#1 Happy Family USA แอนิเมชันตลกร้ายขุดลึกบาดแผล 9/11 ผ่านครอบครัวชายขอบ ‘มุสลิม-อเมริกัน’
เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีแอนิเมชันคอเมดี้เรื่องหนึ่งที่กลายเป็นกระแสร้อนแรงและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสหรัฐอเมริกา นั่นคือ #1 Happy Family USA
สิ่งที่น่าสนใจของแอนิเมชันเรื่องนี้คือ มันเป็นการ์ตูนเรื่องแรกของอเมริกาที่มีตัวละครใส่ฮิญาบ นั่นหมายถึงว่ามันเป็นการ์ตูนเรื่องแรกที่เล่าเรื่องครอบครัวมุสลิมอเมริกันอย่างจริงจัง
ในช่วงเวลาที่กระแสอคติทางเชื้อชาติและศาสนากำลังคุกรุ่น และโดนัลด์ ทรัมป์กลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง การที่แอนิเมชันเรื่องนี้ถูกปล่อยออกมาในช่วงนี้ จึงดูเหมือนจะบอกอะไรบางอย่างกับเรา
เนื้อเรื่องพาเราย้อนกลับไปยังปี 2001 หลังเหตุการณ์ 9/11 เล่าเรื่องผ่านชีวิตของครอบครัวมุสลิมอเมริกันที่พยายามใช้ชีวิตอย่างสงบสุขท่ามกลางสายตาหวาดระแวงของสังคมรอบข้าง แทนที่จะเป็นภาพอบอุ่นแบบยุค 2000s ซีรีส์กลับนำเหตุการณ์เจ็บปวดในประวัติศาสตร์มาฉายซ้ำในรูปแบบที่ทั้งขบขัน ขมขื่น และเสียดสี ผ่านสายตาของ ‘เรมี ยุสเซฟ’ (Ramy Youssef) นักแสดงชาวอเมริกันเชื้อสายอียิปต์ ผู้สร้างชื่อจากซีรีส์ ‘Ramy’ ร่วมกับ Amazon MGM Studios, A24 และ Cairo Cowboy
เรื่องราวเริ่มต้นจากครอบครัวฮุสเซนที่พยายามใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในอเมริกา พ่อเป็นคนรักชาติแบบสุดโต่งและขี้เหนียวขั้นสุด ส่วนแม่ก็ใช้เวลาทั้งวันหมกมุ่นอยู่กับการสืบคดีการตายของเจ้าหญิงไดอานา ลูกชายก็กำลังแอบหลงรักครูของตัวเองอย่างไม่เหมาะสม ขณะที่ลูกสาวก็ต้องปกปิดว่าเธอเป็นเลสเบี้ยน ครอบครัวนี้ไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก และทุกอย่างก็เลวร้ายลงเมื่อเกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย 9/11 และลุงของพวกเขาถูกจับ ด้านแม่พยายามชวนให้ครอบครัวหันกลับมาพึ่งศรัทธา แต่พ่อกลับเลือกทางตรงข้าม เขาแต่งบ้านด้วยธงชาติและของรักชาติเต็มไปหมด พร้อมประกาศว่า “เราต้องเปลี่ยนตัวเองทุกอย่าง เพื่อให้เข้ากับสังคมนี้!” ความตลกของเรื่องจึงเกิดจากความพยายามของครอบครัวนี้ในการรักษาความสดใส และทำทุกทางเพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอเมริกัน
แน่นอนว่าความพยายามทำตัวกลมกลืนไม่ใช่ทางออก และการ์ตูนก็ถ่ายทอดสิ่งนั้นผ่านเนื้อหาและเพลงประกอบที่มีทั้งความประชดประชันและเจ็บลึก เช่น เพลง ‘Spies in the Mosque’ และ ‘Money for the Meat’ เพลงบัลลาดเศร้าสร้อยเล่าเกี่ยวกับการที่วุฒิการศึกษาไม่มีความหมายในประเทศใหม่ จึงต้องหันไปขายอาหารริมถนน
