รู้ไหมการ “แซวผู้หญิง” ที่ไม่รู้จักในที่สาธารณะ เริ่มเป็นสิ่งผิดกฎหมายแล้วในบางประเทศ

3 Min
984 Views
18 Oct 2020

เคยแซวหรือเป็นฝ่ายถูกแซวโดยคนที่ไม่รู้จักไหมครับ?

ผู้ชายตั้งแต่ Gen Y ขึ้นไปที่โตมาในบ้านเราก็คงจะคุ้นเคยกับการแซวผู้หญิงในที่สาธารณะ ซึ่งการแซวที่ว่านี้ก็คือการ “ชม” ผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่เราเจอในพื้นที่สาธารณะแบบดื้อๆ

หลายคนอาจจะคุ้นกับคอนเซ็ปต์อย่าง “สามแยกปากหมา” ที่ผู้ชายมารวมตัวกันนั่งที่สามแยกคอยแซวผู้หญิงที่เดินไปมา สำหรับหลายๆ คน ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบนี่เป็นเรื่อง “ปกติ” ในทางวัฒนธรรมที่ผู้หญิงต้องยอมรับ

แต่รู้ไหมว่าอะไรแบบนี้ กลายเป็นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายไปในหลายประเทศแล้ว

1.

ในปัจจุบัน การใช้ถ้อยคำไม่พึงประสงค์กับบุคคลที่ไม่รู้จักในที่สาธารณะเป็นปัญหาใหญ่มากๆ ในโลกตะวันตก จนทำให้เกิดคอนเซ็ปต์อย่าง “การคุกคามบนท้องถนน” (Street Harassment) ขึ้นมา

ซึ่งในระยะหลังเกิดจากการเหยียดเชื้อชาติกับผู้อพยพซะเยอะ แต่จริงๆ กลุ่มคนที่โดนคุกคามด้วยวาจาบนท้องถนนมานานก่อนหน้านั้นแล้วก็คือ “กลุ่มผู้หญิง”

แม้จะไม่มีบันทึกว่าผู้หญิงโดน “คุกคามด้วยวาจา” บนท้องถนนมานานแค่ไหนแล้ว แต่ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นก็คือ ภาวะแบบนี้น่าจะเกิดหนักในช่วงที่ผู้หญิงเริ่ม “ออกมาทำงานนอกบ้าน” กันจริงจังทั่วโลก

ซึ่งนั่นก็คือช่วงประมาณสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา สาเหตุที่ผู้หญิงเริ่มโดนคุกคามในช่วงนี้ เป็นเพราะนี่เป็นช่วงแรกในประวัติศาสตร์โลกที่ใน “สังคมชายเป็นใหญ่” ผู้หญิงจะได้ออกมานอกบ้านกันจริงจัง เพราะช่วงก่อนหน้านั้น แม้แต่ในสังคมตะวันตกเอง หน้าที่และพื้นที่ของผู้หญิงคืออยู่ในบ้าน ผู้หญิงจะออกมานอกบ้านได้ก็ต่อเมื่อมีผู้ชายมาด้วยเท่านั้น

และคนก็จะมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงที่ออกมานอกบ้านแบบตัวคนเดียวคือ “ผู้หญิงไม่ดี” หรือผู้ค้าบริการทางเพศ ซึ่งนี่เป็นพื้นฐานที่ทำให้การคุกคามทางวาจาเริ่มขึ้นเมื่อ “ผู้หญิงปกติ” เริ่มออกมาทำงานนอกบ้านหลังสังคมขาดแคลนแรงงาน เพราะผู้ชายไปรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

2.

การคุกคามผู้หญิงในพื้นที่นอกบ้านเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงยุคอินเทอร์เน็ต ซึ่งจากงานสำรวจหลายๆ ชิ้น ภาพก็ออกมาค่อนข้างตรงกันว่าผู้หญิงทั่วโลกราวๆ 80-90% โดนคุกคามแบบนี้เป็นปกติ

และนี่ไม่ใช่ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศยังไม่พัฒนาเท่านั้น เพราะขนาดประเทศอย่างแคนาดาหรือออสเตรเลียก็มีสถิติทำนองเดียวกันออกมา

แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ผู้หญิงที่เป็นคนกลุ่มเดียวที่ถูกคุกคามด้วยวาจาจากคนไม่รู้จักตามท้องถนน เพราะอย่างน้อยๆ กลุ่ม LGBT ไปจนถึงคนกลุ่มน้อยในสังคมก็ประสบปัญหานี้

แต่ประเด็นก็คือ ผู้หญิงแทบจะเป็นประชากรกลุ่มเดียวที่โดนคุกคามอย่างทั่วถึงโดยไม่จำกัดวัยและเชื้อชาติ และเป็นประสบการณ์ร่วมของผู้หญิงทั่วโลกอย่างน้อยๆ ก็กว่าครึ่งศตวรรษแล้ว

3.

