บ้านเช่า บูชายัญ เมื่อ ‘ร่าง’ ไม่ต่างกับ ‘บ้าน’ ทุกคนต่างต้องการที่พึ่งพิง ทุกสิ่งต้องการที่อาศัย
เสมือนเป็นลายเซ็นประจำตัวไปแล้ว สำหรับงานหนังของ ‘จิม’ โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ ที่จะผูกโยงเรื่องราวสยองขวัญกระตุกจิตกระชากใจ ผูกโยงไว้บนการเล่าเรื่องสถานที่อันแสนน่ากลัว ไม่ว่าจะ ‘ลัดดาแลนด์’ ที่ผูกเรื่องราวไว้ในบ้านจัดสรร, ‘เพื่อน…ที่ระลึก’ เล่าเรื่องผ่านช่วงเวลาที่ฟองสบู่แตก และเหตุเกิดในตึกที่โดนเวนคืน (และอาจจะเหมารวม ‘โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต’ ที่เล่าเรื่องในโรงหนัง หรือกระทั่ง ‘เคว้ง’ ที่เล่าในเกาะร้าง) กระทั่งหนังเรื่องล่าสุด ‘บ้านเช่า บูชายัญ’ ก็ไม่พ้นการเล่าเรื่องในบ้านเช่า ที่แวบแรกอาจจะพานคิดไปว่า มันคือ ลัดดาแลนด์ ภาค 2 แต่เรื่องราวกลับไปไกลเกินกว่านั้น
สามีภรรยา จำเป็นต้องปล่อยบ้านให้คนอื่นเช่า เนื่องจากแบกภาระที่มีอยู่ไม่ไหว ทั้งสองเลือกปล่อยบ้านที่มีความหลังฝังใจตัวสามี เพื่อเลือกไปอยู่คอนโดของภรรยา โดยปล่อยบ้านนี้ให้หญิงปริศนาเช่าอยู่ ไม่นานนักหญิงสาวพบความผิดปกติจากปากคำของเพื่อนบ้าน ถึงความประหลาดของคนที่มาเช่า ไม่ว่าจะเป็นการปิดบ้านเงียบไม่สุงสิงกับใคร เสียงสวดที่ลอยมาตอนตีสี่ ไปจนถึงฝูงอีกาที่บินรายล้อมบ้านหลังนี้ จากบ้านธรรมดากลายร่างเป็นสำนักลัทธิอันแสนน่ากลัว ซ้ำร้าย สามีและลูกของเธอก็กำลังจะถูกชักพาเข้าลัทธินี้ด้วย
นี่คือเรื่องย่อที่ใช้เวลาในการเล่าอย่างฉับไว เพื่อที่จะค่อยๆ คลายปมของเรื่องราวทั้งหมดในองก์ 2 และ 3 อย่างมีแบบแผน จิม โสภณ เลือกเล่าความลึกลับผ่านลัทธิบูชายัญ ที่ครอบครัวที่กำลังคลอนแคลนทั้งในด้านความสัมพันธ์ และสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจำต้องเปิดรับคนแปลกหน้าเข้ามาอาศัยในบ้าน แม้หนังจะไม่ขยี้ปัญหาทางสังคมหนักๆ เท่ากับลัดดาแลนด์ แต่นัยที่แฝงเร้นในหนังก็น่าสนใจไม่ต่างกัน
[[ มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง ]]
กล่าวคือ การเปรียบเทียบบ้านเช่าไม่ต่างกับกายหยาบ ที่พร้อมจะให้วิญญาณเข้ามาฉกฉวยร่างนี้ เพื่อที่จะทำอะไรกับมันก็ได้ เป้าหมายหลักคือความพยายามของเจ้าแม่ลัทธิและวิญญาณที่เธอได้เก็บกักเอาไว้เพื่อรอหาบ้านสวยๆ โดยหมายมั่นที่จะครอบครองกรรมสิทธิ์ของพื้นที่ ก็ไม่ต่างกับการรุกล้ำของวิญญาณที่ต้องการยื้อแย่งร่างเพื่อสิงสู่ ผ่านผู้เป็นพ่อที่หัวใจกำลังสั่นคลอนและอ่อนแอถึงขีดสุด และวิญญาณที่ไม่ต่างกับคนเร่ร่อนไร้บ้านที่ต้องการหาร่างใดสักร่างมาพักอาศัย นัยของห้องเช่าจึงแข็งแรงพอที่จะกล่าวถึงการสิงสู่ของวิญญาณเร่ร่อนที่ต้องการหาร่างมาประทับ
และถึงแม้หนังเรื่องนี้จะสะท้อนปัญหาสังคมด้วยท่าทีที่เบาบางลง แล้วไปใส่ใจกับฟังก์ชันของการสร้างเงื่อนไขของลัทธิมากกว่า แต่หนังก็เน้นย้ำปัญหาครอบครัวด้วยการฉายภาพความจืดจางและห่างเหินของพ่อแม่ลูก ท่ามกลางสังคมยุคใหม่ การอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ก็หาได้ว่าจะต้องโยงใยอยู่ด้วยกันตลอดไป และการวางเด็กเป็นปมศูนย์กลางของเรื่องในการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเปลี่ยนร่าง นัยสำคัญก็อาจจะบอกได้ถึงคนรุ่นใหม่ที่กำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านของการสร้างสังคมที่ไม่จำเป็นต้องผูกมัดหรือยึดโยงใดๆ บ้านในความรู้สึกของพวกเขาอาจจะเป็นเพียงบ้านเช่าที่อาศัยอยู่ชั่วคราวเพื่อขยับขยายในวันข้างหน้าก็เป็นได้
กล่าวโดยสรุป บ้านเช่า บูชายัญ เป็นหนังที่คิดเยอะ และเป็นความดิ้นรนอีกเฮือกหนึ่งในการแสวงหาโลกแห่งความสยองขวัญที่ยังคงมีประสิทธิภาพที่พร้อมจะประคับประคองได้ทั้งบรรยากาศสุดหลอน หรือเนื้อเรื่องที่แข็งแรง และยังคงมีประสิทธิผลเมื่อผู้สร้างสามารถหยิบจับสิ่งใกล้ตัวมาทำให้เป็นผลงานที่ดีจนได้ผลที่น่าพอใจ และน่าสนับสนุน