ส่วนในบท ‘Rumi’ ซึ่งเป็นลูกชายก็ร้องเพลงล้อเลียนเพลง ‘Stan’ ของ Eminem ด้วยท่อนที่ว่า “Here I am, your biggest fan, doubtin’ Ramadan …” (ฉันนี่แหละแฟนพันธุ์แท้ของคุณ… แต่ดันลังเลในช่วงรอมฎอน…”) พร้อมฟอกผมสีขาวให้เหมือน Eminem ซึ่งมันเป็นตัวอย่างที่สะท้อนการตั้งคำถามกับศาสนา ตัวตน และความขัดแย้งภายในที่ชาวมุสลิมในอเมริกาต้องเผชิญ ด้วยการอยากเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอเมริกัน แต่ก็รู้สึกผิดกับศาสนาของตัวเอง
นอกจากนั้น บทพูดและเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องยังสะท้อนสภาพสังคมและเสียดสีค่านิยมในยุคนั้นได้อย่างแสบสัน ตั้งแต่ครอบครัวแบบชายเป็นใหญ่ การเสพติด ความรุนแรงในบ้าน ไปจนถึงการกลบเกลื่อนความเจ็บปวดด้วยภาพลักษณ์แบบอเมริกันจ๋า
แอนิเมชันเรื่องนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์เชิงเสียดสีของครอบครัวมุสลิมที่ต้องดิ้นรนเพื่อไขว่คว้าความฝันแบบอเมริกันดรีม แต่ภายใต้ภาพฝันนั้นกลับแฝงด้วยความรุนแรง ความป่วยไข้ การเหยียดเชื้อชาติ และความสิ้นหวังที่กัดกินอยู่เงียบๆ
อย่างไรก็ตาม แอนิเมชันเรื่องนี้ก็ไม่ได้รอดพ้นจากเสียงวิจารณ์ บางฝ่ายมองว่ามันบิดเบือนและเหมารวมมากเกินไป ขณะที่อีกด้านกลับมองว่านี่คือภาพสะท้อนความจริงของยุคนั้น และมันไม่เคยหายไปจริงๆ จากสังคม ทว่ามันฝังรากลึกและอาจกลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้งในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันนี้
นี่คือซีรีส์แอนิเมชันที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความคิดถึงยุค 2000s ใช้ลายเส้นแบบ low-fi ย้อนยุค สร้างบรรยากาศหดหู่ปนขบขัน และยังได้รับคำชมอย่างกว้างขวางในเชิงศิลปะและเนื้อหาอีกด้วย
#1 Happy Family USA จึงไม่ใช่แค่การ์ตูนครอบครัวธรรมดา แต่มันคือการสะท้อนบาดแผลทางสังคมผ่านเสียงหัวเราะที่เจ็บลึกของครอบครัวหนึ่งที่ต้องเผชิญกับอคติและการกดทับ มันพาเราตั้งคำถามกับโครงสร้างอำนาจที่ยังคงกดคนชายขอบให้อยู่ใต้ระบบ มันไม่พยายามปลอบโยน แต่เลือกจะเปิดแผลให้เห็นอย่างชัดเจนว่าในสังคมนี้ ‘ความเป็นอื่น’ ยังคงถูกใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินเสมอ และนั่นคือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
สามารถรับชม #1 Happy Family USA ทั้ง 8 ตอนได้แล้ววันนี้ผ่าน Amazon แม้จะยังไม่มีซับไทย แต่สามารถเลือกชมในเวอร์ชันเสียงต้นฉบับพร้อมซับภาษาอังกฤษได้ สำหรับใครที่สนใจแอนิเมชันเสียดสีสังคมที่ทั้งเจ็บแสบและร่วมสมัย เรื่องนี้คืออีกหนึ่งผลงานที่ไม่ควรพลาด