นอกจากการคุกคามผู้หญิงเจอนอกบ้านจะมีประวัติยาวนานกว่าการคุกคามคนกลุ่มอื่นๆ แล้ว การคุกคามนั้นยังมีลักษณะพิเศษ

เพราะโดยทั่วไปถ้าว่าตามตัวอักษร การ “คุกคาม” ผู้หญิงนอกบ้านในลักษณะที่พบบ่อยคือการ “แซว” จะออกมาในรูปของ “คำชม” หรือ “คำถาม” ซึ่งต่างจากการคุกคามด้วยวาจาในแบบอื่นๆ จนต้องมีศัพท์แยกเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘Catcalling’

ถ้าจะให้พูดชัดๆ ไปกว่านี้ ก็คือประโยคอย่าง

“มีแฟนรึยังจ๊ะ”

“ทำไมสวยอย่างนี้”

“นมใหญ่จัง”

“ตัวหอมนะ”

“ไปกินข้าวกับพี่มั้ย?”

“คืนนี้ว่างมั้ยจ๊ะ”

ประโยคเหล่านี้โดยตัวมันเอง ไม่ใช่ถ้อยคำที่เลวร้ายถ้าอยู่ถูกที่ถูกทาง หลายๆ ประโยคถ้าพูดกับแฟนอาจเป็นสิ่งพึงประสงค์ พูดกับคนรู้จักเป็นสิ่งที่พอรับได้ แต่ถ้ามันออกมาจากปากคนที่ไม่เคยรู้จักกันในพื้นที่สาธารณะแบบหัวมุมถนน เป็นสิ่งที่ผู้หญิงโดนแล้วรู้สึกถูกคุกคามอย่างแน่นอน ซึ่งนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงการโดนแซวแบบนี้ตอนกลางดึกในที่เปลี่ยว หรือการโดนแบบนี้ที่แยกเดิมซ้ำๆ ทุกวัน ซึ่งจะยิ่งเพิ่มดีกรีความรู้สึกถูกคุกคามเข้าไปอีก เพราะการคุกคามอาจเพิ่มระดับไปเป็นความหวาดกลัวการถูกลวนลาม หรือกระทั่งข่มขืน

4.

เรื่องทำนองนี้อาจเป็นเรื่องที่ “ต้องเป็นผู้หญิงถึงจะเข้าใจ” จริงๆ เพราะโอกาสที่ผู้ชายจะโดนอะไรแบบนี้จะน้อยมาก และนี่เป็นสิ่งที่นักสิทธิสตรีสู้มายาวนานไม่รู้กี่สิบปี มีงานวิจัยมาสนับสนุนมากมายก่ายกองนับไม่ถ้วนว่า การต้องประสบกับการคุกคามด้วยวาจาโดยคนไม่รู้จักในที่สาธารณะนั้นส่งผลเสียกับผู้หญิงทั้งทางสุขภาพใจและกายแค่ไหน

จนในที่สุดประเทศอย่าง เปรู ฝรั่งเศส และ ฟิลิปปินส์ ก็ทำให้พฤติกรรมการ “แซวผู้หญิงในที่สาธารณะ” ที่ว่านี้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย

นี่น่าสนใจคือนี่เป็นปรากฎการณ์ใหม่มาก เพราะสามประเทศที่ว่ามาก็เพิ่งผ่านกฎหมายนี้ในปี 2015, 2018 และ 2019 ตามลำดับ

และก็ไม่แปลกนักที่ในกระแสสิทธิสตรีที่ขยายตัวไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ เราก็คาดหวังได้ว่า การกระทำแบบนี้ก็คงจะผิดกฎหมายในประเทศอื่นๆ ในอีกไม่ช้า…

อ้างอิง: