เคยสงสัยกันไหมว่า ตัวเลขวันหมดอายุบนขวดนมนั้นเชื่อถือได้หรือไม่?
แล้วจะมีวิธีการเก็บนมได้นานขึ้นไหม หากกินไม่หมด?
ตามรายงานนมที่ถูกแช่เย็นจะมีอายุ 4 – 7 วันหลังจากวันที่พิมพ์บนขวด แต่หากนมขวดนั้นยังไม่เปิดจะมีอายุ 5 – 7 วัน โดยนมพร่องมันเนยจะสามารถอยู่ได้ 7 วัน และนมที่ไม่มีไขมัน ปราศจากแลคโตส หากแช่ในตู้เย็นจะอยู่ที่ 7 – 10 วัน
แน่นอนว่าวิธีการเก็บรักษานมนั้นมีผลต่อวันหมดอายุของนมเช่นกัน แม้จะเก็บไว้ในตู้เย็นเช่นเดียวกัน แต่หากตู้เย็นมีสิ่งไม่พึงประสงค์ต่อนมก็อาจทำให้นมเสียได้ Jen Giambroni ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของ Real California Milk ระบุว่าควรเก็บนมที่อุณหภูมิ 38 – 40 องศาฟาเรนไฮต์ และอยู่ห่างจากประตูตู้เย็น เมื่อเก็บนมไว้บนชั้นวางของประตูตู้เย็น นมจะได้รับอากาศอุ่นทุกครั้งที่เปิดออก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของแบคทีเรีย
“นอกจากนี้ อย่าลืมปิดฝากล่องนมของคุณให้แน่นด้วย สิ่งนี้ช่วยลดการปนเปื้อน และกลิ่นโดยไม่ได้ตั้งใจจากผลิตภัณฑ์แช่เย็นอื่นๆ” Pasieka กล่าว
นอกจากตำแหน่งการแช่นมแล้ว มีวิธีไหนที่สามารถทำให้นมอยู่ได้นานขึ้นไหม?
มี 2 วิธีที่จะสามารถยืดอายุการเก็บรักษานมในขวด หรือในกล่องได้
- เพิ่มเกลือป่นเล็กน้อยลงในนม
หลังจากที่เปิด และปิดฝาเพื่อเขย่านมกับเกลือให้เข้ากัน โดยเกลือที่ผสมอยู่ในนมนั้นจะช่วยเพิ่มความสดใหม่ให้นมได้อีก 2 – 3 วัน - การแช่นมในช่องแช่แข็ง
การทำเช่นนี้จะช่วยให้นมอยู่ที่หลายเดือน แต่เพื่อคุณภาพที่ดีของนม ควรบริโภคนมให้หมดภายในเดือนแรก เพราะหลังจากผ่านเดือนแรกไป นมจะเริ่มแยกตัวออกมาเป็นเม็ดเล็กๆ
ซึ่งนมพร่องมันเนยจะตอบสนองต่อการแช่แข็งได้ดีกว่านมที่มีปริมาณไขมันสูงกว่า และเก็บนมไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อไม่ให้ดูดซับรสชาติจากส่วนประกอบอื่นๆ ในตู้เย็น ที่สำคัญควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีพื้นที่ว่างประมาณ 1 นิ้วครึ่งในขวดนมหรือไม่ เพื่อป้องกันของเหลวที่ขยายตัวขณะแข็งตัวในการละลายนม
อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรบริโภคนมตามวันหมดอายุที่ระบุไว้ข้างขวด แต่วิธีการเก็บนมเหล่านี้ก็สามารถนำไปใช้ได้
อ้างอิง: reader’s digest. Here’s How Long Milk Really Lasts—And How to Make It Last Longer. https://bit.ly/3EuHR4T