3 Min

เฮียง เอส. งอร์ สูตินรีแพทย์ผู้รอดชีวิตจากยุคเขมรแดง แต่ต้องสูญเสียภรรยาจากการปกปิดตัวตน สู่นักแสดงผู้คว้ารางวัลออสการ์

3 Min
197 Views
17 Apr 2024

ในเช้าตรู่วันที่ 17 เมษายน 1975 กองกำลัง ‘เขมรแดง’ หรือกองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชาที่นำโดย ‘พล พต’ สามารถบุกยึดกรุงพนมเปญได้สำเร็จท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของผู้คน เนื่องจากกัมพูชาอยู่ในสภาวะสงครามมาอย่างยาวนาน และหวังว่าเขมรจะนำพาความสงบสุขมาให้

แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กลับเป็นภาพที่ไม่มีใครคาดคิดและกลายเป็นฝันร้ายของประเทศและผู้คนจำนวนนับล้าน

‘เฮียง เอส. งอร์ (Haing S. Ngor)’ สูตินรีแพทย์พร้อมกับภรรยาก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องประสบชะตากรรมเดียวกันกับเพื่อนร่วมประเทศคนอื่นๆ ที่ต้องย้ายจากเมืองหลวงไปใช้แรงงานทำนาที่ชนบท

แต่เนื่องจากรัฐบาลเขมรแดงมองปัญญาชนหรือกลุ่มผู้มีการศึกษาเป็นปฏิปักษ์ งอร์จึงต้องปกปิดตัวตนและทักษะทางการแพทย์ที่เขามี โดยระบุตัวตนของตนเองว่าเป็นคนขับแท็กซี่ และถึงขั้นที่เขาต้องยอมไม่ใส่แว่นตาเพื่อเอาชีวิตรอด

งอร์ต้องเผชิญกับสภาวะอดอยาก โดยต้องประทังชีวิตด้วยการกินทุกอย่างที่กินได้ เช่น ใบไม้ หนู ตั๊กแตน แมลงเต่าทอง ปลวก และแมงป่อง

นอกจากนี้ งอร์ยังถูกกระทำทรมานหลายครั้ง ทั้งการถูกตัดนิ้วก้อยจากการโดนกล่าวหาว่าขโมยของกิน จับเขาแขวนคอ มัดติดกับเสา แล้วเอาไฟเผาก้นของเขา และหนักที่สุดคือการที่เขาถูกเอาไปในกระท่อมแล้วถูกเจ้าหน้าที่เขมรแดงจุดไฟเผากระท่อมหลังนั้น แต่เขาก็กลับรอดมาได้

ซึ่งการปกปิดตัวตนของเขาเอง กลับเป็นสาเหตุที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องเสียชีวิตลง เนื่องจากในขณะนั้นภรรยาของเขาตั้งครรภ์และถึงเวลาที่ต้องคลอดบุตร แต่เขาไม่สามารถที่จะใช้ทักษะทางการแพทย์เพื่อทำคลอดภรรยา เพราะกลัวว่าทั้งครอบครัวของเขาจะถูกสังหาร ทำให้ภรรยาของเขาเสียชีวิตลงขณะคลอดบุตรในอ้อมแขนของเขาโดยที่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

นอกจากภรรยาของเขา พ่อ แม่ พี่สาว 2 คน น้องชาย 2 คนของเขาถูกสังหารจนหมด 

จนกระทั่งในปี 1979 เขมรแดงถูกโค่นลงโดยกองกำลังเวียดนาม เขาจึงอพยพมาเป็นแพทย์ในค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทย และอพยพไปอยู่กับหลานสาวที่สหรัฐอเมริกาในปี 1980

ต่อมาเขาได้รับโอกาสในการแสดงภาพยนตร์เรื่อง ‘The Killing Field (1984)’ ในบทของ ‘ดิธ ปราน’ นักข่าวชาวกัมพูชาที่ต้องประสบชะตากรรมในการปกครองยุคเขมรแดงไม่ต่างกับงอร์ 

แม้ว่างอร์จะไม่เคยแสดงภาพยนตร์มาก่อน แต่บทบาทดังกล่าวทำให้งอร์ได้รับรางวัลด้านภาพยนตร์มากมาย รวมถึงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ประจำปี 1984

โดยเขากล่าวสุนทรพจน์ในการรับรางวัลส่วนหนึ่งว่า “นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก และผมขอขอบคุณ Warner Bros. ที่ช่วยผมบอกเล่าเรื่องราวของผมให้โลกได้รับรู้ และบอกให้โลกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศของผม”

หลังจากนั้นเป็นต้นมางอร์ได้กลายมาเป็นนักแสดง พร้อมกับทำงานสังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือชาวกัมพูชา และเปิดหน้าเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการกระทำของเขมรแดงและบุคคลที่เกี่ยวข้อง

จนกระทั่งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1996 งอร์ถูกยิงเสียชีวิตที่โรงรถบริเวณหลังบ้านของเขาที่ลอสแองเจอลิสเมื่ออายุ 55 ปี ซึ่งถูกระบุว่าเป็นฝีมือของสมาชิกกลุ่ม Oriental Lazy Boyz  โดยแรงจูงใจในการก่อเหตุของคนร้ายระบุว่าเป็นการฆ่าเพื่อปล้นทรัพย์ 

แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังมีความสงสัยเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายกัมพูชาว่าเป็นการฆ่าเพื่อปล้นทรัพย์จริงหรือไม่ หรือจริงๆ แล้วเป็นการจ้างวานเพื่อปิดปากเขากันแน่

แต่ไม่ว่าชีวิตของงอร์จะปิดฉากลงด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม แต่เขาก็คือหนึ่งในประจักษ์พยานของความโหดร้ายทารุณที่มนุษย์จะสามารถทำกับมนุษย์ได้ และเป็นบทเรียนสำคัญที่สังคมโลกจะต้องไม่เดินไปสู่จุดดังกล่าวอีกครั้ง (แบบที่ไม่มีใครถูกลอยนวลพ้นผิดไปได้)

อ้างอิง