4 Min

ทำไมเราถึงพูดไม่ได้ง่ายๆ ว่าชาติไหน ‘ขี้เมา’ ที่สุดในโลก

4 Min
704 Views
25 Jul 2022

แม้ว่าเหล้าจะไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายอะไรในสายตาชาวโลก แต่ในความเป็นจริง ก็แทบจะไม่มีชาติไหนภูมิใจในความขี้เมาของตัวเอง และจริงๆคนขี้เมาจากทั่วโลกก็จะมีความภูมิใจเล็กๆ ที่เป็นชาติที่คนมองว่าขี้เมา

นี่ก็เลยอาจเป็นคำถามที่คนขี้เมาทั่วโลกเคยต้องถามว่า แล้วสรุปว่าคนชาติไหนได้ชื่อว่าขี้เมาที่สุด?

นี่ไม่ใช่การหาคำตอบได้ง่ายๆ เพราะน้ำเมาที่คนแต่ละชาตินิยมมันไม่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าจะเทียบกันในเชิงปริมาณดิบๆ มันยาก แต่ครั้นจะคิดคำนวณแปลงน้ำเมาในรูปแบบต่างๆ ให้กลายเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์แล้วมาเทียบกัน มันก็ไม่สมเหตุสมผลนัก เพราะน้ำเมาแต่ละชนิดต่างก็มีผลของความเมาที่ต่างกันออกไป เช่น การกินเบียร์กับกินเหล้าเพียวๆ ถึงรับปริมาณแอลกอฮอล์เท่าๆ กัน แต่กินเบียร์จะเมาน้อยกว่า เพราะเบียร์มีดีกรีแอลกอฮอล์ต่ำกว่า หรือมีน้ำผสมอยู่มากกว่า ซึ่งมันก็เหมือนการเทียบระหว่างการกินเหล้าใส่มิกเซอร์กับกินเหล้าเปล่าๆ ที่อย่างหลังเมากว่าแน่ๆ

ดังนั้นถ้าอยากให้เห็นความขี้เมาในความหลากหลายจริงๆ เราอาจต้องมองน้ำเมาแยกเป็นอย่างๆ ไป

อย่างแรกเลย เราอยากเริ่มด้วยไวน์ที่ถ้าคิดเป็นปริมาณต่อหัวแล้ว ไม่มีชาติไหนในโลกที่กินไวน์มากกว่าโปรตุเกสและฝรั่งเศส ทั้งสองชาตินี้ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ โดยในปีหลังๆ โปรตุเกสเริ่มทิ้งห่างไปเรื่อยๆ

ถามว่าคนฝรั่งเศสไม่ได้ขี้เมาหรอกเหรอ? คำตอบคือก็ไม่น่าใช่ เพราะจากข้อมูล คนฝรั่งเศสคือชาติที่กินวิสกี้เยอะที่สุดในโลกถ้าประเมินต่อหัว และนี่หมายความว่าคนฝรั่งเศสกินวิสกี้มากกว่าคนสก็อตที่เป็นชาติแห่งวิสกี้ และมากกว่าคนไอริชที่คนมักจะมองว่าเป็นพวกขี้เมาซะอีก

และจริงๆ ไอเดียที่ว่าชาติที่ดูจะแยกกับน้ำเมาบางอย่างไม่ได้ จริงๆ ก็ไม่ใช่ชาติที่กินน้ำเมาแบบนั้นมากที่สุด มันก็มีตัวอย่างอีกเพียบ เช่น ถ้าจะดูเบียร์เยอรมันก็ไม่ได้ใกล้ชาติที่กินเบียร์มากที่สุดเลย เพราะชาติที่กินเบียร์มากมายแบบทิ้งห่างชาติอื่นๆ เป็นเท่าตัวคือสาธารณรัฐเชก และมันเป็นแบบนี้มา 30 ปีแล้ว เพราะคนเชกกินเบียร์ประมาณ 280 ขวดใหญ่ต่อคนต่อปี ซึ่งเทียบไม่ได้กับพวกรองๆ ลงมาอย่างออสเตรีย โปแลนด์ โรมาเนีย และเยอรมนี ที่กินแค่ประมาณ 150 ขวดใหญ่ต่อคนต่อปี

ส่วนถ้าย้ายมาเหล้าในความหมายของน้ำเมาที่เกิดจากการกลั่นให้ดีกรีเพิ่มขึ้น เราก็จะพบว่าถ้าใช้นิยามแบบนี้ เกาหลีใต้จะกินเหล้าเยอะสุดในโลกแล้วถ้านับเป็นต่อคนต่อปี แต่ในความเป็นจริง นั่นเกิดจากการที่คนเกาหลีกินโซจูที่มีดีกรีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเหล้าอื่นๆ ในโลกที่ปกติดีกรีจะอยู่ที่ 35-40 เปอร์เซ็นต์

