าน 

เช่น ถ้าเราเชื่อในความรักแนวคิดโรแมนติกจะทำให้เราเชื่อว่า เราจะมีความสุขทุกวัน ความรักจะเยียวยาเราได้ทุกเรื่อง มีคนรักคอยเอาใจ เข้าใจกันทุกอย่าง เป็นทุกอย่างให้กันและกันเสมอ ตลอดเวลา

ทั้งที่จริงๆ แล้ว ความรักมักจะมาพร้อมกับความทุกข์ใจ ความกังวล ความไม่แน่นอน ใช่ว่าจะมีแต่ความสุขเสมอไป

ในช่วงชีวิตหนึ่ง โดยเฉพาะวัยรุ่น เราอาจเคยมีค่านิยมแนวคิดโรแมนติกว่าเป็นความรักในอุดมคติ แต่เมื่อโตขึ้น ผ่านประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์ความรักมากมาย จึงรู้ว่า ความรักไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด แต่มีหลายด้านและซับซ้อนกว่านั้น

และการยึดถือแนวคิดโรแมนติกนี้ ก็มักทำให้เกิดความคาดหวังที่เกินจริง เช่น การที่เราเชื่อว่าคนรักต้องเข้าใจเราทุกอย่างแม้เราจะไม่พูด แล้วโยนความรับผิดชอบให้คู่รักของเราคาดเดาเอาเอง 

แต่อย่าลืมว่า ทุกความสัมพันธ์จะดำเนินไปดีได้ต้องประกอบด้วยหลายปัจจัย ทั้งการปรับตัวและการสื่อสารที่มีคุณภาพ  

เพราะในความจริงแล้ว ไม่มีใครเดาใจเราได้ถูก 100 เปอร์เซ็นต์ตลอดเวลา 

อย่าลืมว่าในชีวิตเรายังมีคนอื่นๆ ที่รักเรา มีความสัมพันธ์อื่น มีสังคมที่เราก็ต้องมีการเชื่อมต่อเช่นกัน 

คนรักไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่เป็นส่วนที่มาประกอบสร้างในส่วนที่เรารู้สึกว่าขาดหายไปเท่านั้น หรืออาจมาเพิ่มพูนชีวิตที่ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้นไป เป็นพาร์ตเนอร์ที่จูงมือกันเดินไปข้างหน้า

ดังนั้น อย่าปล่อยให้ความโรแมนติกสุดโต่งมาทำลายความสัมพันธ์ แต่ใช้มันให้เป็นเหมือนเครื่องปรุงรสที่มาช่วยให้ชีวิตมีหลายรสชาติขึ้นดีกว่า

อย่าลืมนะ มองความรักของเราให้เป็นไปตามความเป็นจริง นำเงื่อนไขในชีวิตของแต่ละคนมาคุยกันอย่างตรงไปตรงมา และช่วยกันเพื่อทำให้เงื่อนไขนั้นลงตัวกับชีวิตของคนทั้งสองคนจะดีกว่า 

อ้างอิง