นักข่าวฮ่องกงผันตัวขายไก่ทอด-ขับแท็กซี่ หลังรัฐบาล ‘ปิดสื่อ’ จนมีคนตกงานนับพัน
การทำงานสื่อในเขตบริหารพิเศษของจีนไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะ ‘ฮ่องกง’ ที่เคยได้รับการคุ้มครองด้านประชาธิปไตย แต่ปัจจุบันต้องอยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของจีนแผ่นดินใหญ่ที่ปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์
ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ฮ่องกงเกิดความวุ่นวาย มีการชุมนุมประท้วงข้อกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการแทรกแซงฮ่องกงของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้มีการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ ที่ระบุว่า ‘การกระทำใดๆ ก็ตาม’ ซึ่งเจ้าหน้าที่เห็นว่าเข้าข่ายสนับสนุนการแทรกแซงจากต่างประเทศ การแบ่งแยกดินแดน และการโค่นล้มรัฐบาล ล้วนเป็นความผิดทางอาญา และการประท้วงก็กลายเป็นอาชญากรรม
แต่สำหรับสื่อมวลชนผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวข้อเท็จจริงสู่ชาวโลก การปราบปรามในฮ่องกงนั้นรวมไปถึงการปราบปรามสื่อด้วย
หลังเหตุการณ์ประท้วงและการใช้ความรุนแรงปราบปรามเกิดขึ้นหลายครั้ง ชีวิตผู้สื่อข่าวฮ่องกงที่เคยมั่นคงต่ออาชีพก็ต้องผันตัวไปทำอาชีพอื่นเพื่อเอาตัวรอดในปัจจุบัน และหนึ่งในนั้นคือ สเตนลีย์ ไล (Stanley Lai) อดีตช่างภาพข่าวหนังสือพิมพ์ที่หันมาขับรถแท็กซี่แทน
จากอดีตที่เขาเคยต้องซิ่งรถในเมืองใหญ่เพื่อตามไปเก็บภาพที่ดีที่สุดให้คนอ่านมาตลอด 3 ทศวรรษ เขาก็ถูกบังคับให้เปลี่ยนอาชีพในวัย 53 ปี เพราะหนังสือพิมพ์ที่เขาเคยทำงาน ‘แอปเปิล เดลี’ (Apple Daily) สื่อดังที่ส่งเสริมประชาธิปไตยในฮ่องกง ถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยความมั่นคงต่อชาติ จนต้องปิดตัว ทำให้นักข่าวและพนักงานหลายร้อยคนตกงานอย่างเคว้งคว้าง
ในขณะที่ไลหันมาขับรถแท็กซี่สีแดง พร้อมเปิดเพลง WTF ฮิปฮอปภาษากวางตุ้งที่เสียดสีรัฐบาลในปี 2005 เป็นซาวนด์แทร็กชีวิตให้ผู้โดยสารฟัง อดีตนักข่าวเศรษฐกิจ ชาง ซานชิง (Chan San-ching) ที่เคยตรวจสอบการเงินของมหาเศรษฐีฮ่องกงจนเป็นข่าวดังนับ 10 ปี ตอนนี้ผันตัวทำงานในร้านไก่ทอดเล็กๆ ที่ยุ่งวุ่นวายกับไก่ในกระทะแทนการสืบเรื่องราวทุจริตระดับโครงสร้าง
“ไม่มีประโยชน์ที่จะเป็นนักข่าวอีกต่อไปแล้ว…ฮ่องกงกลายเป็นสถานที่เพื่อหาเงิน ไม่ใช่ที่สำหรับใช้ชีวิต” ชางกล่าวด้วยความผิดหวังจากการถูกเซนเซอร์อย่างหนักในอาชีพนักข่าว
นอกจากนี้ไลยังเล่าถึงช่วงเวลาที่เขาต้องนั่งร้องไห้กับเพื่อนร่วมงานในวันสุดท้าย ก่อนที่สำนักข่าวจะปิดตัวลง แถมผู้บริหารยังถูกกล่าวหาว่าละเมิดความมั่นคงของชาติ และพนักงานถูกให้ออกโดยไม่ได้รับเงินชดเชย
รัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่งต้องการจะปราบปรามและควบคุมอุตสาหกรรมสื่ออย่างเบ็ดเสร็จ โดยสื่ออิสระที่ทรงอิทธิพลมากมายในฮ่องกงต้องปิดตัวลง ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าว สแตนด์นิวส์ (Stand News) ซิติเซ่นนิวส์ (Citizen News) หรือแม้แต่สื่อขนาดเล็ก เช่น แมดด็อกเดลี (Mad Dog Daily) ไวต์ไนต์ (White Night) ก็ถูกปิดตัวในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

newspaper | The Edge Markets
นอกจากนี้ บรรณาธิการข่าวบางคนถูกจับกุมคุมขังในคุก ขณะที่เว็บไซต์ข่าวออนไลน์หรือแม้แต่บัญชีโซเชียลมีเดียของสื่อที่ต่อต้านรัฐบาลก็หายไปด้วย และการควบคุมสื่อที่เข้มข้นทำให้นักข่าวที่ตกงาน แม้จะต้องการเริ่มต้นอาชีพเดิมก็กลายเป็นต้องตกงานซ้ำอีกหลายครั้ง เพราะสื่อที่ต้องการย้ายไปก็ถูกปิดตัวไปก่อนเช่นกัน สุดท้ายคนทำงานจำนวนมากยอมทิ้งปากกาและกล้องถ่ายภาพหันไปทำอาชีพอื่น โดยสื่อต่างประเทศประเมินว่ามีนักข่าวในฮ่องกงมากกว่า 1,000 คนที่ตกงาน และต้องออกจากสายงานไปขับรถ ขายอาหาร หรือส่งของเดลิเวอรี่แทน
ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี สื่อของฮ่องกงที่ไม่เห็นด้วยกับจีนเรียกได้ว่า ‘ล่มสลาย’ เนื่องจากรัฐบาลเชื่อว่ากลุ่มที่ปลุกความไม่พอใจและทำให้คนออกไปประท้วงบนท้องถนนคือสื่อที่คอยรายงานต่อต้านรัฐบาล และการรายงานข่าววิพากษ์รัฐบาลกลายเป็นภัยความมั่นคงและอาชญากรรมอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
อ้างอิง
- Vice. They Were Reporters in Hong Kong. Now They Drive Cabs and Sell Fried Chicken. https://bit.ly/3seWWTY
- The edge markets. Hong Kong’s crackdown leaves journalists hawking fried chicken. https://bit.ly/34h3XeW
- Bloomberg. How Xi’ s China Put 1,000-Plus Hong Kong Journalists Out of Work. https://bloom.bg/3rpfMZ6