กินพืชเยอะดีต่อสุขภาพ แต่กินพืช “เยอะเกินไป” ก็ใช่ว่าจะดี เพราะมนุษย์ไม่ใช่ “สัตว์กินพืช”
Select Paragraph To Read
- Fruitarianism วิถีการกินแต่ผลไม้
- เป็นพืช ไม่ใช่เนื้อ ให้แร่ธาตุแทนกันไม่ได้
- ทีนี้ แล้วผลลัพธ์ในทางปฏิบัติของการ “กินแต่พืช” คืออะไร?
ในอดีต คนจะเลือกกินเนื้อสัตว์น้อยลง ก็ต่อเมื่อมีข้อห้ามทางศาสนา หรือไม่มีเงินกินเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ หลายคนเลือกกินเนื้อสัตว์น้อยลง เพราะเหตุผลด้านการเสริมสุขภาพ หรือกระทั่งลดโลกร้อน
แน่นอน การกินเนื้อสัตว์น้อยลงก็คือการกิน “พืช” มากขึ้น ซึ่งโลกนี้ก็มีแนวทางการกิน “พืช” หลายขนาน และแนวทางหนึ่งที่ค่อนข้างจะ “สุดขั้ว” ก็คือการ “กินแต่ผักผลไม้สด” หรือที่เรียกกันว่าแนวทางแบบ ‘Fruitarianism’
Fruitarianism วิถีการกินแต่ผลไม้
แนวทางแบบ “กินแต่ผลไม้” นี้เราอาจเคยได้ยินใน “ตำนานไทย” บ้าง ในทำนองว่าเป็นแนวทางการกินของ “ผู้ทรงศีล” ที่อยู่ในป่าเขา แต่ในความเป็นจริง นี่คือสูตรการกินอาหารที่พบในโลกตะวันตกเช่นกัน
รายละเอียดของ Fruitarianism นั้นอาจต่างกัน แต่รวมๆ คือการเอาแหล่งพลังงานเกินครึ่งจากผักผลไม้สด โดยจริงๆ แล้ว ทั่วไปเขาจะถือว่า อาหาร 80% ควรจะเป็นผักผลไม้สด 10% เป็นโปรตีน และอีก 10% เป็นไขมัน
ซึ่งในทางปฏิบัติก็คือ กินแต่ผักผลไม้สด และแทบไม่กินเนื้อสัตว์เลย อย่างไรก็ดีกินแบบนี้ก็อาจไม่ดีต่อร่างกายเท่าไร
ทำไมล่ะ?
เป็นพืช ไม่ใช่เนื้อ ให้แร่ธาตุแทนกันไม่ได้
ทุกวันนี้ กระแสโลกกำลังรณรงค์ให้ “ลดการบริโภคเนื้อสัตว์” กัน แต่ถ้าจะว่าตาม “ไกด์ไลน์ด้านสุขภาพ” สิ่งที่เราพบก็คือ มันไม่มีไกด์ไลน์พื้นฐานไหนบอกให้หยุดบริโภคเนื้อสัตว์ เพราะตามฐานความรู้ปัจจุบัน มันมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายจำนวนไม่น้อยที่ได้จากเนื้อสัตว์เท่านั้น หรืออย่างน้อยๆ ถ้าจะรับของพวกนี้จากพืช ก็ต้องกินแบบมหาศาล ซึ่งไม่สมเหตุสมผลเท่าไร
ตัวอย่างที่ชัดๆ ก็คือ วิตามิน B12 ที่เราไม่มีทางจะได้จากพืชได้ แต่นั่นก็รวมถึงพวกธาตุเหล็กและแคลเซียมด้วย และก็ยังไม่ต้องพูดถึงโปรตีนที่เป็นไฮไลต์ของการกินเนื้อสัตว์ ซึ่งของพวกนี้แม้ว่าเราจะได้จากพืชก็ได้ แต่มันต้องกินจำนวนมากระดับที่เกินมนุษย์ปกติจะกินกัน
เช่น ถ้าเราจะเอาแคลเซียมจากผักให้พอกับที่ร่างกายต้องการ เราอาจต้องกินผักเป็นกิโล แต่ถ้าเราจะเอาจากนม เรากินแค่ 2-3 แก้วต่อวันก็พอ เป็นต้น
ขาดแคลเซียม เลือดจาง ร่างกายอ่อนแอ โทษของการกินแต่พืช
ทีนี้ แล้วผลลัพธ์ในทางปฏิบัติของการ “กินแต่พืช” คืออะไร?
คำตอบก็คือ คนกินอาจเผชิญหน้ากับภาวะกระดูกไม่แข็งแรงเพราะขาดแคลเซียม ภาวะโลหิตจางเพราะขาดธาตุเหล็ก ไปจนถึงภาวะที่การฟื้นตัวของส่วนต่างๆ ในร่างกายเป็นไปได้ไม่ดีเพราะขาดโปรตีน
หรือถ้ามากกว่านั้น ถ้ามาแนว “กินแต่ผลไม้” สิ่งที่น่าจะเกิดก็คือ ทำให้ร่างกายรับ “น้ำตาลฟรุตโตส” มากเกินไป ซึ่งมันอาจทำให้เกิดภาวะตั้งแต่ท้องเสียในระยะสั้น ไปจนถึงภาวะไขมันพอกตับในระยะยาว เพราะน้ำตาลชนิดนี้เป็นน้ำตาลชนิดที่ใช้ตับย่อยสลายและทำการแปรรูปสะสม
ดังนั้นโดยรวมๆ ภายใต้ความรู้ทางโภชนาการปัจจุบัน ไม่ใช่แค่จะไม่ให้ “เลิกกินเนื้อสัตว์” แต่เขายังชี้ให้เห็นพิษภัยของการ “กินพืชมากเกินไป” ในสารบบอาหารทั้งหมดด้วย
ซึ่งสาเหตุที่ต้องเริ่มพูดถึงพิษภัยของพฤติกรรมแบบที่ว่า ก็เพราะมันเริ่มมีคนทำแบบนี้เยอะขึ้น เลยต้องมาเบรกกันบ้าง หลังจากที่ในอดีต เขาพยายามกันแทบตายให้คนกินพืชผักกันมากขึ้นและแทบไม่พูดถึงคุณงามความดีของเนื้อสัตว์เลย เพราะคนกินมันมากเกินไป
จนในที่สุดมันเกิดกระแสตีกลับแบบสุดขั้วดังที่เล่ามา
อ้างอิง: IFLS. A Diet Consisting Mainly Of Fruit Is Bad For You. https://bit.ly/3i8YavG