และถ้าเราจะนับแค่พวกเหล้าดีกรี 35-40 เปอร์เซ็นต์ ชาติที่กินเหล้าเยอะที่สุดในโลกคือรัสเซียอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเราก็คงไม่ต้องอธิบายใดๆ ว่าคนรัสเซียกับวอดก้านั้นแยกจากกันยากเพียงใด แต่อยากจะเสริมเกร็ดว่าวอดก้าคือเหล้าชนิดที่มีการผลิตทั่วโลกต่อปีมากที่สุด ซึ่งก็อาจจะเพราะว่ามันผลิตง่ายที่สุด คือใช้ธัญพืชมาหมัก แล้วเอาไปทำการกลั่นและกรองล้วนๆ ไม่ต้องบ่มอะไร แต่ประเด็นคือ วอดก้าที่ผลิตมามากมายต่อปีนี้ ครึ่งหนึ่งของการผลิตก็เพื่อให้คนรัสเซียกิน

เหล้าอีกชนิดที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลกก็ได้แก่ เหล้าที่เกิดจากยุคอาณานิคมแท้ๆ อย่างรัมพื้นฐานผลิตมาจากกากน้ำตาล ซึ่งเป็นของเหลือจากการทำน้ำตาลที่ชาวอาณานิคมเสียดาย ก่อนเอามาแปลงเป็นเหล้าในที่สุดเพื่อไม่ให้เสียของ มันเลยทำให้รัมเป็นน้ำเมาประจำภูมิภาคแคริบเบียนมาตั้งแต่ยุคอาณานิคม และก็ไม่แปลกเลยที่ชาติแคริบเบียนอย่างสาธารณรัฐโดมินิกันจะเป็นชาติที่กินรัมต่อคนต่อปีเยอะที่สุด

แต่ถ้าพูดถึงรัม ข้อมูลที่น่าสนอีกอย่างก็คือ ถ้าจะวัดเอาปริมาณการกินรัมแบบทั้งประเทศ ไม่มีชาติไหนสู้อินเดียได้เลย ไม่ใช่เพราะอินเดียเป็นชาติที่มีขนาดใหญ่ เท่ากับว่าอินเดียเป็นชาติที่ไม่กินเบียร์ กินไวน์ กินวิสกี้เลย เน้นกินกันแต่รัม และอินเดียมาถึงขนาดนี้ได้ ทั้งๆ ที่ประชากรกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เคร่งศาสนาและไม่กินเหล้าด้วยซ้ำ

และถ้าจะพูดถึงน้ำเมาที่เราอาจเดาไม่ออกว่าชาติไหนบริโภคมากสุด ก็คงจะพูดถึงเหล้ากระบองเพชรอย่างเตกีลา’ (และเมซคาล ซึ่งก็คือเตกีลาที่ผลิตนอกเมืองเตกีลา) ทุกคนก็คงเดาออกว่าคนเม็กซิกันคือคนที่บริโภคแบบต่อหัวต่อปีเยอะสุด แต่ในความเป็นจริง ถ้าจะวัดปริมาณเพียวๆ สหรัฐอเมริกากลับเป็นชาติที่บริโภคเตกีลาต่อปีมากกว่าเม็กซิโก และมันเป็นน้ำเมาที่คนอเมริกันบริโภคเพิ่มขึ้นมากสุดต่อปี

สุดท้าย สิ่งที่เราอาจต้องไม่ลืมก็คือน้ำเมามันไม่ได้มีแค่พวกน้ำเมาชนิดใหญ่ๆ ที่เรารู้จักกันทั่วโลกที่ว่ามาเท่านั้น น้ำเมาพวกนี้ส่วนใหญ่ถูกผลิตด้วยทุนข้ามชาติและทุนใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งประเทศที่ยังมีโครงสร้างเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมอยู่อุตสาหกรรมน้ำเมาพวกนี้ก็ยังไม่ได้ขยายตัว และคนก็จะกินน้ำเมารูปแบบแปลกๆ สารพัดกันตามประเพณี ที่ชัดที่สุดคือในแอฟริกา ที่คนแอฟริกันส่วนใหญ่ก็จะเลือกที่จะเมาไปกับน้ำเมาดั้งเดิมมากกว่าจะไปกินเบียร์ ไวน์ หรือสารพัดเหล้าในแบบสากล

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ คงจะเห็นแล้วว่า การเมาและทางเลือกการเมามันหลากหลายมากๆ ในโลกนี้ มันพูดไม่ได้ง่ายๆ เลยว่าชาติไหนขี้เมาที่สุด ความเป็นจริงมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ที่สำคัญก็คือ มนุษย์นั้นก็ไม่ได้พัฒนาน้ำเมามาเพื่อแข่งกันกันเมาแต่อย่างใด แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นเพื่อใช้ในพิธีกรรมบ้าง ใช้ในทางการแพทย์บ้าง และที่สำคัญที่สุดก็คือใช้เพื่อสังสรรค์ เฉลิมฉลอง และผ่อนคลาย

ดังนั้นไม่จำเป็นเลยที่จะต้องหาคำตอบว่าคนกลุ่มใดในโลกขี้เมาที่สุด เพราะเครื่องดื่มที่คู่มากับอารยธรรมมนุษย์นี้มันก็ดูจะถูกสร้างมาเพื่อหลอมรวมผู้คนให้กลมเกลียวเป็นเนื้อเดียวกัน มากกว่าจะถูกสร้างมาให้มนุษย์ใช้เพื่อชิงดีชิงเด่นกัน

อ้างอิง